|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ราคาน้ำมันผันผวนแทบทุกวัน ทำให้กลุ่ม ปตท. และบริษัทในเครือตั้งทีมหน่วยวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน เพื่อใช้วางแผนทางธุรกิจปิโตรเลียมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อน ดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ราคาน้ำมันสูงสวนทาง เหตุการณ์เหล่านี้ นักวิเคราะห์กลุ่ม ปตท. บอกว่าแนวโน้มจะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงปี 2554
สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าราคาน้ำมันไม่ได้เกิดจากความต้องการขายและความต้องการซื้อเพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัย แวดล้อมส่งผลต่อราคาน้ำมันไม่ว่าจะเป็นค่าเงิน การโยกย้าย เงินลงทุน หรือเก็งกำไร ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับราคาน้ำมัน
ผลกระทบหลายด้านที่มีต่อราคาน้ำมัน จึงทำให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ประกอบด้วยบริษัท ไทยออยล์ จำกัด บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด ร่วมจัดตั้งทีม "หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ น้ำมัน" หรือ Petroleum Outlook Team ขึ้นมา
ทีมงานวิเคราะห์ทั้งหมด 25 คน มีหน้าที่ติดตามสถานการณ์ตลาดน้ำมัน แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ประเมินผลและราคา รวมไปถึงคาดการณ์ราคาน้ำมัน เพื่อใช้วางแผนทางธุรกิจปิโตรเลียม ในระยะสั้นและระยะยาวระหว่างหน่วยงานทั้งหมด เพื่อบริหารความเสี่ยงทางด้านราคา วัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ (www.pttplc. com.oim)
แผนระยะสั้น เพื่อกำหนดราคาจำหน่าย แต่ละกลุ่มบริษัท ในเครือของ ปตท. ทีมงานจะสรุปราคากลาง และกำหนดราคาทุก 2 สัปดาห์ ส่วนแผนระยะยาวการประเมินราคาน้ำมันจะช่วย ตัดสินใจด้านการลงทุน
การประเมินราคาน้ำมันของทีมวิเคราะห์จะพิจารณาจาก 2 ส่วนหลักที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตลาดน้ำมัน คือ ปัจจัยพื้นฐาน (fundamental) ประกอบด้วยภาพรวมเศรษฐกิจโลก กลุ่มผู้ผลิต เช่น กลุ่มโอเปก และกลุ่มไม่ใช่โอเปก และพิจารณาจากปริมาณน้ำมันที่จัดเก็บอยู่ในคลังน้ำมัน
การประมวลคลังน้ำมันในอดีตจะดูในสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียว แต่ในปัจจุบันต้องดูกลุ่มประเทศในยุโรป ญี่ปุ่น สิงคโปร์ โดยเฉพาะน้ำมันที่อยู่ในเรือบรรทุกน้ำมันกลางทะเล
การเฝ้าติดตามข้อมูลจากกลุ่มผู้ผลิตเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญ เพราะปัจจุบันกลุ่มโอเปกจาก 12 ประเทศ มีกำลังการผลิต 29.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนประเทศที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มโอเปก เช่น สหภาพโซเวียต บราซิล นอร์เวย์ เม็กซิโก คาซัคสถาน เป็นต้น ผลิตน้ำมันได้ 8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่อ้างอิงราคาน้ำมันคือ สิ่งที่ไม่ใช่ปัจจัย พื้นฐาน (non-fundamental) เช่น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ความเคลื่อนไหวของกองทุนที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน มีการซื้อขายเหมือนหุ้น และการเมือง
แต่ข้อมูลการวิเคราะห์ราคาน้ำมันของทีมกลุ่ม ปตท.จะให้น้ำหนักการเงินมากเพราะมีความเคลื่อนไหวรวดเร็ว มีความไม่แน่นอนสูง
จากข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ ทีมงานของกลุ่ม ปตท.ประเมินว่าในปี 2554 ราคาน้ำมันดิบดูไบจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 83 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราคา 75-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ทีมวิเคราะห์ให้เหตุผลราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นในปี 2554 เพราะค่าเงินดอลลาร์จะยังอ่อนตัวลง ในขณะที่ดอกเบี้ยจะยังต่ำต่อไป อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มเพราะประเทศจีนยังต้องการใช้น้ำมันจำนวนมาก ปัจจุบันจีนนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง
ทีมงานคาดการณ์ไว้ว่าราคาน้ำมันอาจจะมีโอกาสขึ้นไปสูงถึง 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในระยะสั้นๆ กรณีมีปัจจัยที่ไม่คาดคิด เช่น ภัยธรรมชาติ สงครามในตะวันออกกลาง
จากการทำงานของทีมวิเคราะห์น้ำมันของกลุ่ม ปตท.ได้เฝ้าติดตามข้อมูลทั้งโลกที่เกิดขึ้นไม่ได้วาดหวังเป็นเพียงแค่หน่วยงานเล็กๆ ทำหน้าที่ให้กับกลุ่มบริษัทของตนเองเท่านั้น แต่ได้วาง เป้าหมายพัฒนาไปเป็นสถาบันด้านการวิเคราะห์พลังงานของประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วย
|
|
|
|
|