Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2533
เจมส์ เคเพิล             
 


   
search resources

Stock Exchange
เจมส์ เคเพิล
เอกชาติ, บงล.




เรื่องเจมส์ เคเพิลร่วมทุนกับบงล.เอกชาติไม่ใช่เรื่องที่ "ผู้จัดการ" จะจั่วหัวไว้เล่นๆ แต่เป็นเรื่องจริงที่รอเพียงการอนุมัติจากแบงก์ชาติเท่านั้น!

ชื่อของเจมส์ เคเพิล อาจจะคุ้นหูนักค้าหุ้นไทยน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบเคียงกับบริษัทวิจัยอย่างแบริ่ง, เจเอฟฯ, ชินตุล, เฟิสท์แปซิฟิค, โนมูระ ฯลฯ อีกมากมายที่เข้ามาทีหลัง แต่ค่อนข้างมีชื่อกระฉ่อนในสังคมค้าหุ้นไทยมาก

ทั้งนี้เจมส์ เคเพิลได้แต่ทำวิจัยและซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์ไทยบางรายอย่างเงียบๆ มาเป็นเวลานานนับปี จนเมื่อเร็วๆ นี้จึงตัดสินใจที่จะร่วมหอลงโรงกับบงล.เอกชาติ หลังจากที่ใช้เวลาเจรจาประมาณ 2 เดือน

เจมส์ เคเพิล เป็นบริษัทในเครือของธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้เหมือนกับวอร์ดลีย์ แต่ในด้านของการดำเนินงานนั้น คริสโตเฟอร์ แรมพ์ตัน กรรมการผู้จัดการเจมส์ เคเพิล (ฟาร์อีสต์) กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่า เจมส์ เคเพิลเน้นไปในเรื่องตลาดแรกโดยเฉพาะตลาดหุ้นหรือที่เกี่ยวกับ STOCKBROKING อันได้แก่การให้คำปรึกษาทางการเงิน การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศเป็นต้น ขณะที่วอร์ดลีย์จะเน้นด้านงานคอปอเรท ไฟแนนซ์และการทำซินดิเคท โลน ซึ่งเป็นงานด้านวาณิชธนกิจ (MERCHANT BANK) มากกว่า และแต่ละบริษัทมีการบริหารงานเป็นเอกเทศไม่ยุ่งเกี่ยวกัน

ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้เข้าไปซื้อกิจการเจมส์ เคเพิล ตั้งแต่ปี 1984 ด้วยเหตุผลที่แรมพ์ตันบอกกับ "ผู้จัดการ" ว่าเป็นเรื่องยุทธศาสตร์ของกลุ่มทั้งนี้ธนาคารใหญ่ๆ ในเวลานั้นต้องการมีบริษัทโบรกเกอร์ใหญ่ๆ เข้ามาอยู่ในเครือข่าย ประกอบกับการที่ตลาดหุ้นลอนดอนได้ลดการควบคุมกฎระเบียบต่างๆ ลงทำให้มีการแข่งขันกันอย่างหนัก

อย่างไรก็ดีวิกฤติการณ์ "จันทร์ทมิฬ" เมื่อตุลาคม 1987 ได้ก่อให้เกิดผลกระทบกับเจมส์ เคเพิลอย่างหนัก ทั้งนี้เพราะที่ผ่านมาบริษัทฯ พึ่งพิงธุรกิจค้าหลักทรัพย์ในลอนดอนค่อนข้างมาก เมื่อสิ้นปี 1987 เจมส์ เคเพิล กรุ๊ปมีผลการดำเนินงานขาดทุนประมาณ 14 ล้านปอนด์และปี 1988 เพิ่มเป็น 32.38 ล้านปอนด์

เจมส์ เคเพิลได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่โดยขยายตัวไปในตลาดต่างประเทศมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มธุรกิจด้านคอปอเรท ไฟแนนซ์และการทำเครื่องมือทางการเงินใหม่ๆ เช่น วอร์แร้นท์ ออพชั่น และฟิวเจอร์ส เป็นต้น

แม้ว่าเจมส์ เคเพิลต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์ตกต่ำลงของตลาดหุ้นเมื่อปี 2530 แต่บรรดาสำนักงานวิจัยที่มีชื่อในอังกฤษอย่าง EXTEL ก็ยังคงจัดอันดับเจมส์ฯ เป็นบริษัทวิจัยหลักทรัพย์ชั้นนำ และเป็นผู้ครองส่วนแบ่งการตลาดที่สำคัญในตลาดทุนของอังกฤษ

กล่าวในประเทศไทย เจมส์ เคเพิลเข้ามาตั้งสำนักงานตัวแทนเมื่อปี 1988 เป็นผู้สั่งซื้อขายหลักทรัพย์รายสำคัญให้บรรดานักลงทุนจากค่ายยุโรป คีย์แมนสำคัญในไทยเวลานี้คือ MARK STREET ตำแหน่ง CHIEF REP. หรือ COUNTRY HEAD และอนุประสิทธิ์ ณ พัทลุง เป็น EXECUTIVE MANAGER มีนักวิจัยหลักทรัพย์ชาวอเมริกันที่เก่งฉกาจชื่อ RICHARD DUNKEN เป็นหัวหน้าทีมวิเคราะห์ซึ่งมีรวม 8 คน

ในการร่วมทุนกับบงล.เอกชาติครั้งนี้จะมีการแบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน โดยฝ่ายบริหารของบงล.เอกชาติเดิมรับผิดชอบงานบริหารทั่วไป การวางแผนงานโดยรวม และการดำเนินงานประจำวัน ส่วนเจมส์ เคเพิลจะดูแลในเรื่องการค้าหลักทรัพย์และงานวิเคราะห์วิจัยรวมทั้งลูกค้าหลักทรัพย์ต่างชาติ นั่นเท่ากับเจมส์ เคเพิลเหมางานฝ่ายค้าหลักทรัพย์ทั้งหมดไปทำ!

รายละเอียดเรื่องการซื้อขายครั้งนี้ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างแจ่มชัด แต่ที่รู้ๆ กันคือหุ้นที่ถูกนำออกมาขายนั้นเป็นหุ้นในส่วนของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงินซึ่งมีอยู่ราว 30% และบงล.ธนชาติก็เคยขอซื้อมาแล้วครั้งหนึ่งแต่เกี่ยงเรื่องราคา ขณะที่ในตลาดนอกตลาดเวลานี้หุ้นเอกชาติซื้อขายกัน 60 กว่าบาท ถีบตัวขึ้นมา 40 กว่าบาทจากที่ยังไม่มีข่าวเรื่องร่วมทุน

ตอนนี้เอกชาติก็เริ่มทุบห้องค้าเพื่อขยายบริเวณรองรับนักลงทุนที่เริ่มแน่นหนาขึ้นเรื่อยๆ และรอทีมวิเคราะห์ของเจมส์ เคเพิลด้วย ส่วนแผนการต่อไปคือกระโจนลงไปในศึกประมูลที่นั่งโบรกเกอร์ ซึ่งว่ากันว่าซองประมูลยืนขึ้นไปที่หลักร้อยล้านแล้ว

งานนี้ยังต้องไปอีกหลายก้าวนัก!!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us