Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2533
"นกไม้" จับมือ "บางจากฯ" ถล่ม "ปตท."             
 

   
related stories

ควบบางจากเข้ากับปตท. "ข้ามศพโสภณไปก่อน"
สมหญิง "แค้นนี้ต้องชำระ"

   
search resources

บางจากปิโตรเลียม, บมจ.
Oil and gas
สยามนกไม้, บจก.




เมื่อบางจากฯ จับมือสยามนกไม้ตั้ง "ปั๊มนกไม้" ที่กิโลเมตรที่ 28 บนถนนน้ำพอง-ขอนแก่น โดยได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้ โดยขายหน้าปั๊มในราคาเดียวกับราคาขายปลีกที่กรุงเทพฯ นั้นได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไม่รู้จบในขณะนี้

เบนซินธรรมดาขายลิตรละ 7.75 บาท จากราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดที่ขอนแก่นลิตรละ 8.06 บาท และดีเซลหมุนเร็วขายลิตรละ 6.10 บาท โดยราคาขายปลีกหน้าปั๊มราคาลิตรละ 6.41 บาท

สยามนกไม้ซื้อน้ำมันจากบางจากฯ ด้วยการทำสัญญาระยะยาว 15 ปี

การที่ปั๊มนกไม้ขายน้ำมันราคาถูกได้เช่นนี้ได้กลายเป็นประเด็นฮือฮา พร้อม ๆ กับที่มีกระแสชื่นชมจากประชาชนทั่วไปต่อการชูธงรบขายน้ำมันราคาถูกของ "สยามนกไม้" และบางจากฯ ในครั้งนี้อย่างมากทีเดียว คละเคล้าไปด้วยการปลุกคำถามความคิดว่า "นกไม้ทำได้อย่างไร"

คำตอบที่สมหญิงเจ้าของปั๊มนกไม้เฉลยอย่างสวยหรูในการเริ่มต้นโครงการมินิปั๊มสู่ชนบทตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ราคาน้ำมันลอยตัวว่า เนื่องจากการบริหารมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการประหยัดค่าขนส่งซึ่งทำให้ขายน้ำมันราคาถูกกว่าที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด

สมหญิงเปิดเผยถึงตัวเลขค่าขนส่งน้ำมันเที่ยวละ 30,000 ลิตรต่อวัน จากบางจากฯ ไปยังขอนแก่นว่า ตกเพียงลิตรละ 11 สตางค์เท่านั้น จากการขนส่งในปริมาณมากต่อเที่ยวเช่นนี้ แทนที่จะขนส่งเที่ยวละ 15,000 ลิตรต่อเที่ยว ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายอื่นเท่ากัน ขณะที่ทางการได้กำหนดค่าขนส่งจากกรุงเทพฯ ถึงขอนแก่นไว้ที่ลิตรละ 31 สตางค์ จึงทำให้สยามนกไม้ประหยัดค่าขนส่งได้ถึงลิตรละ 20 สตางค์

หากเรามองภาพการค้าของสยามนกไม้กับบางจากฯ ที่ลงไปในตลาดผู้ค้าปลีกนั้นถือได้ว่าเป็นการพูดอยู่คนละระบบและอยู่คนละมุมมองซึ่งต่างไปจากระบบค้าปลีกที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นปตท. เชลล์ เอสโซ่ คาลเท็กซ์ หรือผู้ค้าตามมาตรา 6 ซึ่งหมายถึงผู้ค้าน้ำมันในปริมาณที่ไม่น้อยกว่า 100,000 เมตริกตันต่อปี หรือคิดเทียบคร่าวๆ ก็ไม่น้อยกว่า 100 ล้านลิตรต่อปี โดยผู้ค้าเหล่านี้จะต้องสำรองน้ำมันตามกฎหมายในอัตรา 3% ของปริมาณที่แจ้งค้า

วิธีการจัดการของสยามนกไม้ในการนำน้ำมันจากต้นทางไปสู่ปลายทาง คือจะรับจากโรงกลั่นบางจากฯ ด้วยรถเทรลเลอร์มุ่งตรงไปยังปั๊มนกไม้ที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่นทันที

"ผู้จัดการ" จะพูดถึงเฉพาะดีเซลหมุนเร็วหรือเรียกกันง่าย ๆ ว่า ดีเซล เป็นหลัก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันมากที่สุด

บางจากฯ จะขายดีเซลให้กับสยามนกไม้ในราคาลิตรละ 5.66 บาท...!

