พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ฉลาดเลือกในการใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้ยังคงเห็นการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างผู้ให้บริการบัตรเครดิตด้วยการใช้กลยุทธ์ด้านสิทธิประโยชน์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตัวเลขที่พบว่าคนไทยถือบัตรเครดิตเฉลี่ย 3.8 บัตรต่อคน ในขณะที่กลุ่มคนใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเป็นลูกค้า ซึ่งก็คือกลุ่ม First Jobber แต่ละปีก็มีเข้ามาใหม่ไม่มากนัก ทำให้ผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายหนึ่งสะท้อนว่าภาวะตลาดค่อนข้างอิ่มตัวที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่ม
สุดท้ายแม้บัตรเครดิตจะมีการแข่งขันที่รุนแรงอยู่แล้วอย่างไร แต่เพราะธุรกิจบัตรเครดิตคือการรุกกลุ่มลูกค้ารายย่อย ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าการให้บริการลูกค้ารายใหญ่ ทำให้ผู้ให้บริการหลายรายยังต้องเดินธุรกิจในเชิงรุก พลิกมาใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ ในการเพิ่มฐานลูกค้า โดยใช้วิธีการหันไปเจาะเซกเมนต์ใหม่ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้
ปิยศักดิ์ เตชะเสน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซี กล่าวว่า ในปีหน้าแผนการขยายฐานผู้ถือบัตรของเคทีซีจะเน้นไปที่กลุ่มข้าราชการมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น หลังจากที่ทางการได้มีการประกาศปรับขึ้นเงินเดือนในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีข้าราชการอยู่ในระบบกว่า 2 ล้านคน แต่กลุ่มที่มีระดับรายได้เข้าเกณฑ์สามารถทำบัตรเครดิตมีประมาณ 5 แสนคน โดยขณะนี้เคทีซีมีลูกค้าที่เป็นกลุ่มข้าราชการเพียง 30-40% และเคทีซีจะอาศัยจังหวะนี้รวมถึงธนาคารกรุงไทย ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มข้าราชการได้เป็นอย่างดีเป็นช่องทางหลักในการเพิ่มฐานลูกค้า
ล่าสุดเคทีซีได้เพิ่มช่องทางรับสมัครผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสในเซเว่น-อีเลฟเว่น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแมสได้ดียิ่งขึ้น เคาน์เตอร์เซอร์วิสในเซเว่น-อีเลฟเว่นถือเป็นช่องทางที่มีศักยภาพ เพราะมีสาขาอยู่กว่า 5,300 สาขาทั่วประเทศ เปิดให้บริการ 24 ชม. และมีปริมาณการใช้บริการกว่า 9 ล้านรายการต่อเดือน รูปแบบการรับสมัครเพียงแจ้งชื่อ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ รายได้ให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อคีย์เข้าระบบออนไลน์ และเจ้าหน้าที่เคทีซีจะติดต่อกลับไปยังลูกค้าหลังจากได้รับข้อมูลภายใน 3 วันทำการ เพื่อนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์ รับ-ส่งใบสมัครพร้อมแจ้งเอกสารประกอบการรับสมัคร โดยการสมัครผ่านช่องทางนี้จะไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนีช่องทางดังกล่าวสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าที่ไม่คุ้นเคยกับใช้อินเทอร์เน็ตหรือช่องทางออนไลน์ ปัจจุบันเคทีซีมียอดสมัครบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลทั้งปี 2.8 แสนราย แบ่งเป็นการสมัครผ่านช่องทางเอ้าท์ซอร์ส (ไดเร็คเซลส์หรือการขายผ่านตัวแทนกว่า 17,000 คน, การออกบูธ และเทเลเซลส์) 55% ธนาคารกรุงไทยและออมสิน 35% เคทีซี ทัช 6% เว็บไซต์ 2%
ในปีนี้เคทีซีจะขยายฐานบัตรได้ 1.8 แสนบัตร ซึ่งจะทำให้ฐานบัตรเครดิตขยับขึ้นมาเป็น 1.72 ล้านบัตร อย่างไรก็ตามในปีหน้าได้ตั้งเป้าการขยายฐานบัตรไว้ที่ 1.5 แสนบัตร อยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก โดยเน้นไปที่กลุ่มข้าราชการ และพยายามกระตุ้นเพิ่มยอดการใช้จ่ายเป็น 5,800 บาทต่อเดือน และจะเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 1.5-4 หมื่นบาท โดยตั้งงบการตลาดไว้ 120 ล้านบาท
สำหรับในช่วงปลายปีนี้เคทีซีใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท จัดแคมเปญลุ้นรับรถโตโยต้า วีออส เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรให้เพิ่มขึ้นอีก 15-20% โดยคาดว่าจะทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้นจาก 8,000 ล้านบาทต่อเดือน เป็น 1 หมื่นล้านบาทต่อเดือน หรือทำให้ยอดการใช้จ่ายต่อบัตรเพิ่มจาก 5,100 บาท เป็น 7,000 บาท
ฟากธนาคารกสิกรไทยก่อนหน้านี้ได้ออกมาสร้างกระแส “บัตรที่ทำให้หัวใจคุณเต้นแรงกับชีวิต 1 แถม 1 เที่ยว บิน กิน ช็อป ตลอดปี” โดยตั้งเป้าจะขึ้นเป็นอันดับของตลาดภายในปี 2554ล่าสุดได้ขยับเข้าไปเจาะเซกเมนต์ใหม่ที่ยังเป็นช่องว่างตลาด คือ กลุ่มชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในไทย โดยเปิดตัวบัตรเครดิตแพลทินัมพิเศษ ออกแบบเพื่อลูกค้าญี่ปุ่นในประเทศไทยโดยเฉพาะ เน้นสิทธิพิเศษเพิ่มเติมที่สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น เช่น ส่วนลดพิเศษในร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้า และแหล่งกิจกรรมต่างๆ อาทิ สนามไดร์ฟกอล์ฟ ร้านคาราโอเกะ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ฯลฯ ซึ่งครอบคลุมสถานที่สำคัญที่เป็นที่นิยมสำหรับคนญี่ปุ่นในประเทศไทย
อำพล โพธิ์โลหะกุล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นนับเป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีบริษัทญี่ปุ่นที่จดทะเบียนในประเทศไทยมากกว่า 1,300 บริษัท และมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 730,000 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศในไทยทั้งหมด และมีแนวโน้มจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปีนี้การลงทุนจากญี่ปุ่นในไทยจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 76% ปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 100,000 คน นับเป็นชุมชนชาวต่างประเทศในไทยขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตและรสนิยมเฉพาะตัว และมีกำลังซื้อสูง
สำหรับจุดเด่นอื่นๆ ของบัตรดังกล่าว คือ การสื่อสารเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้วงหมด ทั้งการจัดทำเอกสารแจ้งข้อมูล และ Japanese Call Center ผ่านหมายเลข 02-888-8826 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ถือบัตรมากขึ้น ที่ผ่านมาพฤติกรรมชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานและพักอาศัยในประเทศไทยมักจะถือบัตรเครดิตจากต่างประเทศ และมีบางส่วนทำบัตรเครดิตในไทย ซึ่งจะไม่ได้รับความสะดวกและสิทธิประโยชน์จากรายการส่งเสริมการขายที่ตรงความต้องการ เมื่อมีปัญหาในการใช้จ่ายก็จะไม่สามารถสื่อสารกับเจ้าหน้าที่เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างสะดวก
|