ชื่อของเธอเป็นที่รู้จักดีในวงการค้าน้ำมันและยิ่งจะโด่งดังเป็นพุแตกยิ่งขึ้นเมื่อสยามนกไม้จับมือกับบริษัทบางจากปิโตรเลียม
จำกัด ตั้งปั๊มน้ำมัน "นกไม้" เพื่อบุกเบิกตลาดน้ำมันภูธรอย่างจริงจังเมื่อวันที่
1 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ จนดูเหมือนว่าได้กลายเป็นจุดปะทุความขัดแย้งระหว่างการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย
(ปตท.) และบางจากฯ ให้ทวีความรุนแรงกว่าเก่า
สมหญิง เสรีวงศ์ เจ้าของบริษัทสยามนกไม้ จำกัด จัดได้ว่าเป็นนักธุรกิจหญิงที่เดินอยู่บนถนนสายน้ำมันมาแล้วร่วม
20 ปี โดยเริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่อายุ 18 ปีจากการชักชวนของพลตรีจิระ เครือสุวรรณ
ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงให้มาช่วยงานที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. สามแยกแคลาย กรุงเทพฯ
เพียงอายุ 23 ปี สมหญิงได้รับมอบหมายจากพลตรีจิระ ให้เป็นผู้จัดการฝ่ายขายปลีกดูแลงานขายปลีกและขายส่งน้ำมันเตาให้โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ
หนึ่งในจำนวนนี้ที่สมหญิงขายน้ำมันเตาให้ก็คือโรงงานฟอกย้อมประเทศไทยและบริษัท
พิพัฒนกิจ เท็กซ์ไทล์ จำกัด ของสมหวัง ภิญญาวัธน์ โรงงานทอผ้าแห่งแรกของไทย
หลังจากที่สมหวังเป็นลูกค้าซื้อน้ำมันเตาจากสมหญิงมานานก็ได้ชักชวนวิญญู
พานิชการ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ร่วมกันก่อตั้ง "บริษัทนกไม้สยาม จำกัด"
เปิดปั๊ม ปตท.ตรงช่วงหลักกิโลเมตรที่ 27 บนถนนมิตรภาพ ที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดของแก่นแต่ทำไปได้ระยะหนึ่งก็เกิดปัญหาแตกแยกกับวิญญู
สมหญิงและสมหวังจึงถอนตัวออกมาในปี 2529 โดยปั๊มน้ำมันปตท.แห่งนั้น ยังคงดำเนินการต่อโดยพิศลย์
พานิชการ ลูกของวิญญูในนามบริษัท ศลย์บริการ จำกัด
สมหญิงเองเห็นว่าตลาดน้ำมันยังพัฒนาไปได้อีกมากและยังสนใจที่จะทำธุรกิจน้ำมันอยู่
ขณะที่สมหวังได้ไปซื้อที่ดินบริเวณกิโลเมตรที่ 28 ไว้ร่วม 300 ไร่ และเห็นว่าแทนที่จะซื้อเพื่อเก็งกำไรเฉยๆ
ก็น่าจะพัฒนาที่ดินให้เป็นประโยชน์สูงสุด
ประกอบรัฐบาลมีนโยบายที่จะปล่อยให้ราคาลอยตัว ซึ่งจะต้องมีกลไกสำคัญก็คือการกระจายปั๊มออกไปสู่ภูมิภาคมากที่สุด
ขณะที่ปัจจุบันมีปั๊มหลอดอยู่ทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 100,000 แห่ง โดยจะซื้อน้ำมันจากปั๊มในตัวเมืองไปขายต่อ
ซึ่งมักจะมีการปลอมปน ไม่มีเอกลักษณ์ที่แน่นอนและไม่ได้มาตรฐาน
สมหญิงเห็นช่องว่างของตลาดน้ำมันในส่วนนี้ จึงร่วมทุนกับสมหวังตั้ง "บริษัทสยามนกไม้
จำกัด" เพื่อผลักดันโครงการ "มินิปั๊มสู่ชนบท"
สยามนกไม้ตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาทเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยสมหญิงถือหุ้น
40% สมหวังถือหุ้น 60% เพื่อดำเนินการมินิปั๊มโฉมใหม่ที่ขอนแก่นเป็นแห่งแรก
เนื่องจากเห็นว่าเป็นจังหวัดที่มีการขยายตัวของอุตสาหกรรมมาก ไม่ว่าจะเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซซีเอ็นจีมูลค่า
