Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน16 ธันวาคม 2553
“ทีดีอาร์ไอ” ฉายภาพ ศก.ไทยปี 54 เตือนประชานิยมสร้างภาระในอนาคต             
 


   
search resources

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
Economics




“ทีดีอาร์ไอ” ชี้ ภาพรวม ศก.ไทยปี 53 ฟื้นรูปตัว “วี” พร้อมประเมิน “จีดีพี” ปีหน้า ต่ำสุดที่ 3.5% และสูงสุดที่ 7.1% แนะจับตาการลงทุนระลอกใหม่ภาค ศก.ที่แท้จริง โดยนโยบายรัฐยังคงมีบทบาทสูง เพราะตั้งงบขาดดุลสูงถึง 4 แสนล้าน แต่นโยบายประชานิยม อาจเป็นเบี้ยหัวแตกจนกลายเป็นภาระในอนาคต พร้อมเตือนปัจจัยเสี่ยงจาก QE2 ทำเงินท่วมโลก

นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านพัฒนาการเศรษฐกิจส่วนรวมและกระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2553 โดยระบุว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 7 โดยภาพรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเร็วเป็นรูปตัววี (V) ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2554 ซึ่งทีดีอาร์ไอประมาณการในช่วงเดือนสิงหาคม 2553 คาดว่าเศรษฐกิจปี 2554 มีความไม่แน่นอนสูง ประเมินจีดีพีไว้ 3 ระดับ ระดับสูงร้อยละ 7.1 ปานกลางร้อยละ 5.1 และระดับต่ำที่ร้อยละ 3.5 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อประเมินไว้ 3 ระดับ เช่นกันคือ ร้อยละ 3.6, 2.6 และ 2

อย่างไรก็ตาม ทีดีอาร์ไอ คาดว่า ในปี 2554 จะเกิดการลงทุนระลอกใหม่เกิดขึ้นได้ โดยเป็นการลงทุนภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง เพราะขณะนี้การลงทุนมีแนวโน้มดีขึ้นทั้งลงทุนในประเทศและนอกประเทศ แต่รัฐบาลต้องสร้างบรรยากาศในการลงทุน และไทยยังต้องเน้นเรื่องคุณภาพแรงงานไทย เนื่องจากไทยมีปัญหาขาดแคลนแรงงานมีฝีมือ ไม่มีรู้ภาษาอังกฤษ และการใช้เทคโนโลยียังมีปัญหาอยู่

“การลงทุนด้านนวัตกรรม และการวิจัยและพัฒนายังต่ำมาก และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก โดยข้อมูลเมื่อปี พ.ศ.2550 ไทยมีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาต่อจีดีพีเพียงร้อยละ 0.21 เท่านั้น ขณะที่ค่าเฉลี่ย 57 ประเทศ มีการลงทุนคิดเป็นร้อยละ 1.04”

ส่วนบทบาทภาครัฐในปีหน้ายังคงมีบทบาทสูง โดยรัฐบาลวางแผนขาดดุลงบประมาณ 400,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4 ของจีดีพี อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินตามโครงการไทยเข้มแข็งยังเหลือเงินอีกเกือบ 100,000 ล้านบาท ขณะที่รายจ่ายสวัสดิการสังคม หรือประชานิยม คาดว่า จะทยอยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2554 แต่จะมีลักษณะเบี้ยหัวแตก ไม่เป็นระบบ ประสิทธิภาพของการใช้จ่ายต่ำกว่าที่ควร จนกลายเป็นภาระของรัฐบาลในอนาคต

ด้านการเมือง ภาพรวมมีความแน่นอนเพิ่มขึ้น ในขณะที่โอกาสเกิดความรุนแรงลดน้อยลง ส่วนการเกิดขึ้นของรัฐบาลใหม่ในอนาคต เชื่อว่า ความขัดแย้งภายในพรรคร่วมฯ อาจสูงขึ้น และยังมีปัจจัยเรื่องสมาชิกบ้านเลขที่ 111 อีกด้วย

นายสมชัย กล่าวว่า ปัจจัยที่จะกระทบเศรษฐกิจมีดังนี้ คือ เกิดความขัดแย้งทางนโยบายของเสาหลักเศรษฐกิจโลก คือ สหรัฐฯ และยุโรป ขณะที่ต้องติดตามผลกระทบจากการอัดฉีดเม็ดเงินตามนโยบายผ่อนคลายเศรษฐกิจระยะ ที่ 2 ของสหรัฐฯ (QE2) ทำให้เกิดกระแสเงินท่วมโลก บวกกับความไม่เชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยิ่งอ่อนค่าลง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us