หมายความว่าขายในราคาหน้าโรงกลั่นที่ทางการกำหนดไว้เท่ากันทุกโรงที่ลิตรละ 5.6142 บาท บวกเพิ่มอีกราว 0.05 บาท

หากรวมค่าขนส่งที่สมหญิงกล่าวอิงไว้ที่ 11 สตางค์ ต้นทุนดีเซลของสยามนกไม้ก็ตกลิตรละ 5.7742 บาท การที่สยามนกไม้ขายดีเซลหน้าปั๊มในราคาเท่ากรุงเทพฯ คือลิตรละ 6.10 บาท นกไม้จะได้กำไรลิตรละ 0.3258 บาท

ด้วยกำไรลิตรละ 0.3258 บาทนี้ ยังไม่รวมไปถึงค่าใช้จ่ายสำนักงานหรืออื่น ๆ ดังที่สมหญิงกล่าวกับ "ผู้จัดการ" และชาวบางจากฯ ว่า "นกไม้ทำได้เพราะประหยัดค่าแรงงาน ไม่ต้องมีฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ซึ่งจะต้องมีเงินเดือนให้อีก แต่นกไม้ใช้จ่ายอย่างมัธยัสถ์ มีงานอะไรสมหญิงเป็นคนดำเนินการเอง เพื่อให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันราคาถูก"

ความเป็นไปที่สมหญิงตอกย้ำและประชาสัมพันธ์อยู่บ่อย ๆ ทั้งเรื่องราคาและการบริหารของสยามนกไม้นั้น ต้องยอมรับว่ามีเหตุมีผลอยู่

เหตุผลก็คือว่า ปริมาณน้ำมันทั้งหมดที่สยามนกไม้รับจากบางจากฯ วันละ 30,000 ลิตรต่อวัน หรือประมาณ 188.7 บาร์เรลต่อวันนั้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับปตท.ที่รับน้ำมันจากบางจากฯ ประมาณวันละ 60,000 บาร์เรลต่อวันแล้ว ดูจะเป็นคนละเรื่องกันเลย

จากปริมาณที่สยามนกไม้ค้าอยู่เท่านี้ แน่นอนว่าทำให้ประหยัดและลดต้นทุนต่าง ๆ ไปได้มากตามขนาดของธุรกิจน้ำมันที่เล็กอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายในการบริหาร หรือภาระการลงทุนสร้างคลังสำรองที่พาณิชย์กำหนดไว้ดังที่กล่าวแล้ว

ด้วยเหตุที่สยามนกไม้ยังมิใช่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 ซึ่งหมายถึงผู้ค้าที่ขายน้ำมันไม่น้อยกว่า 100 ล้านลิตรต่อปี และการจะขายได้ขนาดนี้ ถ้าเทียบมาเป็นปั๊มขนาดกลาง ๆ ก็ต้องขายได้ราวสองสามแสนลิตรต่อเดือน หรือมีปั๊มน้ำมันประมาณ 50 แห่ง

ถ้าคิดย้อนกลับ การซื้อปริมาณเป็นหมื่นบาร์เรลด้วยเครดิต 19 วัน กับปริมาณไม่ถึง 200 บาร์เรลด้วยเครดิตระหว่าง 19-30 วันแล้ว สยามนกไม้ก็ซื้อในราคาถูกกว่า

สำหรับผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 ได้แก่ปตท. เชลล์ เอสโซ่ คาลเท็กซ์ ไทยออยล์ บางจากฯ ยุนิคแก๊ส เวิล์ดแก๊ส อุตสาหกรรมแก๊สสยาม คอมโมออยล์ เวิร์ดปิโตรเลียม ฮาร์ทออยล์ เจริญมั่นคง ภาคใต้เชื้อเพลิง สยามสหบริการ และสุโขทัยปิโตรเลียม

ขณะเดียวกัน โดยธรรมชาติของการทำธุรกิจจะต้องมีการขยายตัว ซึ่งเมื่อปริมาณขายสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีปัญหาว่าการขนส่งโดยให้รถมารับน้ำมันจากโรงกลั่นโดยตรงเพื่อส่งไปยังปั๊มทั่วประเทศว่าจะทำได้หรือไม่นั้น สมหญิงยืนยันกับ "ผู้จัดการ" ว่า "ก็ยังให้รถมารับน้ำมันจากบางจากฯ ได้"

ส่วนที่มองกันว่าจะทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดมากยิ่งขึ้น สมหญิงกล่าวว่า "รายอื่นก็ทำให้กันอย่างนี้ทั้งนั้น"

ขั้นตอนตรงนี้จะต่างกับระบบของผู้ค้าน้ำมันที่มีปั๊มน้ำมันอยู่ทั่วประเทศ ที่ได้กระจายน้ำมันไปสำรองไว้ตามจุดสำคัญของแต่ละภูมิภาค เพื่อเป็นหลักประกันทางด้านตลาดและสะดวกในการกระจายน้ำมันไปสู่ปั๊มน้ำมันของจังหวัดต่าง ๆ ในแต่ละย่าน ซึ่งผู้ค้าเหล่านี้จะต้องลงทุนคลังน้ำมัน

ขณะที่การลงทุนสร้างคลังน้ำมันสูงมาก ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท สำหรับคลังขนาดย่อม ๆ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายและเป็นต้นทุนอีกส่วนหนึ่ง ขณะที่สยามนกไม้ไม่ต้องสร้างคลังสำรองส่วนนี้เหมือนกับปตท.หรือผู้ค้ารายอื่น ซึ่งที่ผ่านมาบางรายพยายามทดลองใช้คลังน้ำมันร่วมกันเพื่อลดต้นทุน เช่น เชลล์กับเอสโซ่ แต่สุดท้ายก็เลิกกันไป

