Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2533
สมหญิง เสรีวงศ์ "นกไม้วงการน้ำมัน"             
 


   
search resources

Oil and gas
สมหญิง เสรีวงศ์
สยามนกไม้, บจก.




ชื่อของเธอเป็นที่รู้จักดีในวงการค้าน้ำมันและยิ่งจะโด่งดังเป็นพุแตกยิ่งขึ้นเมื่อสยามนกไม้จับมือกับบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด ตั้งปั๊มน้ำมัน "นกไม้" เพื่อบุกเบิกตลาดน้ำมันภูธรอย่างจริงจังเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ จนดูเหมือนว่าได้กลายเป็นจุดปะทุความขัดแย้งระหว่างการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) และบางจากฯ ให้ทวีความรุนแรงกว่าเก่า

สมหญิง เสรีวงศ์ เจ้าของบริษัทสยามนกไม้ จำกัด จัดได้ว่าเป็นนักธุรกิจหญิงที่เดินอยู่บนถนนสายน้ำมันมาแล้วร่วม 20 ปี โดยเริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่อายุ 18 ปีจากการชักชวนของพลตรีจิระ เครือสุวรรณ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงให้มาช่วยงานที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. สามแยกแคลาย กรุงเทพฯ

เพียงอายุ 23 ปี สมหญิงได้รับมอบหมายจากพลตรีจิระ ให้เป็นผู้จัดการฝ่ายขายปลีกดูแลงานขายปลีกและขายส่งน้ำมันเตาให้โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ

หนึ่งในจำนวนนี้ที่สมหญิงขายน้ำมันเตาให้ก็คือโรงงานฟอกย้อมประเทศไทยและบริษัท พิพัฒนกิจ เท็กซ์ไทล์ จำกัด ของสมหวัง ภิญญาวัธน์ โรงงานทอผ้าแห่งแรกของไทย

หลังจากที่สมหวังเป็นลูกค้าซื้อน้ำมันเตาจากสมหญิงมานานก็ได้ชักชวนวิญญู พานิชการ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ร่วมกันก่อตั้ง "บริษัทนกไม้สยาม จำกัด" เปิดปั๊ม ปตท.ตรงช่วงหลักกิโลเมตรที่ 27 บนถนนมิตรภาพ ที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดของแก่นแต่ทำไปได้ระยะหนึ่งก็เกิดปัญหาแตกแยกกับวิญญู สมหญิงและสมหวังจึงถอนตัวออกมาในปี 2529 โดยปั๊มน้ำมันปตท.แห่งนั้น ยังคงดำเนินการต่อโดยพิศลย์ พานิชการ ลูกของวิญญูในนามบริษัท ศลย์บริการ จำกัด

สมหญิงเองเห็นว่าตลาดน้ำมันยังพัฒนาไปได้อีกมากและยังสนใจที่จะทำธุรกิจน้ำมันอยู่ ขณะที่สมหวังได้ไปซื้อที่ดินบริเวณกิโลเมตรที่ 28 ไว้ร่วม 300 ไร่ และเห็นว่าแทนที่จะซื้อเพื่อเก็งกำไรเฉยๆ ก็น่าจะพัฒนาที่ดินให้เป็นประโยชน์สูงสุด

ประกอบรัฐบาลมีนโยบายที่จะปล่อยให้ราคาลอยตัว ซึ่งจะต้องมีกลไกสำคัญก็คือการกระจายปั๊มออกไปสู่ภูมิภาคมากที่สุด

ขณะที่ปัจจุบันมีปั๊มหลอดอยู่ทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 100,000 แห่ง โดยจะซื้อน้ำมันจากปั๊มในตัวเมืองไปขายต่อ ซึ่งมักจะมีการปลอมปน ไม่มีเอกลักษณ์ที่แน่นอนและไม่ได้มาตรฐาน

สมหญิงเห็นช่องว่างของตลาดน้ำมันในส่วนนี้ จึงร่วมทุนกับสมหวังตั้ง "บริษัทสยามนกไม้ จำกัด" เพื่อผลักดันโครงการ "มินิปั๊มสู่ชนบท"

สยามนกไม้ตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาทเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยสมหญิงถือหุ้น 40% สมหวังถือหุ้น 60% เพื่อดำเนินการมินิปั๊มโฉมใหม่ที่ขอนแก่นเป็นแห่งแรก เนื่องจากเห็นว่าเป็นจังหวัดที่มีการขยายตัวของอุตสาหกรรมมาก ไม่ว่าจะเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซซีเอ็นจีมูลค่า 5,000 ล้านบาท มีโรงงานผลิตเยื่อกระดาษแห่งใหญ่คือบริษัท ฟินิคซ์ พัลพ์ แอนด์ เปเปอร์ และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมไทย-ลาว เป็นต้น

