ค่าเงินบาทที่แข็งจากนโยบายความตั้งใจให้เงินดอลลาร์อ่อนของรัฐบาลสหรัฐ ด้วยการอัดฉีดเงินปริมาณมหาศาลเข้าระบบ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินแทบทุกประเทศแข็งค่าขึ้น กระทบต่อภาคการส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สินค้าไทยในยุโรปและสหรัฐจะมีราคาแพงขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่อีกด้านหนึ่งทำให้สินค้านำเข้ามีราคาที่ถูกลง
เมื่อราคาสินค้าในต่างประเทศถูกลงตามกลไกของอัตราแลกเปลี่ยน หนึ่งในค่านิยมของคนไทยที่นิยมชมชอบสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาถูกกว่าในประเทศไทย จึงไม่พลาดโอกาสทองอย่างนี้ ด้วยการเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศพร้อมกับหอบหิ้วสินค้าที่หมายตาในคราวเดียวกัน
ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นต่อดอลลาร์สหรัฐจากต้นปีราว 10-11% ยิ่งทำให้สินค้าเหล่านั้นยิ่งมีราคาที่ถูกลงกว่าเดิมเมื่อคำนวณเป็นเงินบาท อีกทั้งแนวโน้มค่าเงินบาทที่เคยแข็งค่าอยู่ในระดับ 29 บาทเศษมีความเป็นไปได้ในระยะกลางถึงระยะยาวว่าอาจจะลงไปแตะที่ระดับ 28 บาทหรืออาจถึงระดับ 26-27 บาทได้ในอนาคต
ดังนั้น แนวโน้มดังกล่าวจึงทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยได้ตัดสินใจเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศและอีกหลายรายก็อยู่ในระหว่างการเตรียมการที่จะไป
สอดคล้องกับ เจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(TTAA) คาดการณ์ว่า ในปี 2553 จะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปต่างประเทศราว 5.3 ล้านคน เพิ่มจากขึ้น 5 แสนคนหรือ 12-13%
ทัวร์เทศรัฐไม่หนุน
การเดินทางออกไปท่องเที่ยวในต่างประเทศของคนไทยดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในแผนของการสนับสนุนจากภาครัฐบาล เนื่องจากการไปท่องเที่ยวในต่างประเทศจะทำให้ประเทศไทยเสียดุลการค้าและบริการกับต่างประเทศ ดังนั้นภาครัฐและหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวจึงเน้นไปที่การสนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทยหรือส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวเมืองไทยเป็นหลัก
นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวยอมรับว่า การทำตลาดของบริษัททัวร์ต่างประเทศยังมีข้อจำกัด แตกต่างจากทัวร์ในประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งในเรื่องงบประมาณประชาสัมพันธ์หรือการให้ความช่วยเหลือในด้านอื่น
“เราต้องทำตลาดกันเอง ภาครัฐไม่ได้ให้ความช่วยเหลือในส่วนนี้ แต่ก็เข้าใจได้ว่าทุกประเทศก็ต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นหลัก ทัวร์ต่างประเทศมักจะได้การสนับสนุนจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ เช่นเดียวกับที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทำตลาดกับทัวร์หรือเอเย่นต์ในต่างประเทศ”
แต่ในทางปฏิบัติแล้ว การที่จะเชิญชวนให้ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพียงด้านเดียว แต่ไม่ให้คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศบ้างเลย ท้ายที่สุดก็จะเป็นปัญหา มีหลายประเทศที่มีการเรียกร้องให้ประเทศไทยสนับสนุนคนไทยไปเที่ยวประเทศเขาบ้าง เพราะนักท่องเที่ยวของเขามาเที่ยวในบ้านเราจำนวนมาก
เจริญ ประมาณการณ์ว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นน่าจะทำให้คนไทยเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้นราว 7-8% ทั้งนี้ในปี 2552 ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง ที่เป็นผลกระทบมาจากเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปที่ประสบปัญหา ทำให้นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศลดลงกว่า 22%
