แม้ไนกี้จะได้ชื่อว่าเป็นกิจการรองเท้าชั้นนำระดับโลกที่คู่แข่งรายอื่นทาบไม่ติด แต่ไนกี้ก็ยังคงแสดงถึงความพยายามในการสร้างความยั่งยืนของอุตสาหกรรมของตน

เมื่อไม่นานมานี้ ไนกี้ได้เปิดตัวโครงการที่เรียกว่า Environmental Apparel Design Tool หรือการใช้ซอฟต์แวร์เป็นเครื่องมือออกแบบเสื้อผ้าที่ดูแลสิ่งแวดล้อม

โครงการที่ว่านี้เป็นความร่วมมือระหว่างไนกี้กับผู้ประกอบการหลายราย เพื่อที่จะหาทางลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างเช่น น้ำมันหรือน้ำ ลง ซึ่งตัวโครงการดำเนินการมากว่า 7 ปีแล้ว ด้วยเงินลงทุนกว่า 6 ล้านดอลลาร์

โดยตัวซอฟต์แวร์จะช่วยให้ผู้ออกแบบสามารถประเมินผลได้เป็นรายนาทีว่า ผลการออกแบบแต่ละแบบของตนมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยแค่ไหน จัดทำเป็นลำดับคะแนนสกอร์ เพื่อใช้เป็นทางเลือกในการออกแบบเสื้อผ้าที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุด

แนวคิดของการจัดทำโครงการนี้ มาจากการรับรู้ว่าทรัพยากรธรรมชาติมีน้อยลง และการประกอบการจะต้องสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่ต้องควบคุมปริมาณคาร์บอนให้มากที่สุด และต้องหาทางใช้วัสดุที่ทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยเปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์สามารถปรับเปลี่ยนงานออกแบบของตนได้อย่างอิสระในเวลาเดียวกันด้วย

การที่ไนกี้ทำโครงการนี้ในลักษณะการร่วมมือกับผู้ประกอบการอื่นด้วย เพราะต้องการให้โครงการนี้เป็นการจัดหานวัตกรรมแบบเปิด และยินดีให้ผู้ประกอบการรายอื่นสามารถสร้าง ต่อยอด และยกระดับเครื่องมือซอฟต์แวร์ที่ว่านี้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่อุตสาหกรรมการผลิตเสื้อผ้าโดยรวม

นอกจากนั้น ไนกี้ยังมีความเชื่อว่าการจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนในระยะยาวจริงๆ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าทุกรายจะต้องเริ่มให้ความสำคัญกับกระบวนการตั้งแต่การออกแบบ ริเริ่มแนวคิดในการผลิตสินค้า ไม่ใช่ไปสนใจเฉพาะการตามแก้ไขปัญหาในภายหลัง หลังจากสินค้าออกมาวางจำหน่ายแล้วอย่างที่ผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรมใช้กันตอนนี้ เช่น การใช้กระเป๋าผ้า หรือการรีไซเคิลสินค้า

จากการดำเนินโครงการดูแลสิ่งแวดล้อมในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ไนกี้เปิดเผยว่า ผลลัพธ์ได้พิสูจน์ว่าได้สร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ไนกี้อย่างมาก และได้มีส่วนช่วยไนกี้ในการสร้างสรรค์สินค้าที่มีความสอดคล้องมากขึ้นในด้านมาตรฐานของการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

การเปิดตัวเครื่องมือซอฟต์แวร์ ช่วยในการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระหว่างการออกแบบ และเปิดให้ผู้ประกอบการอื่นสามารถเอาไปใช้ในงานออกแบบได้อย่างไม่มีข้อจำกัดนี้ เป็นนโยบายใหม่ของไนกี้ในการชักจูงให้ผู้ประกอบการอื่นยอมรับและสนับสนุนในการดูแลสิ่งแวดล้อม และยังหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการทั้งหลายหันมาร่วมมือร่วมแรงกันสร้างมาตรฐานโลกในระดับอุตสาหกรรม เพื่อใช้บังคับกับผู้ประกอบการทุกรายในวงการ

