|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หวั่นนักลงทุนต่างชาติขนเงินเข้าเอเชียหนีดอลลาร์อ่อนหลังสหรัฐอัดฉีดเงิน 6 แสนล้าน ส่งผลเงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าต่อ แถมเป็นปัจจัยดันราคาสินทรัพย์ในประเทศให้แพงเกินปัจจัยพื้นฐานจนอาจกลายเป็นฟองสบู่ คาด 2-6 เดือนได้เห็นผล
ศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร ประเมินว่า เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าไทยและเอเชียมากขึ้น อันเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณ(Quantitative Easing:QE) รอบที่2 ของสหรัฐฯ โดยใช้วิธีอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ซึ่งจะพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม 6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐกกลับภายในระยะ 6 เดือน และหากยังไม่เพียงพออาจต้องพิมพ์พันธบัตรเพิ่มขึ้นอีก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัว เร่งให้เกิดฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์ และตลาดหุ้นไทยได้ แม้ปัจจุบันจะยังไม่เห็นสัญญาณการเกิดฟองสบู่ก็ตาม แต่ทุกอย่างก็พร้อมเป็นฟองสบู่
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2554 ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอีก เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบันเงินบาทแข็งค่าแล้วถึง 10% และเฉพาะช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 7% ซึ่งถือว่าเร็วมาก เนื่องจากผลของเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง ขณะที่เมื่อเทียบกับปี 2552 เงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียง 4% เท่านั้น โดยเงินทุนต่างชาติยังมีแนวโน้มไหลเข้ามาต่อเนื่อง เพราะการพิมพ์ธนบัตรสหรัฐเพิ่มจะทำให้แนวโน้มเงินสกุลดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก
“แนวโน้มเงินบาทยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ตราบเท่าที่สหรัฐยังขอแบ่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังตรึงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ จะทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นไทยอย่างแน่นอน ซึ่งการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น ธปท. ควรมีมาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้า เนื่องจากมาตรการเก็บภาษีกำไรจากการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ 15% ที่ออกมาช่วงที่ผ่านมาได้ผลน้อยมาก”
ทั้งนี้ มองว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า เงินสกุลดอลลาร์จะหมดสภาพการเป็นเงินสกุลหลักของเศรษฐกิจโลก กลายเป็นเศษกระดาษในที่สุด เนื่องจากมาตรการอัดฉีดเงินส่งผลให้มีเงินในระบบจำนวนมากเกินไป โดยสหรัฐไม่ได้แก้ปัญหาภายในประเทศ ทำให้เกิดปัญหาตกอยู่ที่ภูมิภาคเอเชีย มีเงินไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้นต่อเนื่อง กดดันเงินบาทให้แข็งค่าต่อเนื่องหลายปีและเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ไทยจึงต้องดูแลให้เงินบาทแข็งค่าอยู่ในระดับที่สามารถปรับตัวได้
สำหรับด้านการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ดัชนีมีปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามกระแสเงินต่างชาติที่ไหลทะลักเข้า ส่งผลให้ปัจจุบันราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ขึ้นมาอยู่ที่ 15 เท่า ซึ่งเป็นระดับเดียวกับตลาดอื่นๆในภูมิภาค จากเดิมที่หุ้นไทยเคยมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคถึง 20% จึงถือว่าได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไทยเต็มที่แล้ว โดยการปรับตัวของดัชนีจากนี้ หากยังเพิ่มขึ้นแบบไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับก็น่ากลัวและอาจเกิดฟองสบู่ได้ ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะมาควบคู่ด้วย
"หากราคาหุ้นยังขึ้นต่ออีก ก็ไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว และคิดว่าคงไปต่อได้อีกไม่นาน มองว่า2-3เดือน แต่บางครั้งอาจจะไปได้ต่อถึง 6 เดือน เพราะบางครั้งฟองสบู่มันพองใหญ่ได้มากกว่าที่คิด"
|
|
|
|
|