|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ซี.พี.พุ่งเป้าลงทุนต่างประเทศเพิ่มทั้งจีน-อินเดีย-เวียดนาม มองเศรษฐกิจยังสดใส จ่อลงทุนซุปเปอร์แบรนด์มอลล์ในจีนเพิ่มอีก 2แห่งในปีหน้า แห่งละ 1.5 หมื่นล้านบาท แย้มแต่งตัว” เซี่ยงไฮ้ คิงฮิลล์”ลุยธุรกิจค้าปลีกเข้าตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปี 54 ล่าสุดเตรียมรีไฟแนนซ์หนี้เงินกู้ 3พันล้านหยวน ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายและยืดอายุหนี้ วางแผนลงทุนธุรกิจสัตว์บกและสัตว์น้ำเวียดนามเพิ่ม ตั้งเป้า 5ปีรายได้โตเท่าตัว พร้อมกับทุ่ม 1.5พันล้านบาทขยายโรงงานผลิตอาหารปลาที่อินเดีย
นายธนากร เสรีบุรี ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม(จีน) เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) เปิดเผยในงานคุยกับซี.พี.ครั้งที่ 3/2553 -การลงทุนในต่างประเทศของเครือเจริญโภคภัณฑ์”วานนี้ (8 ธ.ค.)ว่า แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้ายังคงร้อนแรงและคาดว่าจะเติบโตประมาณ 8.5% จากปีนี้ที่คาดว่าเศรษฐกิจจีนเติบโต 9.6%เนื่องจากรัฐบาลจีนมีการเร่งโครงการรถไฟด่วนความเร็วสูงหลายเส้นทางทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นช่วยลดต้นทุนทางด้านโลจิสติกส์ลง
นอกจากนี้ แม้เศรษฐกิจต่างประเทศจะชะลอตัวลง แต่เศรษฐกิจของจีนไม่ได้กระทบมากนัก เนื่องจากรัฐบาลจีนวางยุทธศาสตร์อย่างมีแบบแผนโดยดำเนินการสร้างตลาดภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น ลดการส่งออกลง ซึ่งปัจจุบันจีนส่งออกสินค้าไม่ถึง 1ใน3 ของการผลิต ดังนั้นปี 2554 เครือเจริญโภคภัณฑ์ในจีนได้ร่วมมือกับรัฐบาลลั่วหยาง พัฒนาโครงการZhengda International City Plaza Civic Center (Luoyang) เป็นซุปเปอร์คอมเพล็กซ์บนพื้นที่ 115 ไร่ ใจกลางเมืองลั่วหยาง โดยจะมีการสร้างอาคารสูง 60 ชั้น 2 อาคารและอาคารสูง 40 ชั้น 2 อาคาร ซึ่งมีทั้งคอนโดมิเนียม ที่พักอาศัย สำนักงาน โรงแรมและศูนย์ราชการ ศูนย์การค้าซุปเปอร์แบรนด์มอลล์ ใช้เงินลงทุน 1.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 6ปีข้างหน้า
โดยโครงการนี้จะคืนทุนภายใน 3ปี สร้างผลกำไรให้กับบริษัทฯประมาณ 2 พันล้านหยวนหรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการพิจารณาพัฒนาโครงการศูนย์การค้าซุปเปอร์แบรนด์มอลล์เพิ่มเติมอีก 2 แห่งในเมืองใหญ่ของจีน หลังจากได้รับการเชิญชวนจากหลายมณฑลในจีนให้ไปลงทุนอาทิ หางโจว เซิ่นหยาง ซานตง เซี่ยงไฮ้เขตตะวันตก เป็นต้น
เบื้องต้นจะพัฒนาโครงการศูนย์การค้า บนพื้นที่ประมาณ 80,000-100,000 ตร.ม. คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 1.5 หมื่นล้านบาท/โครงการ โดยจะให้บริษัท เซี่ยงไฮ้ คิงฮิลล์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการซุปเปอร์แบรนด์มอลล์ ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์มีแผนจะนำบริษัท เซี่ยงไฮ้ คิงฮิลล์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เซี่ยงไฮ้ในปี 2554
โดยในวันนี้ (9 ธ.ค.) บริษัท เซี่ยงไฮ้ คิงฮิลล์ จำกัด จะมีการปรับโครงสร้างหนี้ เซ็นสัญญากู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินจำนวน 3 พันล้านหยวนหรือประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทมาชำระคืนหนี้เดิม 2.5 พันล้านหยวน และที่เหลืออีก 500 ล้านหยวน ใช้ขยายการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวจะทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง รวมทั้งยืดอายุหนี้จากเดิม 10ปีเป็น 12 ปี
ส่วนธุรกิจยานยนต์ซึ่งมีการผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อต้าหยางและต้ายุ่น คาดว่าปีนี้จะมีการผลิตและจำหน่าย 1.6 ล้านคัน/ปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12% มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 5 ของตลาดรถจักรยานยนต์ในจีน โดยตั้งเป้าหมายจะติดอันดับ 1ใน3 และมีกำลังการผลิตและจำหน่าย 3 ล้านคัน/ปี