นอกจากนี้หากเป็นไปได้อาจจะนำมาตรฐานนี้ไปใช้ในกระบวนการขั้นการริเริ่มหรือออกแบบในอุตสาหกรรมหลากหลาย ไม่ใช่เพียงการออกแบบในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าเพียงอย่างเดียว และทำให้เกิดสินค้าที่ดูแลใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวางและเป็นไปอย่างยั่งยืน

ผลงานสำคัญของโครงการนี้ของไนกี้ที่เป็นรูปธรรมก็คือ การใช้เครื่องมือแสดงระดับและลำดับของการลดการทำลายสิ่งแวดล้อม ในการออกแบบเสื้อผ้านักกีฬาที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้ ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่เพิ่งผ่านไป และทำสถิติของเสื้อผ้าที่ใช้เทคโนโลยีก้าวหน้าในการออกแบบที่เกี่ยวกับการดูแลสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันฟุตบอลเลยทีเดียว เพราะเสื้อผ้าที่ใช้ในเวิลด์คัพ 2010 ทำมาจากโพลีเอสเตอร์ที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิล 100% ด้วยการเอาขวดน้ำพลาสติกมาใช้ 13 ล้านใบ

นอกจากนั้นเฉพาะปีที่แล้วเพียงปีเดียว ไนกี้เพิ่มปริมาณวัสดุที่มาจากกระบวนการรีไซเคิลเพิ่มขึ้น 2 เท่า จนช่วยประหยัดขยะจากขวดพลาสติกได้ 82 ล้านใบ

หากผู้ประกอบการเสื้อผ้าทุกรายให้ความร่วมมือในการผลิตเสื้อผ้าจากวัสดุจากขยะโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลเพียง 1 ใน 3 ของวัสดุที่ผลิตเสื้อผ้าทั้งหมด ปริมาณความต้องการวัสดุจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้าจะมากกว่าปริมาณการผลิตขวดพลาสติกในขณะนี้ทั้งโลก

การเปิดตัวซอฟต์แวร์แบบ open-source ครั้งนี้ ถือว่าเป็นกลยุทธ์ความรับผิดชอบต่อสังคมที่เชื่อมโยงกับผู้ประกอบการทั้งหมดในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า และยังนึกถึงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอื่นแบบไม่ปิดกั้นและแบ่งปันกับอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างจริงใจ เพื่อที่จะทำให้เกิดประโยชน์แบบ win-win solution ต่อชาวโลกทั้งหมด

การริเริ่มโครงการพัฒนาเครื่องมือซอฟต์แวร์การประเมินระดับการทำลายสิ่งแวดล้อมในงานการออกแบบสินค้าของไนกี้ เป็นการบูรณาการทั้งเรื่องการดูแลน้ำ การใช้สารเคมี การประหยัดพลังงาน และการลดปริมาณขยะมาไว้ในงานออกแบบเพียงขั้นตอนเดียว ปริมาณวัสดุที่จะต้องใช้ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าจะมีเหลือใช้ในระยะยาว ทำให้อุตสาหกรรมเสื้อผ้ามีความยั่งยืนอีกนาน

ผู้ประกอบการที่เข้ามาร่วมในโครงการนี้ ไม่ได้มีเฉพาะผู้ผลิตเสื้อผ้าเท่านั้น ห้างค้าปลีกเสื้อผ้าชั้นนำของอังกฤษอย่าง มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ก็ได้ร่วมมือกับไนกี้ในโครงการนี้อย่างใกล้ชิดมานานหลายปี ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือ ทำให้อุตสาหกรรมของตนดำรงอยู่อย่างยั่งยืนในระยะยาว

ตอนนี้ เครื่องมือประเมินการทำลายสิ่งแวดล้อมในขั้นการออกแบบของไนกี้ กำลังเตรียมที่จะขยายผลไปใช้ในงานออกแบบรองเท้ากีฬาของไนกี้ในปี 2011 ด้วยแล้ว

นอกจากนั้น ไนกี้ได้พัฒนาตลาดบนเว็บไซต์หรืออี-มาร์เกตที่เปิดให้ผู้ประกอบการต่างๆ สามารถแสดงความร่วมมือ เปิดเผย หรือแบ่งปันความรู้ ภูมิปัญญาที่เป็นโมเดลและนวัตกรรมที่จะช่วยเพิ่มความยั่งยืนของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