หากย้อนกลับไปถึงปี 2551 รวม ๆ แล้วยอดการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศของคนไทยหายไปราว 50% ทำให้คนไม่ได้ไปยุโรปมาหลายปี เมื่อเศรษฐกิจในประเทศยุโรปไม่ดี ห้องพักตามโรงแรมต่าง ๆ เหลือเป็นจำนวนมาก จึงเริ่มโปรโมทการท่องเที่ยวมากขึ้น ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมามีผู้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นราว 17%
9 เดือนชอปกระฉูด
นักวิชาการที่ติดตามข้อมูลด้านการท่องเที่ยวกล่าวว่า การเติบโตของตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ มาจากหลายปัจจัยที่มีมาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่มีเรื่องของค่าเงินบาทมาเป็นตัวจุดกระแส
สิ่งที่ปรากฏชัดว่าคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวมากว่าปีที่ผ่านมาคือยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในต่างประเทศ แม้ว่าเรื่องจำนวนตัวเลขของนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางออกต่างประเทศจะมีปัญหาในเรื่องของหน่วยงานที่จัดเก็บข้อมูล แต่การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดี
โดยทั่วไปนักท่องเที่ยวชาวไทยที่นิยมเดินทางไปต่างประเทศจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายนที่เป็นช่วงสงกรานต์และอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ อีกเดือนหนึ่งคือช่วงเดือนตุลาคมช่วงปิดเทอมกลางภาค เมื่อเปรียบเทียบตัวเลขเดือนมกราคม-กันยายน 2553 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจะพบว่ามียอดการใช้จ่ายสูงขึ้นระหว่าง 11-35% หรือ 270-1,100 ล้านบาทในทุกเดือน
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถือว่ามีผลทางด้านจิตวิทยาอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการเดินทางไปแถบยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์ราว 11-12% และมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องในปีหน้า รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งเมื่อเทียบกับสกุลยูโรที่แข็งค่าราว 19-20% ทัวร์ยุโรปจึงได้รับความนิยมมากขึ้น
แม้ว่าราคาทัวร์ไม่ได้ปรับลดลงมากนัก แต่สำหรับคนที่ต้องการไปชอปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมในต่างประเทศจะใช้ความได้เปรียบในเรื่องค่าเงินตรงนี้ออกเดินทางท่องเที่ยว
สำหรับในย่านเอเชียแม้ค่าเงินบาทจะไม่ได้แข็งค่ามากนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินในภูมิภาคนี้ มีเพียงฮ่องกงที่เงินบาทเราแข็งค่าขึ้นราว 11% เงินวอนของเกาหลีและหยวนของจีนที่เราแข็งค่าขึ้นราว 8% ส่วนสิงคโปร์เราแข็งค่ากว่าเพียง 3% แต่ที่เรายังอ่อนค่านั่นคือเยนของญี่ปุ่น หากมองเฉพาะเรื่องของค่าเงินเพียงอย่างเดียวการเดินทางไปฮ่องกงจะได้ประโยชน์มากกว่าประเทศอื่น
แอร์เอเชียปลุกตลาด
“ป้าไก่” แห่งเว็บไซด์ฮ่องกงแฟนคลับกล่าวว่า ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ากว่าฮ่องกงไม่มากนัก น่าจะไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทำให้คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศมากขึ้น คิดว่าช่วงนี้น่าจะเป็นเรื่องของเทศกาลที่ใกล้ปลายปีมากกว่า ถ้าเป็นโซนยุโรปอาจจะมีนักท่องเที่ยวที่ชอบชอปปิ้งไปมากขึ้น
“แต่ที่จะมีผลมากที่จะเอื้อให้คนเดินทางไปต่างประเทศคือสายการบินต้นทุนต่ำอย่างแอร์เอเชียมากกว่า” เธอกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้
ทั้งนี้ แอร์เอเชียได้ทำโปรโมชั่นใคร ใคร ก็บินได้ ที่ราคา 0 บาทออกมาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้คนไทยต่างแห่กันจองในช่วงโปรโมชั่นดังกล่าวจนเว็บไซด์รับจองล่ม หากโชคดีจองโปรโมชั่นดังกล่าวได้ทัน การบินไปต่างประเทศอย่างฮ่องกงหรือมาเก๊าก็ใช้เงินเพียงแค่พันบาทต้น ๆ ที่เป็นค่าใช้จ่ายอื่นเช่น ภาษีสนามบินหรือค่าธรรมเนียมน้ำมัน อีกทั้งแอร์เอเชียมีเส้นทางการบินที่หลากหลายจึงเป็นอีกแรงหนึ่งที่หนุนให้คนไทยนิยมเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่ใกล้ ๆ อย่างสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน พม่า เวียดนาม กัมพูชา บาหลีและไกลถึงอินเดีย
