|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ในปี 2533 ประธาน บริษัท เอปสัน คนปัจจุบัน “มิโนรุ อุซึอิ” คือ 1 ใน 80 วิศวกรมือดีที่สุดของเอปสัน ที่ทำการคิดค้นพัฒนาหัวพิมพ์รุ่นใหม่ โดยอิงอยู่บนรากฐานของหลักปิเอโซอิเล็กทริกซิตี้ ซึ่งจะถูกใช้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับเครื่องพรินเตอร์อิงก์เจ็ตของเอปสันทุกรุ่นในอนาคต ทีมวิศวกรภายใต้การนำของอุซึอิ ได้ประดิษฐ์หัวพิมพ์ไมโครปิเอโซชิ้นแรกขึ้นมาเป็นผลสำเร็จ และถูกนำไปใช้กับเครื่องพรินเตอร์เอปสัน สไตลัส 800 เป็นรุ่นแรก และออกวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2536
ไมโครปิเอโซจึงเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จกว่า 20 ปีให้กับเอปสัน ในการผลักดันธุรกิจเครื่องพิมพ์หรือพรินเตอร์ โดยเอปสันได้นำหัวพิมพ์ไมโครปิเอโซไปใช้กับอิงก์เจ็ตทุกรุ่น โดยเอปสันเป็นบริษัทเดียวในโลกที่นำหัวพิมพ์แบบปิเอโซในพรินเตอร์ส่วนบุคคลขนาดเล็กขยายสู่ธุรกิจเล็ก และกำลังขยายตลาดไปสู่เครื่องพิมพ์เพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่
“เป็นครั้งแรกที่เอปสันนำเทคโนโลยีไมโครปิเอโซมาใช้กับเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์ด้วยการแนะนำพรินเตอร์ SurePress” มิโนรุ อุซึอิ ประธาน บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าว
นับเป็นพัฒนาการทางธุรกิจที่เอปสันอาศัยเทคโนโลยีที่เหนือกว่าคู่แข่งขันเพื่อสร้างความแตกต่าง เนื่องจากเทคโนโลยีไมโครปิเอโซใช้เทคโนโลยีไอโอโซนเหมือนกับเทคโนโลยีที่ใช้ในหัวฉีดรถยนต์ ทำให้การทำงานเครื่องพรินเตอร์มีความเร็วในการพิมพ์สูง การพ่นหมึกมีความแม่นยำ ต่างจากคู่แข่งที่ใช้เทคโนโลยีเทอร์มอล หรือการใช้ความร้อนในการยิงหมึก หัวพิมพ์ติดอยู่กับตลับหมึก ซึ่งเมื่อหมึกหมดต้องเปลี่ยนทั้งหมด อีกทั้งการควบคุมการพิมพ์ทำได้ยาก เครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตที่ใช้เทคโนโลยีไมโครปิเอโซจึงเสมือนไม้เด็ดของเอปสันในการทำตลาด
เทคโนโลยีไมโครปิเอโซ อยู่ในแผนธุรกิจระยะยาวของเอปสัน ร่วมกับเทคโนโลยี 3 แอลซีดีในเครื่องโปรเจกเตอร์และเทคโนโลยีคิวเมมส์ เป็นเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ ซึ่งเทคโนโลยีทั้งหมดเสมือนเบื้องหลังของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของเอปสันที่จะออกสู่ตลาดในอนาคต และจะสร้างรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างให้กับกลุ่มผู้ใช้งาน
ในผลิตภัณฑ์ใหม่ของเอปสันในกลุ่มผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ ME Office ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จจากการใช้เทคโนโลยีไมโครปิเอโซ โดยเครื่องพิมพ์ทั้ง 3 รุ่นเป็นมัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์รุ่นสุดประหยัด ที่เหมาะกับบริษัทและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มีปริมาณการพิมพ์ต่อเดือนอยู่ที่ 200-500 แผ่น และต้องการคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการเชื่อมต่อเข้าระบบเครือข่าย พิมพ์งานผ่านระบบไวไฟ เป็นเครื่องแฟกซ์ในตัว หรือการพิมพ์แบบดูเพล็กซ์
นอกจากนี้ เอปสันยังมีการเปิดตัวเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น รุ่น TX720WD ใช้ตลับหมึกแยกสี 6 สี และเครื่องพิมพ์สำหรับมืออาชีพเอปสัน สไตลัส โปร 4900 เครื่องพิมพ์หน้ากว้างขนาด A2+ ที่ใช้เทคโนโลยีไมโครปิเอโซ TFT ที่รองรับช่องส่งหมึก 10 ช่องพร้อมกันในเวลาเดียวกัน และเซตหมึกเอปสันอัลตร้าโครม HDR Ink ที่รวมเฉดสีดำ สีส้มใหม่ และเขียว เอาไว้ด้วยกัน ทำให้ได้งานพิมพ์ที่มีโทนสีเที่ยงตรงกว่า 98% โดยยังไม่มีแบรนด์ใดในตลาดมีคุณสมบัติดังกล่าว