ทางปตท.จะซื้อดีเซลจากบางจากฯ ตามราคาหน้าโรงกลั่นในฐานะที่เป็นผู้ค้ามาตรา 6 ที่จะต้องไปมีภาระสำรองน้ำมันตามกฎหมายดังกล่าว

ที่พูดกันมากคือ สมหญิงมีค่าขนส่งดีเซลลิตรละ 0.11 บาท นั้นทำได้จริงหรือถ้าเป็นการลงทุนในธุรกิจน้ำมันอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มุ่งแฝงด้วยธุรกิจอื่น

ตัวเลขค่าขนส่ง 0.11 บาท ที่สมหญิงย้ำอยู่เสมอนั้น สร้างความมึนงงแก่ปตท.และผู้ค้าอื่นอย่างมาก ซึ่งต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากขนส่งได้ในราคาถูกอย่างนี้ "ขอจ้างให้ขนส่งทั้งหมด"

เพราะโดยทั่วไปแล้ว ค่าขนส่งน้ำมันกรุงเทพไปขอนแก่น ถ้าเป็นรถพ่วงขนส่งคราวละ 30,000 ลิตร จะตกลิตรละ 0.20-0.23 บาท ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของดีมานต์การขนส่งในแต่ละช่วง โดยจะขนส่งได้ต่ำสุดที่ลิตรละ 0.18 บาท หากผู้ค้ารายนั้นบริการขนส่งและขนส่งให้ปั๊มน้ำมันของตนเองด้วย ถ้าขนส่งด้วยรถเดี่ยวสำหรับปั๊มเล็กที่อาจจะมารับน้ำมันในกรุงเทพเองจะตกลิตรละ 0.27-0.28 บาท

อย่างไรก็ตาม ที่ขอนแก่นนิยมขนส่งจากคลังในพื้นที่ บางรายอาจจะรับจากกรุงเทพก็ต้องดูปริมาณที่ขนส่งและระยะทางว่าคุ้มหรือไม่ ส่วนรายที่มารับจากกรุงเทพมักจะเป็นจอบเบอร์ คือซื้อไปขายส่งให้รายอื่นด้วย เพราะปริมาณ 30,000 ลิตร ที่รถพ่วงขนส่งไปนั้นจะต้องถ่ายใส่ปั๊มอย่างน้อย 3-4 แห่ง ยกเว้นบางแห่งที่จะรับได้หมดทีเดียวซึ่งจะต้องเป็นปั๊มขนาดใหญ่มาก เช่น ปั๊มแถวรังสิต เป็นต้น แต่ก็มีอยู่น้อย

เมื่อรถน้ำมันถึงตัวเมืองมักจะถ่ายลงรถเล็ก เพื่อแยกไปส่งตามที่ต่าง ๆ เช่น ถ้าไปชุมแพก็เสียค่าขนส่งประมาณอีก 0.03-0.04 บาท ถ้าไกลออกไปอีกก็แพงขึ้น ไม่รวมไปถึงค่าลงทุนการตลาด เช่น ค่าใช้จ่ายสำนักงานค่าบริหารอีกกว่า 0.10 บาทต่อลิตร หรือภาระคลังสำรอง ค่าอุปกรณ์ปั๊มน้ำมัน เป็นต้น

สมหวังซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสยามนกไม้ยอมรับกับ "ผู้จัดการ" ว่าการที่สร้างปั๊มนกไม้สมัยใหม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกพร้อมเพรียงเช่นนี้ เนื่องจากต่อไปจะลงทุนคอนโดมิเนียมหลังปั๊มน้ำมันด้วย

ขณะที่สมหญิงเองได้กล่าวเช่นกันว่า "เราจำเป็นต้องลงทุนใหญ่ บางจากฯ จะได้มั่นใจว่าสยามนกไม้เอาจริง ไม่ใช่ทำเล่น ๆ"

ด้านบางจากฯ ขายให้สยามนกไม้ในราคานี้ ซึ่งเพิ่มจากราคาหน้าโรงกลั่น 0.05 บาทนั้น ถ้าเป็นการลงทุนระบบจ่ายน้ำมันของผู้ค้าทั่วไปแล้วไม่คุ้ม ซึ่งจะอยู่ที่ลิตรละ 0.10 บาท หรือกว่านี้เล็กน้อย แต่ที่บางจากฯ ทำได้เพราะอาศัยฐานที่เป็นโรงกลั่นอยู่แล้ว

แน่ละ...หากประชาชนได้ใช้น้ำมันราคาถูกทั่วประเทศย่อมเป็นเรื่องดีที่สุด เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะทำทั้งระบบ โสภณกล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่า "เราเป็นเพียงแต่ให้เห็นเป็นโครงการตัวอย่าง เมื่อมีปั๊มอย่างนี้ จะนำไปสู่ราคาลอยตัว"

พร้อมทั้งบอกว่า...ถ้าสยามนกไม้ยิ่งซื้อมากราคาจะยิ่ง "แพง" ขึ้น เหตุผลก็คือ "ไม่ต้องการให้ไปกระทบผู้ค้ารายอื่น"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us