มินิปั๊มของสยามนกไม้จะมีลานจ่ายน้ำมันค้าปลีกซึ่งมีหัวจ่ายถึง 18 ตัว สำนักงานค้าปลีกและส่ง คาร์แคร์ สะพานล้างรถ สโมสร ร้านอาหาร ซูปเปอร์มาร์เก็ต ลานพักผ่อน สระว่ายน้ำ รวมถึงอพาร์ทเม้นท์ 24 ห้อง

การที่สยามนกไม้มีเครื่องอำนวยความสะดวกเช่นนี้สมหวังให้เหตุผลว่าส่วนหนึ่ง เพื่อรองรับโครงการคอนโดเทลที่ตนจะสร้างขึ้นในอนาคต ด้วยสายตาที่เห็นว่าต่อไปเมื่อนักลงทุนต่างชาติมากันมากก็จะขาดแคลนที่พักขณะที่โรงแรมย่านนี้ก็เต็ม

นอกจากมินิปั๊มที่นี่แล้ว ยังมีปั๊ม "นกไม้" ที่บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ที่กำลังสร้างก็มีในอำเภอเมือง จ.อุดรธานีและขอนแก่นจังหวัดละ 2 แห่ง จังหวัดหนองคายและสกลนครจังหวัดละ 1 แห่ง

พร้อมกันนี้ยังตั้งเป้าขยายโครงการอีก 5,000 แห่งระหว่างปี 2533-35 โดยจะเริ่มต้นจากขอนแก่น มหาสารคาม ชัยภูมิ อุดรธานีก่อน ทั้งในรูปของมินิปั๊มตามหมู่บ้านและปั๊มหลอดแก้ว

จากนั้นก็จะกระจายไปสู่ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ สุรินทร์ ยโสธรและสกลนคร แล้วจึงขยายไปสู่จังหวัดมุกดาหาร ศรีสะเกษ เลย นครพนม อุบลราชธานีและนครราชสีมา

สยามนกไม้จะให้บริการในรูปของบัตรสมาชิก ทันทีที่สมัครสมาชิกจะได้ส่วนลดในการเติมน้ำมันเบนซินและดีเซล การบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 10% และตรวจเช็ครถฟรี

ที่นี่จะมีการล็อกหัวจ่ายสำหรับสมาชิกในราคาพิเศษซึ่งจะถูกกว่าราคาที่ราชการกำหนด 10 สตางค์

การค้าน้ำมันของสยามนกไม้ใช้วิธีการขายทั้งในรูปของการส่งน้ำมันให้ตามปั๊มหรือผ่านจุดขายของบริษัทที่ตั้งแท้งก์ลอยไว้ ส่วนตามหมู่บ้านจะเป็นลักษณะปั๊มหลอดหรือมินิปั๊มใช้ตรา "นกไม้" สัญลักษณ์เป็นรูปสี่เหลี่ยมมีล้อเลื่อนได้ จะจุได้ 200 ลิตร ใช้กุญแจปิดกันผู้ขายน้ำมันเอาน้ำมันอื่นมาปลอมปน ซึ่งเป็นการรักษาคุณภาพให้มาตรฐานเดียวกัน

สมหวังและสมหญิงพูดถึงการขายน้ำมันในราคาถูกกว่าที่ราชการกำหนดกับ "ผู้จัดการ" ว่า "เพราะเป็น BRAND ใหม่ จึงลดราคาเพื่อจูงใจลูกค้า ซึ่งถ้าเทียบกับบริษัทน้ำมันต่างชาติยี่ห้ออื่นถือว่าเป็นการลดในรูปแบบที่ต่างกัน เช่นเติมน้ำมัน 300 บาทจะได้ของแถมก็คือส่วนลดนั่นเอง ส่วนของเราไม่มีของแถมแต่ลดเป็นเงินแทนตกประมาณลิตรละ 10 สตางค์ อันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก หากเป็นการตอบแทนลูกค้าทางตรงและไม่ต้องไปเสียงบโฆษณาให้สิ้นเปลือง" ทำให้สยามนกไม้ขายน้ำมันได้ในราคาที่ถูกกว่าปั๊มอื่น

"เราทำได้ อาศัยว่าขายเร็ว ขายมากและขนส่งน้ำมันเองโดยรถยนต์ จากอัตราค่าขนส่งทางรถไฟกรุงเทพ-ขอนแก่น กำหนดไว้ที่ลิตรละ 31 สตางค์ ซึ่งเป็นราคาต้นทุนที่ตายตัว แต่พอเราขนเองจะตกแค่ลิตรละ 11 สตางค์ ลดต้นทุนไปได้อีก 20 สตางค์" สมหญิงชี้ถึงเทคนิคการบริหารที่ขายน้ำมันถูกได้