เอปสันยังได้ต่อยอดเทคโนโลยีไมโครปิเอโซมาสู่เครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ โดยเอปสันได้มีการเปิดตัวเอปสัน SurePress L-4033A เครื่องพิมพ์ฉลากระบบดิจิตอลอัจฉริยะ ผลิตภัณฑ์นี้จัดเป็นเครื่องพิมพ์ฉลากเพื่อการพาณิชย์เครื่องแรกของโลก ที่นำเทคโนโลยีไมโครปิเอโซมาใช้ เอปสันจะวางจำหน่ายเครื่องพิมพ์รุ่นนี้ทั่วภูมิภาคเอเชียในปี 2554 เพื่อรองรับความต้องการที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นของผู้ใช้ที่มีต่อพรินเตอร์ที่สามารถพิมพ์ได้อย่างรวดเร็วแผ่นต่อแผ่น และสามารถพิมพ์งานฉลากได้หลากหลาย
เอปสันมองว่าแนวโน้มตลาดเครื่องพิมพ์จะมีการเติบโตมากกว่า 10% โดยคาดว่าจะมียอดการซื้อขายทั่วโลก 77 ล้านเครื่อง โดยมีการเติบโตในทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มคอนซูเมอร์ ธุรกิจ และตลาดเกิดใหม่ เอปสันตั้งเป้าหมายขยายกำลังการผลิตโรงงานในอินโดนีเซีย และขยายการใช้งานเทคโนโลยีไมโครปิเอโซจากกลุ่มคอนซูเมอร์และคอมเมอร์เชียลไปยังกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ หรือการใช้งานเชิงอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น
ยกระดับแบรนด์สู่ตลาดอินเตอร์
เอปสันกำลังจะใช้จุดเด่นเรื่องของเทคโนโลยีที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จให้ตลาดทั่วโลกรับรู้ถึงแบรนด์เอปสันยิ่งขึ้น ด้วยการเซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุนทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเอปสันจะสนับสนุนผลิตภัณฑ์ให้กับทีมแมนฯ ยูฯ เพื่อใช้ในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ทั้งนี้ เอปสันมองว่าข้อตกลงดังกล่าวจะส่งผลให้แบรนด์เอปสันเข้าไปอยู่คู่แบรนด์ของสโมสรฟุตบอลที่ดังที่สุดสโมสรหนึ่งของโลก และจะช่วยขยายชื่อเสียงของแบรนด์เอปสันไปทั่วยุโรปและพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลก
อุซึอิ กล่าวว่า การร่วมมือกับแมนฯ ยูฯ ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เอปสัน ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับโลก ทำให้เอปสันเข้าใกล้ลูกค้าที่มีอยู่มากมายทั่วโลกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ทั้งสองแบรนด์ยังมีทิศทางเดียวกัน คือการมุ่งพัฒนาความคิดใหม่ๆ และการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อเข้าใกล้มาตรฐานสูงสุด
“เราต้องการสร้างความตื่นเต้นให้กับกลุ่มผู้ใช้ด้วยการนำเสนอผ่านความสำเร็จของทีมแมนฯ ยูฯ รวมทั้งเทคโนโลยีพรินเตอร์และโปรเจกเตอร์ที่เหนือชั้น จะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างชื่อให้กับเอปสันยิ่งขึ้น”
สำหรับในประเทศไทย ทางเอปสันเตรียมสร้างกิจกรรมจากการสนับสนุนทีมแมนฯ ยูฯ สำหรับบรรดาแฟนคลับเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมเพื่อชิงตั๋วเข้าชมแมตช์การแข่งขันของทีมแมนฯ ยูฯ และการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษอื่นๆ นอกจากนี้ เอปสันจะใช้ตราสัญลักษณ์และภาพนักฟุตบอลของทีมแมนฯ ยูฯ ในสื่อโฆษณาต่างๆ รวมถึงการทำสื่อ ณ จุดขายที่จะกระจายไปทุกที่
เหมือนกับจะเป็นการประกาศศักดาให้กับเอปสัน เพราะเพียงหนึ่งวันจากที่เอปสันเซ็นสัญญาในการสนับสนุนเป็นสปอนเซอร์ให้กับสโมสรฟุตบอลระดับโลกแห่งนี้ ทีมแมนฯ ยูฯ เปิดบ้านถล่มทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ แบบขาดลอยมากที่สุดตั้งแต่เปิดฤดูการแข่งขันด้วยสกอร์ 7-1 ประตู ซึ่งเอปสันคงอยากชนะคู่แข่งขันในตลาดแบบขาดลอยเช่นกัน
|
|
|
|
|