เปลี่ยนพฤติกรรม
การทำตลาดของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางส่งผลให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป จากเดิมการไปท่องเที่ยวต่างประเทศแต่ละครั้งจะพึ่งพาบริษัททัวร์เป็นหลัก เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น โรงแรมในต่างประเทศแทบทุกแห่งจะรับจองผ่านทางอินเทอร์เน็ต แม้กระทั่งจองตั๋วเครื่องบิน รวมถึงการเกิดโลว์คอสต์แอร์ไลน์
คนกลุ่มหนึ่งจึงเลือกที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบริษัททัวร์เหมือนก่อน จองตั๋วเครื่องบินราคาถูกช่วงที่มีโปรโมชั่น จองที่พักผ่านอินเทอร์เน็ต แล้วซื้อซิตี้ทัวร์เพิ่มอีกนิดหน่อย อาหารการกินเลือกเอาตามความพอใจ
หากต้องการท่องเที่ยวที่ท้าทายมากขึ้นก็ต้องศึกษาหาข้อมูลการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวแล้วโดยสารพาหนะที่มีอยู่ในแต่ละประเทศแล้วออกเดินทางไปเอง
เฉพาะในส่วนนี้ก็ทำให้คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้ง่ายขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำลงกว่าเดิม หากต้องการบินระยะไกลไปยังยุโรปทางแอร์เอเชียก็มีบินไปถึงฝรั่งเศส แต่ต้องเริ่มต้นที่ประเทศมาเลเซีย
โปรโมชั่นบินจากกัวลาลัมเปอร์-ปารีส รวมห้องพัก 4 คืนเริ่มต้นที่ 19,308 บาทรวมภาษีแล้ว เพิ่งหมดเขตจองไปเมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และอีกเส้นทางหนึ่งกัวลาลัมเปอร์มาเลเชีย ปลายทางฝรั่งเศส(ท่าอากาศยานออร์ลี) ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 4,960 บาท เปิดให้จองถึง 12 ธันวาคมนี้
ต่างประเทศรุกโปรโมท
นอกจากสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่มีสถานการณ์ความรุนแรงต่อเนื่องกันมา 2 ปี ได้คลี่คลายมากแล้ว เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนไทยมั่นใจและกล้าเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ที่เติบโตราว 7.5-8% หลายคนจึงคาดหวังกับโบนัสและรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และมองว่าการเดินทางท่องเที่ยวเป็นการให้รางวัลกับชีวิต
อีกแนวทางหนึ่งที่มีผลต่อการเดินทางมากคือ ประเทศต่าง ๆ เริ่มออกมาทำตลาดด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ รุกตลาดท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากบริษัททัวร์แทบทุกแห่งในเวลานี้จะมีโปรแกรมท่องเที่ยวญี่ปุ่นเสนอให้กับลูกค้าได้พิจารณาที่ร่วมกับการบินไทยและเจแปนแอร์ไลน์เป็นเครื่องบินหลักในการเดินทาง
แม้ว่าราคาอาจจะยังไม่ถูกนัก แต่ในอีกระยะหนึ่งทุกอย่างจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง ช่วงแรก ๆ ทัวร์เมืองจีนหรือเกาหลีก็ไม่ถูกแต่เมื่อทุกอย่างลงตัวราคาจะค่อย ๆ ปรับลดลง อย่างไต้หวันที่เพิ่งทำตลาดได้ไม่นานนัก ราคายังคงสูงในระดับเดียวกับการไปเกาหลี เช่นเดียวกับญี่ปุ่นหากจัดการให้ดีจะดึงราคาลงมาได้อีก
ขณะนี้อินเดียได้เริ่มรุกมากขึ้นโดยสายการบินแอร์เอเชียที่บินตรงจากประเทศไทย หรือตุรกีที่ใช้ความเป็นประเทศทั้งเอเชียและยุโรปทำตลาดผ่านสายการบินเตอร์กิสแอร์ไลน์
สำหรับทัวร์ยุโรปส่วนใหญ่บริษัททัวร์มักจะกำหนดโปรแกรมและเสนอขายกันเอง ล่าสุดได้มีโปรแกรม Europe countdown to new year 2011 สำหรับการท่องยุโรปโดยเฉพาะ ประกอบด้วยประเทศอิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ เป็นศูนย์กลาง โดยมีบริษัททัวร์ 7 รายร่วมกันขายโปรแกรมดังกล่าว
เที่ยวก่อนผ่อนทีหลัง
อีกปัจจัยหนึ่งนั่นคือ การเข้ามาแข่งขันกันของสถาบันการเงินที่มีสินเชื่อเพื่อการท่องเที่ยว เข้ามาเป็นแรงหนุนให้การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
พิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดเพื่อการท่องเที่ยวและสันทนาการ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTC กล่าวว่า ท่องเที่ยวถือเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต เป็นการเปิดโลกทัศน์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแนวคิดของแต่ละบุคคล
สำหรับค่าเงินบาทที่แข็งค่าไม่เกี่ยวกับการเดินทางว่ามากหรือน้อย แต่การเดินทางไปต่างประเทศจะอยู่ที่ช่วงเทศกาล ซึ่งเงินบาทที่แข็งค่าจะมีผลให้ผู้เดินทางซื้อสินค้ามากขึ้น
การให้บริการสินเชื่อเพื่อการท่องเที่ยว ที่ผ่านมาทาง KTC ออกโปรโมชั่นทางด้านท่องเที่ยวหลากรูปแบบ โดยเปิดให้ลูกค้าได้ผ่อนชำระผ่านทาง KTC Flexi แต่คนตอบรับไม่มากนัก เว้นแต่หากเป็นการผ่อนชำระ 0% ตรงนี้จะมีผลตอบรับที่ดี
ลูกค้าของเรามักจะเลือกชำระเต็มจำนวน หากจะต้องการผ่อนชำระก็สามารถผ่อนชำระได้ตามเงื่อนไขของบัตรที่มีอยู่แล้ว การทำโปรโมชั่นดังกล่าวถือเป็นทางเลือกหนึ่งของการให้บริการจาก KTC
ด้านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพกล่าวว่า ที่ผ่านมามีลูกค้าของเราหลายรายได้ขอเพิ่มวงเงินของบัตรเครดิตที่จะใช้เดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น
เช่นเดียวกับธนพล ชีวรัตนพร ผู้บริหารบริษัทควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส และผู้ช่วยฝ่ายทัวร์ต่างประเทศ สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว เห็นตรงกับนายกสมาคม TTAA ว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่จะไปท่องเที่ยวต่างประเทศมักจะเตรียมความพร้อมในด้านงบประมาณไว้ก่อนหน้าแล้ว โปรแกรมท่องเที่ยวที่เปิดให้ผ่อนชำระได้มักจะมีผู้มาใช้บริการน้อย แต่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้าแต่ละราย
เลือกทัวร์
เมื่อปัจจัยแวดล้อมปัจจุบันเอื้อต่อการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ นอกจากความพร้อมทางด้านค่าใช้จ่ายแล้ว การเลือกบริษัททัวร์ก็เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัททัวร์บางแห่งเคยสร้างปัญหาให้กับลูกทัวร์ ทั้งซื้อแล้วไม่ได้ไปหรือบริการไม่ดี
นายกสมาคม TTAA ให้คำแนะนำว่า การเลือกทัวร์อย่าดูที่ราคาเป็นหลัก ควรเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาต เป็นสมาชิกของการท่องเที่ยวในต่างประเทศด้วยหรือไม่ ตรงนี้ทางสมาคมเข้ามาดูแลได้ จากนั้นดูเงื่อนไขและรายละเอียดของรายการท่องเที่ยว รวมถึงเรื่องของที่พักและอาหาร หรือลองสอบถามกับผู้ที่เคยใช้บริการของทัวร์แห่งนั้นว่าเป็นอย่างไร
หากโปรแกรมการเดินทางทุกอย่างเหมือนกันทั้งหมด แต่ราคาขายต่างกันก็ต้องตกลงราคากัน ส่วนใหญ่จะห่างกันไม่เกิน 2-3% แต่ถ้าเจอปัญหาที่มีการโอนลูกค้าไปให้กับทัวร์อีกรายหนึ่งแต่ราคาของเขาถูกกว่า ตรงนี้ต้องต่อรองกันในเรื่องของส่วนต่างที่มี
ตอนนี้การท่องเที่ยวของประเทศต่าง ๆ มักจะทำตลาดเอง โดยให้มีตัวแทนจำหน่ายหลายรายในราคาเดียวกัน วิธีการนี้ย่อมสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
TIP เที่ยวสุดคุ้ม
แหล่งข่าวจากวงการท่องเที่ยวกล่าวว่า ราคาทัวร์ที่กำหนดมานั้นบางแห่งอาจสูงกว่าทั้ง ๆ ที่โปรแกรมท่องเที่ยวเหมือนกันทั้งหมด ตรงนี้ต้องมาดูในเรื่องของโรงแรมว่าอยู่ในระดับใด เพราะบางแห่งเลือกลดเกรดของโรงแรมลงเพื่อทำราคาหรือที่ตั้งอาจไกลจากแหล่งท่องเที่ยว นอกจากนี้ต้องดูว่าอาหารทางทัวร์ดูแลกี่มื้อ แต่ละมื้อเป็นอย่างไร
สถานที่ท่องเที่ยวมากไป น้อยไปหรือไม่ เดินทางด้วยวิธีใด มีจุดแวะซื้อสินค้าของรัฐบาลประเทศมากน้อยนั้น ตรงนี้ราคาก็ไม่เท่ากัน เพราะรัฐบาลของประเทศนั้นจะเป็นผู้อุดหนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนผ่านทางร้านค้า
ต่อมาต้องสอบถามด้วยว่ามีไกด์นำไปตั้งแต่เริ่มเดินทางหรือไม่ หรือมาดูแลแค่ช่วงก่อนขึ้นเครื่องแล้วไปเจอไกด์ท้องถิ่นที่ปลายทาง
ระยะเวลาเดินทาง เช่น 6 วัน 4 คืนนั้น พักโรงแรมจริงกี่คืน นอนบนเครื่องกี่คืน เดินทางกี่โมงถึงกี่โมง เพราะบางทริปเดินทางไปถึงปลายทางก็เกือบค่ำทานอาหารแล้วนอน ตรงนี้ก็ต้องนำมาพิจารณาด้วยเช่นกัน
สำหรับบางประเทศที่เพิ่งเริ่มทำการตลาด มักจะมีราคาในช่วงโปรโมชั่นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น จากนั้นจึงเป็นราคาปกติ ในช่วงแรกการจัดการในเรื่องของที่พัก อาหารหรือสายการบิน ยังคงทำราคาให้ถูกลงได้ยาก อาจต้องรออีกระยะกว่าจะเข้าที่เข้าทาง
สายการบินมีผลต่อราคาเช่นกัน สายการบินที่บินตรงย่อมมีราคาสูงกว่าสายการบินที่จอดแวะรับผู้โดยสาร หรือบางแห่งบินเหมือนกันแต่ต้นทุนของบางแห่งจะสูงกว่า ดังนั้นโปรโมชั่นบางช่วงที่ผูกกับสายการบินหนึ่งอาจแพงกว่าบางช่วงที่มีการเปลี่ยนสายการบิน หรือการแวะจอดเปลี่ยนเครื่องก็มีต่อราคาเช่นเดียวกัน
โปรแกรมทัวร์ส่วนใหญ่แล้วหากเป็นท่องเที่ยวในประเทศเดียวกัน สถานที่ท่องเที่ยวจึงมักไม่แตกต่างกัน ลองนำเอาโปรแกรมของทัวร์แต่ละแห่งนำมาเปรียบเทียบว่าของใครให้ความคุ้มค่ามากที่สุด หลังจากนั้นอยู่ที่ขั้นตอนการตัดสินใจว่าจะเลือกเดินทางไปกับรายใด
ทั้งนี้ เพราะความต้องการของนักท่องเที่ยวไม่เหมือนกัน บางรายชอบความคุ้มค่าอาจเลือกเดินทางกลางคืนแล้วถึงที่หมายช่วงเวลาเช้าแล้วท่องเที่ยวต่อเลย บางรายอาจเลือกเดินทางไปถึงแล้วพักผ่อนก่อน 1 คืนเพื่อปรับตัวรุ่งเช้าจึงพร้อมเดินทาง
ที่สำคัญคือช่วงเวลาเดินทางบางช่วงราคาทัวร์จะถูกตรงนี้ต้องตรวจสอบด้วยว่าปลายทางนั้นอยู่ในช่วงฤดูใด หากเป็นช่วง Low Season ทุกประเทศมักจะใช้ราคาต่ำมาเป็นเครื่องล่อใจ แต่สถานที่ท่องเที่ยวอาจไม่สวยงานนัก เนื่องจากอาจเป็นช่วงฤดูฝนหรือเป็นช่วงหิมะตกหรืออากาศร้อนจัด
แม้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ ภาครัฐจะไม่ให้การส่งเสริมเหมือนกับทัวร์ในประเทศ แต่ในทางธุรกิจแล้วทุกประเทศไม่อยากเสียเปรียบด้วยกันทั้งนั้น การจะดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้เข้ามาในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่เราไม่ปล่อยนักท่องเที่ยวของเราไปบ้านเขาท้ายที่สุดย่อมจะมีปัญหาในด้านความ
สัมพันธ์ระหว่างกัน
“ญี่ปุ่น-ยุโรป”ฮอต
ที่เที่ยวในฝันคนไทย
สถานที่ท่องเที่ยวของฮิตในต่างประเทศสำหรับคนไทยแล้ว จะมีประเทศหลัก ๆ อยู่ไม่กี่ประเทศ แบ่งออกได้เป็น 2 พื้นที่คือย่านเอเชียและนอกเอเชียได้แก่ทวีปยุโรปรวมถึงสหรัฐอเมริกา
ในย่านเอเชียแล้ว ประเทศที่ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นปฐมบทการเดินทางไปต่างประเทศของคนไทยจะหนีไม่พ้นสิงคโปร์และฮ่องกง
ทั้งนี้ เนื่องจากสิงคโปร์และฮ่องกงใช้ระยะเวลาเดินทางไม่นาน บินประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทางอาจจะสูงกว่าการเดินทางไปท่องเที่ยวที่จังหวัดท่องเที่ยวชื่อดังในเมืองไทยเพียงเล็กน้อย อีกทั้งเรื่องอาหารการกิน สภาพอากาศรวมถึงวัฒนธรรม ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับประเทศไทย ไม่ต้องขอวีซ่า ที่สำคัญมีแหล่งให้ชอปปิ้งทั่วเมือง
หากเทียบกันระหว่างฮ่องกงกับสิงคโปร์แล้ว คนไทยเดินทางไปเที่ยวทั้ง 2 ที่นี้พอ ๆ กัน แต่นาทีนี้ต้องยกให้สิงคโปร์เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาอย่าง ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ รีสอร์ท เวิล์ด เซนโตซา และมารีนา เบย์ แซนด์ ส่วนฮ่องกงแม้จะมีดิสนีย์แลนด์ แต่ได้เปิดให้บริการมาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้ความน่าสนใจกลับไปอยู่ที่สิงคโปร์
