Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์14 พฤศจิกายน 2553
หวั่นเงินอัดฉีดสหรัฐไหลเข้าเอเชีย กระทบบาทแข็ง-ก่อฟองสบู่สินทรัพย์             
 


   
search resources

Economics




หวั่นนักลงทุนต่างชาติขนเงินเข้าเอเชียหนีดอลลาร์อ่อนหลังสหรัฐอัดฉีดเงิน 6 แสนล้าน ส่งผลเงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าต่อ แถมเป็นปัจจัยดันราคาสินทรัพย์ในประเทศให้แพงเกินปัจจัยพื้นฐานจนอาจกลายเป็นฟองสบู่ คาด 2-6 เดือนได้เห็นผล

ศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร ประเมินว่า เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าไทยและเอเชียมากขึ้น อันเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณ(Quantitative Easing:QE) รอบที่2 ของสหรัฐฯ โดยใช้วิธีอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ซึ่งจะพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม 6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐกกลับภายในระยะ 6 เดือน และหากยังไม่เพียงพออาจต้องพิมพ์พันธบัตรเพิ่มขึ้นอีก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัว เร่งให้เกิดฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์ และตลาดหุ้นไทยได้ แม้ปัจจุบันจะยังไม่เห็นสัญญาณการเกิดฟองสบู่ก็ตาม แต่ทุกอย่างก็พร้อมเป็นฟองสบู่

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2554 ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอีก เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบันเงินบาทแข็งค่าแล้วถึง 10% และเฉพาะช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 7% ซึ่งถือว่าเร็วมาก เนื่องจากผลของเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง ขณะที่เมื่อเทียบกับปี 2552 เงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียง 4% เท่านั้น โดยเงินทุนต่างชาติยังมีแนวโน้มไหลเข้ามาต่อเนื่อง เพราะการพิมพ์ธนบัตรสหรัฐเพิ่มจะทำให้แนวโน้มเงินสกุลดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก

“แนวโน้มเงินบาทยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ตราบเท่าที่สหรัฐยังขอแบ่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังตรึงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ จะทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นไทยอย่างแน่นอน ซึ่งการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น ธปท. ควรมีมาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้า เนื่องจากมาตรการเก็บภาษีกำไรจากการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ 15% ที่ออกมาช่วงที่ผ่านมาได้ผลน้อยมาก”

ทั้งนี้ มองว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า เงินสกุลดอลลาร์จะหมดสภาพการเป็นเงินสกุลหลักของเศรษฐกิจโลก กลายเป็นเศษกระดาษในที่สุด เนื่องจากมาตรการอัดฉีดเงินส่งผลให้มีเงินในระบบจำนวนมากเกินไป โดยสหรัฐไม่ได้แก้ปัญหาภายในประเทศ ทำให้เกิดปัญหาตกอยู่ที่ภูมิภาคเอเชีย มีเงินไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้นต่อเนื่อง กดดันเงินบาทให้แข็งค่าต่อเนื่องหลายปีและเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ไทยจึงต้องดูแลให้เงินบาทแข็งค่าอยู่ในระดับที่สามารถปรับตัวได้

สำหรับด้านการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ดัชนีมีปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามกระแสเงินต่างชาติที่ไหลทะลักเข้า ส่งผลให้ปัจจุบันราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ขึ้นมาอยู่ที่ 15 เท่า ซึ่งเป็นระดับเดียวกับตลาดอื่นๆในภูมิภาค จากเดิมที่หุ้นไทยเคยมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคถึง 20% จึงถือว่าได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไทยเต็มที่แล้ว โดยการปรับตัวของดัชนีจากนี้ หากยังเพิ่มขึ้นแบบไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับก็น่ากลัวและอาจเกิดฟองสบู่ได้ ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะมาควบคู่ด้วย

"หากราคาหุ้นยังขึ้นต่ออีก ก็ไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว และคิดว่าคงไปต่อได้อีกไม่นาน มองว่า2-3เดือน แต่บางครั้งอาจจะไปได้ต่อถึง 6 เดือน เพราะบางครั้งฟองสบู่มันพองใหญ่ได้มากกว่าที่คิด"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us