5,000 ล้านบาท มีโรงงานผลิตเยื่อกระดาษแห่งใหญ่คือบริษัท ฟินิคซ์ พัลพ์ แอนด์
เปเปอร์ และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมไทย-ลาว เป็นต้น
มินิปั๊มของสยามนกไม้จะมีลานจ่ายน้ำมันค้าปลีกซึ่งมีหัวจ่ายถึง 18 ตัว
สำนักงานค้าปลีกและส่ง คาร์แคร์ สะพานล้างรถ สโมสร ร้านอาหาร ซูปเปอร์มาร์เก็ต
ลานพักผ่อน สระว่ายน้ำ รวมถึงอพาร์ทเม้นท์ 24 ห้อง
การที่สยามนกไม้มีเครื่องอำนวยความสะดวกเช่นนี้สมหวังให้เหตุผลว่าส่วนหนึ่ง
เพื่อรองรับโครงการคอนโดเทลที่ตนจะสร้างขึ้นในอนาคต ด้วยสายตาที่เห็นว่าต่อไปเมื่อนักลงทุนต่างชาติมากันมากก็จะขาดแคลนที่พักขณะที่โรงแรมย่านนี้ก็เต็ม
นอกจากมินิปั๊มที่นี่แล้ว ยังมีปั๊ม "นกไม้" ที่บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
ที่กำลังสร้างก็มีในอำเภอเมือง จ.อุดรธานีและขอนแก่นจังหวัดละ 2 แห่ง จังหวัดหนองคายและสกลนครจังหวัดละ
1 แห่ง
พร้อมกันนี้ยังตั้งเป้าขยายโครงการอีก 5,000 แห่งระหว่างปี 2533-35 โดยจะเริ่มต้นจากขอนแก่น
มหาสารคาม ชัยภูมิ อุดรธานีก่อน ทั้งในรูปของมินิปั๊มตามหมู่บ้านและปั๊มหลอดแก้ว
จากนั้นก็จะกระจายไปสู่ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ สุรินทร์ ยโสธรและสกลนคร แล้วจึงขยายไปสู่จังหวัดมุกดาหาร
ศรีสะเกษ เลย นครพนม อุบลราชธานีและนครราชสีมา
สยามนกไม้จะให้บริการในรูปของบัตรสมาชิก ทันทีที่สมัครสมาชิกจะได้ส่วนลดในการเติมน้ำมันเบนซินและดีเซล
การบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 10% และตรวจเช็ครถฟรี
ที่นี่จะมีการล็อกหัวจ่ายสำหรับสมาชิกในราคาพิเศษซึ่งจะถูกกว่าราคาที่ราชการกำหนด
10 สตางค์
การค้าน้ำมันของสยามนกไม้ใช้วิธีการขายทั้งในรูปของการส่งน้ำมันให้ตามปั๊มหรือผ่านจุดขายของบริษัทที่ตั้งแท้งก์ลอยไว้
ส่วนตามหมู่บ้านจะเป็นลักษณะปั๊มหลอดหรือมินิปั๊มใช้ตรา "นกไม้"
สัญลักษณ์เป็นรูปสี่เหลี่ยมมีล้อเลื่อนได้ จะจุได้ 200 ลิตร ใช้กุญแจปิดกันผู้ขายน้ำมันเอาน้ำมันอื่นมาปลอมปน
ซึ่งเป็นการรักษาคุณภาพให้มาตรฐานเดียวกัน
สมหวังและสมหญิงพูดถึงการขายน้ำมันในราคาถูกกว่าที่ราชการกำหนดกับ "ผู้จัดการ"
ว่า "เพราะเป็น BRAND ใหม่ จึงลดราคาเพื่อจูงใจลูกค้า ซึ่งถ้าเทียบกับบริษัทน้ำมันต่างชาติยี่ห้ออื่นถือว่าเป็นการลดในรูปแบบที่ต่างกัน
เช่นเติมน้ำมัน 300 บาทจะได้ของแถมก็คือส่วนลดนั่นเอง ส่วนของเราไม่มีของแถมแต่ลดเป็นเงินแทนตกประมาณลิตรละ
10 สตางค์ อันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก หากเป็นการตอบแทนลูกค้าทางตรงและไม่ต้องไปเสียงบโฆษณาให้สิ้นเปลือง"
ทำให้สยามนกไม้ขายน้ำมันได้ในราคาที่ถูกกว่าปั๊มอื่น
"เราทำได้ อาศัยว่าขายเร็ว ขายมากและขนส่งน้ำมันเองโดยรถยนต์ จากอัตราค่าขนส่งทางรถไฟกรุงเทพ-ขอนแก่น
กำหนดไว้ที่ลิตรละ 31 สตางค์ ซึ่งเป็นราคาต้นทุนที่ตายตัว แต่พอเราขนเองจะตกแค่ลิตรละ
11 สตางค์ ลดต้นทุนไปได้อีก 20 สตางค์" สมหญิงชี้ถึงเทคนิคการบริหารที่ขายน้ำมันถูกได้