สำหรับธุรกิจการเป็นผู้แทนจำหน่ายเครื่องจักรและเครื่องยนต์ขนาดใหญ่Caterpillar ใน 9 มณฑลในภาคตะวันตกของจีน ก็ยังมีการขยายตัวที่ดีเติบโตปีละมากกว่า 30% ส่วนธุรกิจการเงินและการธนาคาร ก็ได้รับอนุมัติจากธนาคารจีนให้ดำเนินธุรกิจธนาคารภายใต้ชื่อZhengxin Bank ที่เซี่ยงไฮ้ โดยจะเป็นธนาคารสำหรับธุรกิจขนาดกลางและเล็กในจีน
ดังนั้นในปีนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ในจีนมียอดขายประมาณ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10-15%จากปีก่อน โดยธุรกิจหลักยังคงเป็นธุรกิจเกษตรที่มีธุรกิจครอบคลุมทุกมณฑล รองลงมา คือ ธุรกิจอาหารและธุรกิจค้าปลีก ซึ่งแนวโน้มธุรกิจค้าปลีกมีโอกาสเติบโตสูงมาก
ตั้งเป้า 5ปียอดขายเวียดนามโตเท่าตัว
นายสุขสันต์ เจียมในสว่างฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร กลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร เขตประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทฯมียอดขายประมาณ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้น 20%จากปีนี้ที่มียอดขายประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตั้งเป้าหมายภายใน 5ปีข้างหน้ายอดขายจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวหรือประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยบริษัทฯจะมีการขยายการลงทุนเพิ่มเติมอีก 5โรงใน 5ปีข้างหน้า แบ่งเป็นโรงงานอาหารสัตว์บก 4 โรง เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 4 ล้านตัน/ปีจากปัจจุบันผลิตอยู่ 2.5 ล้านตัน/ปี และอีกโรงเป็นโรงงานผลิตอาหารกุ้งที่เมืองเว้ ซึ่งเป็นโครงการผลิตแบบครบวงจร โดยมีห้องเย็นด้วย คาดว่าจะเริ่มลงทุนได้ในปีหน้า
สำหรับเม็ดเงินลงทุนในปี 2554 จะใช้เงินประมาณ 150-200 ล้านเหรียญสหรัฐในการขยายธุรกิจอาหารสัตว์บก และสัตว์น้ำ และฟาร์มไก่เนื้อ การขยายการลงทุนในเวียดนามอย่างต่อเนื่องของซี.พี. เนื่องจากเห็นว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพที่จะขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกมากโดยGDPเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% แม้ว่าจะเผชิญปัญหาเงินเฟ้อ ค่าเงินอ่อนค่าลง แต่ก็มีความได้เปรียบด้านเสถียรภาพทางการเมือง ค่าแรง และกำลังซื้อของคนในประเทศ ซึ่งปัญหาต่างๆเชื่อว่ารัฐบาลเวียดนามจะสามารถแก้ไขให้ลุล่วงไปได้
ทุ่ม1.5พันลบ.ตั้งร.อาหารปลาที่อินเดีย
นายจรูญพันธ์ เจนศาตรา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านสนับสนุนอาหารสัตว์น้ำต่างประเทศ(อินเดีย) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)(ซีพีเอฟ) กล่าวว่าในปีหน้าบริษัทฯมีแผนจะสร้างโรงงานผลิตอาหารปลาอีก 3 แห่งเงินลงทุน 1,500 ล้านบาท ที่เมืองวีเจยาวาด้า เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่เป็นตลาดปลาใหญ่อันดับ 2 ของโลก
ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีธูรกิจครบคลุมทั้งธุรกิจสัตว์บก สัตว์น้ำ โดยมียอดขายปีละ1.52 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 10%ของรายได้ของซีพีเอฟ คาดว่าปีหน้า ยอดขายของบริษัทในอินเดียจะเติบโตไม่น้อยกว่า 20% โดยตั้งเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 20%ของรายได้รวมซีพีเอฟ
ด้านนายสารสิน วีระผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวต่อไปว่า ซี.พี.ยังเน้นการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะจีน อินเดียและเวียดนาม ซึ่งทั้ง 3ประเทศมีประชากรรวมกันกว่า 2 พันล้านและมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี แม้ว่าปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวแต่เชื่อมั่นว่าธุรกิจของซี.พี.ยังเติบโตได้ดี และมีโอกาสเติบโตอีกมาก
|
|
|
|
|