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางเริ่มต้นที่ 8 พันบาทเศษสำหรับแพคเกจทัวร์ โดยอาจมีซิตี้ทัวร์แถมให้ครึ่งวัน หรือถ้าจะเป็นทัวร์เต็มรูปแบบจะเริ่มต้นที่ 1 หมื่นบาทขึ้นไปกับระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ส่วนที่แตกต่างกันจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาว่ากี่วัน พักกี่คืน โรงแรมระดับใด รวมอาหารกี่มื้อ สถานที่ท่องเที่ยวกี่แห่ง ช่วงที่เดือนทางอยู่ในฤดูใด มีเทศกาลสำคัญหรือไม่
นาทีนี้ต้องญี่ปุ่น
หากตัดสิงคโปร์และฮ่องกงไป ถ้าเป็นย่านเอเชียประเทศที่คนไทยอยากเดินทางไปมากที่สุดและมาแรงที่สุดในขณะนี้ต้องยกให้ประเทศญี่ปุ่น ที่การท่องเที่ยวของเขาทำตลาดอย่างจริงจัง
ช่วงแรกที่ทำโปรโมชั่นใครจะคิดว่า 29,900 บาทก็ไปเหยียบโตเกียว ชมภูเขาไฟฟูจิ ได้แล้วด้วยเวลา 5 วัน 3 คืน ถ้าเป็นราคาทั่วไปจะเริ่มที่ 3.5 หมื่นบาทขึ้นไป เทียบกับค่าใช้จ่าย 6-7 หมื่นบาทในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งราคาเดิมนั้นสามารถเดินทางไปแถบยุโรปได้เลย
ญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศในฝันของคนไทยหลายคน ก่อนหน้านี้แม้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางค่อนข้างสูง แต่ก็มีนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนไม่น้อยที่นิยมเดินทางไป แม้อาจติดปัญหาอยู่บ้างในเรื่องของความเข้มงวดของหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง แต่ตอนนี้มาตรการดังกล่าวได้ผ่อนคลายมากขึ้น
ถัดมายังคงเป็นเกาหลีใต้ที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดีจากกระแสความนิยมในภาพยนตร์ ดารา นักร้อง รวมถึงแหล่งชอปปิ้ง อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวของเกาหลีมีความสวยงาม ดึงดูดให้เกาหลีใต้เป็นอีกหนึ่งประเทศที่อยู่ในใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย แม้จะโปรโมทมาแล้วระยะหนึ่งก็ตาม
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเริ่มต้นที่ 1 หมื่นบาทปลาย ๆ ในบางช่วง แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นบาทขึ้นไป กับระยะเวลาท่องเที่ยว 4-5 วัน
อีกที่หนึ่งแม้คนไทยจะเดินทางไปกันมากแล้วคือประเทศจีน แต่จีนก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอีกมากมาย ไม่เฉพาะแต่กำแพงเมืองจีนเพียงอย่างเดียว ตอนนี้จีนจะขายสถานที่ท่องเที่ยวตามมณฑลต่าง ๆ มากขึ้น รวมถึงจีนมีกิจกรรมต่อเนื่องตั้งแต่กีฬาโอลิมปิก งานเอ็กซ์โป และเอเชียนเกมส์ที่เพิ่งจบลงไป
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางในบางช่วงจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นบาทขึ้นไป กับระยะเวลาท่องเที่ยว 5-6 วัน
ทั้ง 3 ประเทศนอกจากจะมีธรรมชาติที่สวยงามแล้ว อากาศที่ไม่ร้อนเหมือนเมืองไทยยังเป็นตัวกระตุ้นให้คนไทยอยากไปสัมผัส ในช่วงฤดูหนาวประเทศทั้ง 3 มีหิมะตกเหมือนในยุโรป ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเพื่อไปสัมผัสหิมะในแถบยุโรป เรื่องอาหารคนไทยคุ้นเคยกับอาหารของทั้ง 3 ชาติจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย
จริง ๆ แล้วยังมีออสเตรเลียอีกประเทศหนึ่งที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว รวมถึงนิวซีแลนด์แต่จะติดขัดในเรื่องความเข้มงวดของฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองเช่นเดียวกัน ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายไปยังประเทศอื่น ๆ แทน
ส่วนที่กำลังอยู่ในช่วงโปรโมทคืออินเดีย ที่ใช้จุดขายเรื่องศาสนาพุทธและทัชมาฮาล เป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทย กับ 6 วัน 4 คืนที่ราคา 27,900 บาท
ยุโรปครองใจ
หากข้ามพ้นจากทวีปเอเชียแล้วเป้าหมายในฝันของคนไทยหลายคนยังคงเป็นที่ยุโรปเป็นหลัก อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์หรือเยอรมัน ประเทศเหล่านี้ยังเป็นพระเอกสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ส่วนยุโรปตะวันออกความนิยมยังเป็นรองแต่ก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น
นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการไปเที่ยวยุโรป จะมีทางเลือกได้ง่ายกว่าในเอเชีย คือสามารถเลือกเดินทางได้มากกว่า 1 ประเทศในทริปการเดินทาง ด้วยเหตุที่การเดินทางระหว่างประเทศสะดวกทั้งรถยนต์ รถไฟหรือเครื่องบิน อีกทั้งการทำวีซ่าเดินทางไปยุโรปอย่างเช็งเกนวีซ่า 1 ประเทศ ก็สามารถเดินทางต่อไปได้อีกหลายประเทศ รวมไปถึงเรื่องความสะดวกในการใช้สกุลเงินยูโร
โซนยุโรปกำลังมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ หลายประเทศจึงหันมาให้ความสำคัญทางด้านการท่องเที่ยว ดึงให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางลดลงมา งบประมาณเริ่มต้นที่ราว 5 หมื่นบาทปลาย ๆ กับระยะเวลา 6-9 วันก็ทำให้คนไทยท่องยุโรปได้ง่ายขึ้น
ส่วนสหรัฐอเมริกาก็ยังมีผู้นิยมเดินทางไปท่องเที่ยวแต่ยังเป็นรองยุโรป ด้วยระยะทางในการบินที่ใช้เวลานานกว่า และสถานที่ท่องเที่ยวในด้านศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรมของสหรัฐยังเป็นรองยุโรป รวมถึงความเข้มงวดในการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐที่ไม่ค่อยสะดวก จากความกังวลในเรื่องของการก่อการร้าย จึงทำให้คนไทยนิยมเดินทางไปยุโรปมากกว่า
คู่มือท่องเที่ยวต่างประเทศ
ฉบับประหยัดเงินในกระเป๋า
ใกล้ถึงเทศกาลท่องเที่ยวเข้ามาทุกขณะ เพราะกำลังจะถึงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง และจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกจะไปเฉลิมฉลองที่ต่างประเทศ เนื่องจากการไปท่องเที่ยวในต่างประเทศใช้เงินไม่มากเหมือนในอดีตที่กว่าจะเก็บเงินไปเที่ยวได้แต่ละครั้งแต่ละหน ต้องใช้เวลานานหลายเดือนหรือบางคนอาจต้องใช้เวลานานเป็นปี ขณะที่บางช่วงเวลา หรือบางแคมเปญใช้เงินน้อยกว่าเที่ยวในประเทศก็มี
นั่นเป็นเพราะว่าการแข่งขันของสายการบินต้นทุนต่ำ(โลคอร์ส แอร์ไลน์) รุนแรงมาก และกลยุทธ์ที่ทุกสายการบินเลือกนำมาใช้ล่อเงินในกระเป๋านักท่องเที่ยวที่มีงบประมาณค่อนข้างจำกัด คือ การให้บริการด้วยราคาแสนประหยัด เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวเลือกที่จะไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ
สำหรับราคาค่าเดินทางแต่ละครั้ง นอกจากจะถูกกว่าการบินด้วยสายการบินปกติแล้ว ผู้ประกอบการสายการบินต้นทุนต่ำยังขยันจัดโปรโมชั่นล้วงเงินในกระเป๋านักท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญ 0 บาท หรือราคาเดียวทุกเที่ยวบิน แต่อาจจะไม่รวมค่าภาษี ค่าประกันหรือค่าสัมภาระ ซึ่งในส่วนนี้ผู้โดยสารต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ขณะที่สายการบินบางแห่งชูจุดขาย ราคาสุทธิ ผู้โดยสารไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งค่าภาษี ค่าประกันหรือค่าสัมภาระ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความสะดวกสบายไม่ต้องการมานั่งคิดบวกค่าใช้จ่ายๆ ให้ยุ่งยาก ซึ่งทุกแคมเปญล้วนทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจไปท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น รวมถึงขั้นตอนการจองบัตรโดยสารก็สะดวกสบาย ผ่านทางเว็บไซต์ เพียงคลิกเดียวเท่านั้น ซึ่งทุกสายการบินเปิดให้ลูกค้าเลือกจองบัตรโดยสารทางเว็บไซต์ และเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตจากทุกสถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อบัตรโดยสารจากโปรโมชั่นหรือแคมเปญดีๆ ราคาถูก ผู้เดินทางจะต้องจ่ายเงินล่วงหน้าเพื่อจองที่นั่งก่อนการเดินทาง บางแคมเปญกว่าจะได้เดินทางต้องใช้เวลารอนานเกือบปี ที่สำคัญยังไม่สามารถเปลี่ยนชื่อผู้เดินทางหรือเลื่อนเที่ยวบินได้ ซึ่งตรงนี้ผู้เดินทางต้องกำหนดวัน เวลา ที่จะเดินทางให้แน่นอน เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินฟรี เพราะทางสายการบินจะไม่คืนเงินทุกกรณี หากไม่สามารถเดินทางได้
นอกจากนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มขึ้นอีกมากน้อยแค่ไหน เช่น ค่าประกันชีวิต ค่าสัมภาระ เพราะหากไม่คำนวณให้ถูกต้องแม่นยำอาจจะต้องจ่ายแพงกว่าการบินไฟลท์ปกติ
เที่ยวเมืองนอกแสนง่าย
นักท่องเที่ยวรายหนึ่ง กล่าวกับ ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์ว่า การเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยาก เพราะนอกจากจะสามารถเลือกซื้อบัตรโดยสารในราคาไม่แพงได้แล้ว ยังสามารถเลือกจองโรงแรมที่พักผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือไปเดินหาได้ในสถานที่ที่จะไปพัก ซึ่งจะมีโรงแรมให้เลือกมากมาย ทั้งเกสท์เฮ้าส์ หรือโรงแรมทุกระดับตั้งแต่ 2-6 ดาว สำหรับการเดินทางไปยังโรงแรมนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเมื่อไปถึงสนามบินเกือบทุกแห่งจะมีคู่มือท่องเที่ยว แผนที่ รวมถึงวิธีการเดินทางด้วย ซึ่งจะมีทั้งเดินทางโดยแท็กซี่ รถไฟฟ้า หรือรถสาธารณะ ซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสนุกสนานกับการเดินทางแบบท้าทายอีกด้วย
เมื่อไปถึงสถานที่ที่เลือกไปเที่ยวแล้ว เช่น หากไปเกาหลี ฮ่องกง หรือสิงคโปร์ และนักท่องเที่ยวต้องการความสะดวกสบาย หรือไม่ต้องการเดินทางเองให้ยุ่งยาก ก็อาจจะเลือกซื้อซิตี้ ทัวร์ ประเภท 1 วันก็ได้ ซึ่งจะเดินทางไปเที่ยวได้หลายแห่งในวันเดียว
“การไปเยือนฮานอย ประเทศเวียดนาม 6 วัน 5 คืน ใช้เงินค่าเดินทางทั้งไปและกลับไม่ถึง 3,000 บาท เป็นค่าบัตรโดยสารเกือบ 2,000 บาท ค่าประกันผู้โดยสารราว 300 บาทเศษ และค่าสัมภาระโหลดขึ้นเครื่องไม่เกิน 20 กิโลกรัม จ่ายเพิ่มเพียง 700 บาท ซึ่งผู้โดยสารที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายสามารถเลือกถือสัมภาระขึ้นเครื่องเองในปริมาณไม่เกิน 7 กิโลกรัมฟรี ซึ่งเท่ากับว่า จะใช้เงินค่าเดินทางเพียง 2,200-2,300 บาทเท่านั้น ส่วนค่าที่พักมีให้เลือกตั้งแต่ราคาคืนละ 400-500 บาท ไปจนถึงหลักหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับสถานที่ และ เกรดของโรงแรม”นักท่องเที่ยวรายหนึ่งกล่าว
จองช่วงปลอดคน
สำหรับเคล็ดลับการเลือกบินราคาประหยัดที่สูงที่สุดนั้น ผู้เดินทางจะต้องรีบเดินทางให้เร็วที่สุดนับตั้งแต่เวลาที่สายการบินเปิดให้จอง เพราะหากจองช้า ราคาค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งเมื่อต้องจ่ายแพงขึ้น บางครั้งจะแพงกว่าการบินด้วยไฟส์ปกติ และเมื่อคิดคำนวณแล้วว่า ราคาบัตรโดยสารไม่ถูกอย่างที่คิด ผู้เดินทางไม่ควรจองบัตรโดยสารจากแคมเปญนี้ และควรรอแคมเปญใหม่ เพราะจะมีแคมเปญใหม่ ๆ ออกมาล่อใจอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะที่จะลงทะเบียนจองตั๋วโดยสารนั้น นักท่องเที่ยวรายหนึ่งบอกว่า ไม่จำเป็นต้องเข้าไปจองในนาทีแรกๆ เพราะทุกคนจะแห่เข้าไปจองในช่วงนั้น ทำให้การเข้าเว็บไซต์ของสายการบินค่อนข้างยากหรืออาจเข้าไม่ได้เลย ฉะนั้น ควรเข้าไปหลังเปิดให้จองราว 2 ชั่วโมงเป็นต้นไป แต่ไม่ควรเกิน 5-6 ชั่วโมง หรือจองในช่วงหลังเลิกงาน เพราะเป็นเวลาที่คนทำงานประจำหรือมนุษย์เงินเดือนต้องเดินทางกลับบ้าน จึงเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยมีใครเข้ามาจองแล้ว นั่นหมายถึงโอกาสที่เราจะเข้าไปจองบัตรโดยสารได้ง่ายขึ้น อีกทั้งในช่วงนั้นยังมีที่นั่งราคาถูกอีกหลายที่นั่ง
นอกจากบัตรโดยสารราคาถูกแล้ว การเลือกโรงแรมที่พักก็ง่ายเพียงคลิกเดียวเช่นเดียวกัน ด้วยการเข้าไปสำรองที่พักใน www.agoda.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการจองที่พักทั่วโลก ทั้งเอเชียแปซิฟิก อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมทั้งสิ้นมากกว่า 140,000 แห่ง อีกทั้งยังรับประกันราคาดีที่สุด ประหยัดค่าที่พัก 4-7% ด้วยแต้มสะสมที่ทุกครั้งจะจองห้องพักผ่านเว็บไซต์นี้จะได้แต้มสะสมด้วยและสามารถนำมาใช้ลดค่าที่พักในครั้งต่อไป ที่สำคัญเว็บไซต์นี้จะมีโปรโมชั่นใหม่ๆทุกวัน
|