Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน16 ธันวาคม 2553
“CPF” ทุ่ม 3 หมื่นล้านใน 5 ปี เน้นลงทุนใน ตปท.ดันรายได้โต 10%             
 


   
search resources

เจริญโภคภัณฑ์อาหาร, บมจ.
Food and Beverage




ซีพีเอฟ ตั้งงบลงทุน 5 ปี 3 หมื่นล้านบาท เน้นลงทุนในต่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนรายได้บริษัทขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% ตลอด 10 ปีข้างหน้า ประเมินตลาดในประเทศโอกาสเติบโตช้า และใกล้อิ่มตัว ตั้งเป้าหมาย 5 ปีนี้ มีรายได้จากธุรกิจต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% ของรายได้รวมจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนเพียง 27% เล็งซื้อกิจการเพิ่มในเขมร-บังกลาเทศ คาดว่า ข้อสรุปปลายปีนี้

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) เปิดเผยแผนการลงทุน 5 ปีข้างหน้า (2554-2558)บริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยจะลงทุนเป็นการลงทุนในต่างประเทศถึง 60% ของเงินลงทุน ที่เหลือเป็นการลงทุนในไทย เพราะโอกาสการลงทุนในต่างประเทศดีกว่าในประเทศมาก โดยจะเน้นหนักลงทุนในอินเดีย เวียดนาม รัสเซีย และ ฟิลิปปินส์ ซึ่งประเทศเหล่านี้ยังมีการบริโภคเนื้อสัตว์ต่ำ จึงเป็นโอกาสดีที่บริษัทจะขยายตัวต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5-10 ปีข้างหน้า

โดยธุรกิจที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ จะทำธุรกิจสัตว์บกและสัตว์น้ำแบบครบวงจรเหมือนไทยเริ่มตั้งแต่ธุรกิจอาหารสัตว์ ฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ และแปรรูปอาหาร ซึ่งจะเป็นหลักในการขับเคลื่อนรายได้ของซีพีเอฟโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10% และมีกำไรสุทธิโต 5-10%ต่อไปอีก 10 ปีข้างหน้า

ด้วยนโยบายการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้สัดส่วนรับรู้รายได้จากการลงทุนในต่างประเทศจะเพิ่มจากปัจจุบัน 5 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 27% ของรายได้รวมในปีนี้ 1.85 แสนล้านบาท ขยับขึ้นไม่ต่ำกว่า 50% ของรายได้รวมในอีก 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ เนื่องจากรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ขณะที่ธุรกิจในประเทศมีอัตราการขยายตัวเพียง 5%

“ในปีหน้าคาดว่า รับรู้รายได้จากธุรกิจในต่างประเทศโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% ขณะที่ในประเทศมีการเติบโตช้ากว่า เนื่องจากตลาดในประเทศเล็ก ทำให้กำลังการผลิตในประเทศต้องพึ่งพาตลาดส่งออกปีละ 2.5 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศ ทำให้เชื่อว่า ใน 5 ปีข้างหน้า รายได้จากการส่งออกและการลงทุนต่างประเทศไม่ต่ำกว่ารายได้จากในประเทศไทย”

สำหรับปัจจัยเสี่ยงในปีหน้า คือ ราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น บริษัทได้มีการสั่งซื้อกากถั่วเหลืองล่วงหน้าถึงกลางปี 2554 เพื่อเก็บสต๊อกไว้ ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากมีการซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศและส่งสินค้าไปทำให้บาลานซ์กัน

ขณะเดียวกัน ปัญหาโรคต่างๆ ของสัตว์บก ก็เป็นปัจจัยลบที่เราต้องติดตาม รวมไปถึงการจำกัดโควตาการส่งออกไก่แปรรูปจากไทยของอียู อย่างไรก็ตาม ทางอียูอาจเปิดให้มีการนำเข้าไก่สดแช่แข็งได้ ซึ่งก็น่าจะเป็นโอกาสดีของไทย

นายอดิเรก กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2553 จะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วง low season สำหรับการส่งออกและฤดูหนาวการเลี้ยงให้ผลผลิตค่อนข้างน้อยซึ่งจะต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 มองว่า สินค้ากุ้งจะกลายเป็นสินค้าโดดเด่นและทำรายได้กำไรได้ดี เนื่องจากพื้นที่เลี้ยงกุ้งของโลกลดลงจากภัยธรรมชาติและปัญหาเรื่องโรค เช่น จีน เวียดนาม และแถบอเมริกาใต้ ทำให้ธุรกิจกุ้งไทยในปีหน้ายังโดดเด่นต่อเนื่อง ขณะที่สินค้าไก่ ราคาขายปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้น ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในกัมพูชา และบังกลาเทศ คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ หรือต้นปีหน้า โดยเบื้องต้นบริษัทได้เจรจากับบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจและมีโรงงานอยู่แล้ว โดยจะเข้าไปซื้อกิจการที่นั่น

น.สพ.สุจินต์ ธรรมศาสตร์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านวิจัยและพัฒนาสัตว์น้ำ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการวิจัยและพัฒนาปลาหยก ซึ่งเป็นปลาสายพันธุ์มาจากแอฟริกาที่มีเนื้อนุ่ม และมีสารอาหารทั้งโอเมกา 3 และคอลลาเจลสูงใกล้เคียงกับปลาแซลมอน คาดว่า ภายใน 3-5ปีข้างหน้า จะนำปลาหยกให้เกษตรกร เพาะเลี้ยงจำหน่ายได้ในต้นทุนราคาที่ไม่สูง เช่นเดียวกับปลาทับทิมที่เป็นที่นิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us