การขนส่งอย่างนี้ทำให้สยามนกไม้ได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการใช้รถเทรลเลอร์บรรทุกน้ำมัน ซึ่งไม่ว่าจะบรรทุกขนาด 15,000 ลิตรหรือ 30,000 ลิตรต่อเที่ยวค่าใช้จ่ายก็เท่ากัน สยามนกไม้จึงขนส่งเที่ยวละ 30,000 ลิตรจากโรงกลั่นที่บางจากฯ วันละ 2 เที่ยวแล้วส่งตรงไปยังมินิปั๊ม เดือนหนึ่งๆ ก็จะรับน้ำมันจากบางจากฯราว 2 ล้านลิตร

สมหญิงย้ำถึงการเปิดปั๊มตรา "นกไม้" ว่าไม่เคยคิดที่จะแย่งตลาดน้ำมันจากใครแต่ต้องการสร้างตลาดใหม่ตามนโยบายของรัฐ ให้มีการแข่งขันกันมากขึ้น และประชาชนจะได้ใช้น้ำมันราคาถูก "นี่ถือว่าเป็นการใช้ความสามารถในการสยบคู่แข่งขัน" จากบริการและราคาที่เสนอให้ลูกค้าอย่างเป็นธรรม

เมื่อทางรัฐบาลได้แสดงท่าทีให้ทบทวนบทบาทของปตท.และบางจากฯ กันให้ชัดเจนเสียก่อน เพราะการที่บางจากฯ ขายน้ำมันแก่ผู้ค้าเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นการกระทบและแย่งตลาดน้ำมันปตท. ซึ่งเป็นของคนไทยด้วยกันเองว่าควรจะออกมาในรูปใด

แต่ในระยะนี้อันเป็นห้วงเวลาที่ยังไม่ได้สรุปบทบาทที่ชัดเจนนั้น ก็ให้บางจากฯยุติการขายน้ำมันแก่ผู้ค้ารายอื่นไว้ก่อน พร้อมทั้งมีการเสนอว่าปตท.จะเข้ามาควบคุมการบริหารงานของบางจากฯ มากขึ้นนั้น สมหญิงกล่าวว่า "ทำให้เราไม่แน่ใจว่านโยบายรัฐจะเอาอย่างไร"

"ท้อใจเหมือนกัน แต่ก็ต้องดูท่าทีที่ชัดเจนของรัฐอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไร กระนั้นก็ตาม เราค่อนข้างมั่นใจว่าโครงการจะเดินหน้าไปได้ด้วยดี เพราะเท่าที่ทราบทางนายกรัฐมนตรีได้ขอข้อมูลเรื่องนี้จากบางจากฯ เพื่อดูว่าผลดีผลเสียเป็นยังไง รู้สึกนายกฯให้ความสนใจมาก เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา"

สมหญิงกล่าวด้วยแววตาที่มาดมั่นและแฝงด้วยความภูมิใจกับโครงการมินิปั๊มสู่ชนบทครั้งนี้ว่า "กว่าจะมีวันนี้ได้นั้นเป็นเพราะพลตรีจิระได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องน้ำมันให้อย่างมากมาย ไม่อย่างนั้นแล้วชอบดูน้ำมันเตาเป็นโอเลี้ยงอยู่เรื่อยเพราะคล้ายกัน ขณะเดียวกันมีสมหวังเป็นเพื่อนและหุ้นส่วนที่ดีซึ่งเป็นสร้างกำลังใจในการผลักดันโครงการนี้ออกมา

"เราเป็นบริษัทเล็กไม่คิดจะแย่งลูกค้าใคร เพียงแต่เราอยากเข้าชนบท เน้นเอาลูกค้าจร อยากให้พวกเราคนไทยร่วมมือเพื่อสู้กับปั๊มต่างชาติดีกว่า การที่มีโลโก้บางจากฯ คู่กับโลโก้นกไม้ก็เพราะต้องการเน้นให้เห็นว่านี่เป็นน้ำมันที่ส่งตรงมาจากโรงกลั่นของคนไทย เพื่อให้คนไทยได้ภูมิใจ ให้เกิดความรู้สึกรักไทยใช้สินค้าไทย ไม่ใช่ปล่อยให้ต่างชาติหัวเราะเยาะเรา เราจึงขายถูกกว่าเชลล์ เอสโซ่ หรือคาลเท็กซ์"

จนวันนี้ ปั๊ม "นกไม้" ได้เริ่มกลายเป็นสัญลักษณ์ของมินิปั๊มภูธรโฉมใหม่ เมื่อพูดถึง "นกไม้" ทุกคนก็จะรู้จักสมหญิง หรือเมื่อพูดถึงสมหญิง ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นเจ้าของ "ปั๊มนกไม้" ควบคู่กับการหนุนเนื่องของบางจากฯ จนกลายเป็นข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us