การขนส่งอย่างนี้ทำให้สยามนกไม้ได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการใช้รถเทรลเลอร์บรรทุกน้ำมัน
ซึ่งไม่ว่าจะบรรทุกขนาด 15,000 ลิตรหรือ 30,000 ลิตรต่อเที่ยวค่าใช้จ่ายก็เท่ากัน
สยามนกไม้จึงขนส่งเที่ยวละ 30,000 ลิตรจากโรงกลั่นที่บางจากฯ วันละ 2 เที่ยวแล้วส่งตรงไปยังมินิปั๊ม
เดือนหนึ่งๆ ก็จะรับน้ำมันจากบางจากฯราว 2 ล้านลิตร
สมหญิงย้ำถึงการเปิดปั๊มตรา "นกไม้" ว่าไม่เคยคิดที่จะแย่งตลาดน้ำมันจากใครแต่ต้องการสร้างตลาดใหม่ตามนโยบายของรัฐ
ให้มีการแข่งขันกันมากขึ้น และประชาชนจะได้ใช้น้ำมันราคาถูก "นี่ถือว่าเป็นการใช้ความสามารถในการสยบคู่แข่งขัน"
จากบริการและราคาที่เสนอให้ลูกค้าอย่างเป็นธรรม
เมื่อทางรัฐบาลได้แสดงท่าทีให้ทบทวนบทบาทของปตท.และบางจากฯ กันให้ชัดเจนเสียก่อน
เพราะการที่บางจากฯ ขายน้ำมันแก่ผู้ค้าเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นการกระทบและแย่งตลาดน้ำมันปตท.
ซึ่งเป็นของคนไทยด้วยกันเองว่าควรจะออกมาในรูปใด
แต่ในระยะนี้อันเป็นห้วงเวลาที่ยังไม่ได้สรุปบทบาทที่ชัดเจนนั้น ก็ให้บางจากฯยุติการขายน้ำมันแก่ผู้ค้ารายอื่นไว้ก่อน
พร้อมทั้งมีการเสนอว่าปตท.จะเข้ามาควบคุมการบริหารงานของบางจากฯ มากขึ้นนั้น
สมหญิงกล่าวว่า "ทำให้เราไม่แน่ใจว่านโยบายรัฐจะเอาอย่างไร"
"ท้อใจเหมือนกัน แต่ก็ต้องดูท่าทีที่ชัดเจนของรัฐอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไร
กระนั้นก็ตาม เราค่อนข้างมั่นใจว่าโครงการจะเดินหน้าไปได้ด้วยดี เพราะเท่าที่ทราบทางนายกรัฐมนตรีได้ขอข้อมูลเรื่องนี้จากบางจากฯ
เพื่อดูว่าผลดีผลเสียเป็นยังไง รู้สึกนายกฯให้ความสนใจมาก เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา"
สมหญิงกล่าวด้วยแววตาที่มาดมั่นและแฝงด้วยความภูมิใจกับโครงการมินิปั๊มสู่ชนบทครั้งนี้ว่า
"กว่าจะมีวันนี้ได้นั้นเป็นเพราะพลตรีจิระได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องน้ำมันให้อย่างมากมาย
ไม่อย่างนั้นแล้วชอบดูน้ำมันเตาเป็นโอเลี้ยงอยู่เรื่อยเพราะคล้ายกัน ขณะเดียวกันมีสมหวังเป็นเพื่อนและหุ้นส่วนที่ดีซึ่งเป็นสร้างกำลังใจในการผลักดันโครงการนี้ออกมา
"เราเป็นบริษัทเล็กไม่คิดจะแย่งลูกค้าใคร เพียงแต่เราอยากเข้าชนบท
เน้นเอาลูกค้าจร อยากให้พวกเราคนไทยร่วมมือเพื่อสู้กับปั๊มต่างชาติดีกว่า
การที่มีโลโก้บางจากฯ คู่กับโลโก้นกไม้ก็เพราะต้องการเน้นให้เห็นว่านี่เป็นน้ำมันที่ส่งตรงมาจากโรงกลั่นของคนไทย
เพื่อให้คนไทยได้ภูมิใจ ให้เกิดความรู้สึกรักไทยใช้สินค้าไทย ไม่ใช่ปล่อยให้ต่างชาติหัวเราะเยาะเรา
เราจึงขายถูกกว่าเชลล์ เอสโซ่ หรือคาลเท็กซ์"
จนวันนี้ ปั๊ม "นกไม้" ได้เริ่มกลายเป็นสัญลักษณ์ของมินิปั๊มภูธรโฉมใหม่
เมื่อพูดถึง "นกไม้" ทุกคนก็จะรู้จักสมหญิง หรือเมื่อพูดถึงสมหญิง
ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นเจ้าของ "ปั๊มนกไม้" ควบคู่กับการหนุนเนื่องของบางจากฯ
จนกลายเป็นข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา