ในวงการเรียลเอสเตทชื่อ "พรรณี พุทธารี" รู้จักกันทั่วไปในฐานะนายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์และเป็นกรรมการผู้จัดการในกิจการบริษัทเอ.บี.ซี.เทรดดิ้ง
และบริษัทธนธาราซึ่งเป็นเจ้าของโครงการบ้านธารารมณ์หัวหมากซึ่งสร้างอยู่บนเนื้อที่
85 ไร่ใจกลางความเจริญในย่านหัวหมาก
เป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับนักพัฒนาที่ดินที่จะถือครองที่ดินแปลงใหญ่ในทำเลงามๆ
เกิน 10 ไร่ได้ในยามที่พื้นที่ทุกตารางเมตรในกรุงเทพขณะนี้แพงราวทองคำ แต่สำหรับ
พรรณี พุทธารี เป็นเรื่องของการมองการณ์ไกลและบุญเก่าที่เกิดมาในตระกูล "เคียงศิริ"
เจ้าที่ดินย่านสุขุมวิท-คลองตัน-หัวหมาก
"ตระกูลนี้เป็นคนจีนที่ร่ำรวยมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษแล้ว มีสองพี่น้องคนจีนชื่อ
เล็กกับเชวง เคียงศิริ สมัยก่อนเขาเคยมีอู่ค้าขายรถยนต์ต่างประเทศที่แถวโรงหนังเฉลิมนครซึ่งอยู่บนถนนเจริญกรุง
สำหรับที่ดินเขาก็มีที่ดินแถวๆ ชานเมืองแต่ไม่มากเท่าเจ้าที่ดิน 4 รายคือเจ้าของห้างเล่าเซ่งฮวดซึ่งชื่อเชวงเหมือนกัน
หวั่งหลีก็มีมากเช่นเดียวกับหลวงอรรถกวีสุนทร และหลวงแจ่มวิชาสอน (เจ้าของยาสีฟันวิเศษนิยม)
พวกนี้เขามีเงินทองมากและรับจำนองที่ดินและเก็บไว้ไม่ได้ซื้อมาขายไป"
ประสิทธิ์ ณ พัทลุง ย้อนรอยอดีตให้ฟัง ประสิทธิ์เคยเป็นเลขานุการกระทรวงการคลังสมัยสมหมาย
ฮุนตระกูลเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ตระกูลเคียงศิริได้สร้างสายสัมพันธ์ทางธุรกิจไว้มากมายเพราะความสามารถของเล็ก-เชวง
เคียงศิริ ที่สร้างฐานรากกิจการต่างๆ ไว้เช่นการร่วมลงทุนกับตระกูลสารสินและบุญสูงตั้งบริษัทไทยน้ำทิพย์ผู้ผลิตและขายน้ำอัดลม
"โค้ก" (ปัจจุบันวัลลภลูกชายของเชวง เคียงศิริ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทอยู่)
นอกจากนี้เล็กยังร่วมก่อตั้งธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การด้วย
ต่อมาในคนรุ่นที่สองของตระกูล "เคียงศิริ" ซึ่งเป็นลูกชายลูกสาวของ
เชวง เคียงศิริ คือ เพ็ญศรี เชี่ยวชาญ (ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการบริษัทประกันคุ้มภัยซึ่งพี่เขยคือ
ไพศาล สุขุมพานิช ได้ทำไว้) วัลลภ และพรรณี (ดูตารางตระกูลประกอบ) กิจการได้ขยายไปสู่การค้าที่ดิน
ในปี 2509 บริษัทเอ.บี.ซี.เทรดดิ้งได้เกิดขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 5 แสนบาทและเพิ่มทุนเป็น
25 ล้านในปี 2512 ซึ่งแบ่งเป็นหุ้นสามัญที่ลงเงิน 417,000 บาทและที่เหลือผู้ถือหุ้นได้นำที่ดินจำนวน
57.28 ไร่มาลงเป็นค่าหุ้นที่มีมูลค่า 19,583,000 บาท
และในปี 2512 ตระกูลเคียงศิริก็ได้เปิดบริษัทธนธาราอีกบริษัทหนึ่งซึ่งทุนจดทะเบียน
60 ล้านบาทซึ่งก็ใช้วิธีเดิมคือลงเงินและที่ดินรวม 91.54 ไร่เป็นค่าหุ้น
ที่ดินเปล่าที่นำมาลงทุนในบริษัททั้งสองนี้ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในย่านบางกะปิ
ลาดพร้าว หัวหมาก บางจาก และพระโขนง จากบัญชีทรัพย์สินที่ผู้ถือหุ้นบริษัทธนธาราแสดงไว้พบว่าราคาที่ดินบริเวณหัวหมากเมื่อปี
2512 ได้ประเมินไว้เพียงตารางวาละ 16,000 บาท หรือที่ตำบลวังทองหลางบางกะปิคิดไว้เพียงตารางวาละ
800 บาทขณะที่ราคาประเมินตกตารางวาละ 16,000 บาทหรือที่ดินย่านสุขุมวิทตกตารางวาละ
2,600 บาทเท่านั้นเองขณะที่บ้านจัดสรรชั้นดีที่ขายคุณภาพและชื่อเสียง ทำให้โครงการอื่นๆ
ที่ตามมาขายได้หมดในเวลาไม่กี่เดือน
ในปี 2530 พรรณีได้จัดสรรโครงการบ้านธารารมณ์ 1 และ 2 บนพื้นที่ 70 ไร่บริเวณรามคำแหงซอย
9 ซึ่งประกอบด้วยทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวในระดับราคา 1.5 ถึง 3 ล้านบาทซึ่งก็ขายหมดในเวลา
3 เดือนแรกและในเดือนตุลาคมปี 2532 พรรณีก็ได้ขยายไปเปิดโครงการธารารมณ์บางกะปิบนเนื้อที่
300 ไร่ถนนสุขาภิบาล 3
และในปลายปี 2532 โครงการที่ใช้เงินลงทุนมากที่สุดคือโครงการบ้านธารารมณ์หัวหมากมูลค่าพันล้านบาทบนเนื้อที่
85 ไร่ใจกลางย่านรามคำแหงก็ได้เปิดขายในช่วงแรกสองอาคารบนเนื้อที่ 25 ไร่
300 กว่ายูนิตๆละ 1.2-8 ล้านบาท โครงการนี้สนับสนุนโดยธนาคารไทยพาณิชย์
"เนื้อที่ที่เราสร้างโครงการบ้านธารารมณ์หัวหมากนี้เป็นผืนใหญ่ที่เราค่อยๆ
ซื้อติดต่อกันมาหลายปี เดิมเป็นที่ว่างและข้ามคลองแสนแสบไม่มากทำเลดีทำให้ลูกค้าเราสามารถเดินมาชอปปิ้งได้ที่ห้างเซ็นทรัลและเดอะมอลล์ได้"
พรรณีเล่าให้ฟัง
งานวันเปิดนี้พงส์ สารสิน รองนายกรัฐมนตรีก็มาเป็นประธานพิธีเปิดด้วย เพราะสายสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัวตระกูลเคียงศิริและสารสินนั้นยาวนานตั้งแต่รุ่นพ่อจนถึงรุ่นลูกหลาน
"โครงการบ้านธารารมณ์บางกะปินี้คุณแม่ให้ผมเข้ามาศึกษาแห่งแรก ตอนนี้โครงการที่เปิดขายหมดแล้ว
ส่วนที่ยังเหลืออยู่หนึ่งในสี่ยังไม่เปิด ส่วนโครงการบ้านธารารมณ์หัวหมากซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโครงการแรกที่ผมช่วยอยู่
เราจะสร้างสองอาคารเป็นตึก 10 ชั้นและ 19 ชั้นบนเนื้อที่ 20 ไร่ที่เน้น LANDSCAPE
ที่เอาธรรมชาติผสมผสานกับการอยู่อาศัยตึกในเมืองด้วย คาดว่าปลายปี 34 นี้ก็เสร็จ"
พิชญา พุทธารี ผู้ช่วยผู้จัดการหนุ่มโครงการบ้านธารารมณ์หัวหมากเล่าให้ฟัง
พิชญาเป็นลูกชายคนที่สองของพรรณี ส่วนลูกชายคนโตที่ชื่อวศินได้ไปปักหลักอาชีพแพทย์ที่สหรัฐอเมริกา
นอกจากโครงการบ้านธารารมณ์แล้ว การลงทุนเพื่อสร้างอาคารสำนักงานหรือออฟฟิศบิลดิ้งภายใต้ชื่อว่า
"ธารารมณ์" ก็เกิดขึ้นบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โครงการนี้เป็นอาคารสูง
19 ชั้น มีเนื้อที่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร
ณ อาคารสำนักงาน "ธารารมณ์" แห่งนี้จะเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของการบริหารงานระบบครอบครัวที่ทำกันในหมู่พี่น้องและลูกหลานตระกูล
"เคียงศิริ" และพรรณีในฐานะผู้นำองค์กรและสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์จะพัฒนาธุรกิจและวงการเรียลเอสเตทให้ก้าวไปในทิศทางสู่ความร่ำรวยต่อไป