|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“ดร.ซุป” คาดเศรษฐกิจโลกปีหน้าโตแค่ 2-3% ชะลอลงจากปีนี้ เหตุเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป ยังฟื้นตัวแบบเปราะบาง แนะรวมกลุ่มอาเซียนให้แกร่ง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ภูมิภาค อัดพวกเก็งกำไรค่าเงิน ไร้ความรับผิดชอบ เชียร์ไทยใช้นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์พัฒนาประเทศ
นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการสำนักงานการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) เปิดเผยว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2554 คาดว่าจะขยายตัว 2-3% ลดลงจากปีนี้ ที่คาดขยายตัว 3-4% เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงในหลายด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังฟื้นตัวแบบเปราะบาง ส่วนเศรษฐกิจยุโรปยังคงชะลอลง จากปัญหาหนี้สาธารณะที่ยังแก้ไขไม่สำเร็จ รวมถึงอาจเกิดฟองสบู่จากการที่มีเงินร้อนระยะสั้นไหลเข้าสู่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียมากขึ้น จนทำให้เกิดปัญหาความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้ ในปีหน้า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรป จะเป็นตัวฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แต่เศรษฐกิจของเอเชียจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวได้
“ผมเห็นด้วยกับการรวมกลุ่มของอาเซียน ที่เริ่มมีความเข้มแข็งมากขึ้น จนทำให้ทั่วโลกต้องหันมามอง โดยเฉพาะการประชุมสุดยอดเอเชีย ที่เรียกความสนใจจากทั่วโลกได้ แต่ไม่อยากให้รวมกันเฉพาะด้านเศรษฐกิจ อยากเห็นการรวมกันในด้านอื่นๆ ด้วย เช่น การใช้ทรัพยากรร่วมกัน เป็นต้น ซึ่งอาเซียนต้องรีบทำให้การรวมตัวกันประสบความสำเร็จ รวมถึงในกรอบอาเซียน+3, อาเซียน+6, และเอเปค แต่สิ่งที่ต้องระวังขณะนี้ คือ ความพยายามของคนนอกกลุ่มที่จะทำให้อาเซียนไขว้เขวในการรวมตัวกัน”นายศุภชัยกล่าว
นายศุภชัยกล่าวว่า สำหรับปัญหาเงินร้อนระยะสั้นที่ไหลเข้าสู่เศรษฐกิจของเอเชียนั้น อังค์ถัดเกลียด และไม่เห็นด้วยกับการเก็งกำไรค่าเงิน เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลก เพราะเงินร้อนเหล่านี้เป็นเงินที่ปั๊มขึ้นมา แต่ไม่รู้จะไปไหน เลยเข้ามาเก็งกำไรจำนวนมาก เมื่อได้กำไรแล้วก็เอาเงินออก แต่การที่เงินเข้ามามากๆ ทำให้ค่าเงินแข็งค่ามาก อย่างกรณีของค่าเงินบาท ซึ่งเห็นว่า ค่าเงินบาทในตลาดแข็งค่ากว่าความเป็นจริงมาก
อย่างไรก็ตาม ไทยไม่ควรกังวลกับเรื่องค่าเงินบาทแข็งมาก เพราะยังถือว่ามีประโยชน์ เช่น ทำให้ราคานำเข้าน้ำมันลดลง ราคาสินค้าลดลง และเงินเฟ้อลดลง แต่ควรปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำด้วย ส่วนฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยนั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาแต่อย่างใด
นายศุภชัยกล่าวในการปาฐกถาพิเศษเรื่อง การพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ ในงานมหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์นานาชาติ (TICEF) วานนี้ (29 พ.ย.) ว่า อังค์ถัดสนับสนุนให้ทั่วโลกใช้นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะการพัฒนาเศรษฐกิจแบบเดิมๆ เช่น เน้นในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร ภาคบริการ อาจทำให้เศรษฐกิจแต่ละประเทศเติบโตช้า ดังนั้น จึงต้องหันมาเน้นเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ด้วย เพราะเป็นการสร้างมูลค่าสินค้า และบริการที่เกิดจากความคิดของมนุษย์ เป็นการใช้องค์ความรู้ที่มีในท้องถิ่น สร้างสรรค์ผลงานให้เชื่อมโยงกับรากฐานทางวัฒนธรรม แต่ต้องทำให้คนในท้องถิ่นมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องนี้ด้วย
“ปีที่ผ่านมา การค้าโลกหดตัว แต่รายได้จากเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทั่วโลกกลับเพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบัน ทั่วโลกหันมาพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองโดยใช้เศรษฐกิจสร้างสรรค์มากขึ้น ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ผลิตผลงานใหม่ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เพราะทุกวันนี้ คนเราชอบหาความสุข และชอบเสพมากขึ้น เช่น งานศิลปะ ฟังเพลง แต่จะต้องมีระบบป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คิดค้นขึ้นมาด้วย นอกจากนี้ อังค์ถัดยังพอใจกับนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย แต่ต้องมีองค์กรอิสระในการกำกับดูแล และขับเคลื่อนนโยบาย รวมถึงประสานงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ และภาคเอกชน”นายศุภชัยกล่าว
|
|
|
|
|