การกระโจนเข้าสู่ยุทธจักรของ BIG (BUSINESS INFORMATION GUIDE) ไม่เพียงเป็นปรากฏการณ์ธรรมดาเทานั้น
แต่มีข้อพึงให้ความสนในพอสมควร
BIG เป็นผลพวงจากความพ่ายแพ้ของศึกร่วมชาติระหวางเอทีแอนด์ทีและจีทีดีซีในการชิงสิทธิ์การเป็นผู้จัดพิมพ์สมุดโทรศัพท์ขององค์การโทรศัพท์
จีทีดีซีเป็นฝ่ายพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงเมื่อพระราชบัญญัติโทรศัพท์ผ่านสภาแล้วอย่างรวดเร็ว
ทั้งๆ ที่จีทีดีซีเข้ามาก่อนเอทีแอนด์ทีนานนับทศวรรษ แต่จีทีดีซีก็มิได้ใช้สิ่งนี้สร้างความได้เปรียบเลย
เอทีแอนด์ทีถึงจะเป็นผู้มาทีหลังแต่เพราะ "เล่นการเมืองเป็น" จึงเป็นผู้กำชัยไปในที่สุด
จีทีดีซีนั้นเป็นบริษัทลูกของจีทีอี ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีกิจการหลายประเภท
แต่สำหรับเมืองไทยแล้ว "เราทำสมุดโทรศัพท์อย่างเดียวเพราะถนัดที่สุด
สำหรับธุรกิจอื่นเมืองไทยยังไม่มีศักยภาพพอ" คนจีทีดีซี เผย
ดังนั้นเมื่อจีทีดีซีถึงแก่กาลอวสานในธุรกิจจัดพิมพ์สมุดโทรศัพท์ มันก็หมายถึงกาลอวสานอย่างถอนรากถอนโคนของจีทีดีซีในเมืองไยด้วย
"เป็นกรณีศึกษาของบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาปักหลักในเมืองไทย โดยทำธุรกิจเพียงอย่างเดียวเมื่อประสบความผันผวนอย่างกะทันหันจึงเกมไปในที่สุด"
คนในวงการให้ข้อคิด
จีทีดีซีประกาศเลิกกิจการในเวลาหลายเดือนต่อมาหลังจากพระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์ผ่านสภา
ก่อนที่จีทีดีซีจะเลิกการดำเนินกิจการในเมืองไทยโดยสิ้นเชิง จีทีดีซีก็รออยู่นานเกือบครึ่งปี
"เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาอย่างไรแน่ เพราะเขาเป็นบริษัทข้ามชาติการจะตัดสินใจะไรแต่ละอย่างต้องติดต่อบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา"
คนจีทีดีซีเล่าถึงเหตุการณ์ช่วงนั้น
ถึงจะเลิกดำเนินกิจการในเมืองไทยแล้ว จีทีดีซีก็ยังไม่ประกาศว่าจะเอาอย่างไรกับการดำเนินธุรกิจอย่างไรต่อไปหลังจากธุรกิจจัดพิมพ์สมุดโทรศัพท์ต้องเลิกล้มไปโดยปริยาย
ความไม่แน่นอนของจีทีดีซีนำความวิตกกังวลมาสู่ผู้บริหารระดับสูงที่เป็นคนไทย
ทังระดับล่างๆ ราวๆ 200 คนก็อยู่ในสถานการณ์ไม่แตกต่างกันนัก
กระทั่งในที่สุด พนักงานระดับสูงที่เป็นไทยจึงร่วมมือร่วมใจกันก่อตั้ง BIG
ซึ่งหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ก็เป็นอดีตลูกหม้อของจีทีดีซีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น
สุธีร์ รัตนนาคินทร์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ซ่งมาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
พรรณเพ็ญ พูนวัตถุ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการบริหาร ก็มานั่งในตำแหน่งเดิม อนงค์นาฏ
ลีลาชาต อดีตผู้อำนวยการฝ่ายจัดพิมพ์ มาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายผลิต กิตติยา
สุธามนัสวงศ์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี ก็มานั่งในตำแหน่งเดิม
พนม ฉัตรานนท์ ก็านั่งในตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายขายเหมือนเดิม และชัยยุทธ
เสณีตันติกุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
BIG จึงถือกำเนิดขึ้นในยุทธจักรด้วยเหตุนี้
ก็เพราะผู้ก่อตั้ง BIG ล้วนแล้วแต่เป็นลูกหม้อของจีทีดีซีทั้งสิ้น ดังนั้นสำนักงานของบริษัทก็คือ
"สำนักงานของเราก็คือบริษัทเก่าของจีทีดีซีนั่นแหละ เราซื้อทรัพย์สินมาแต่ไม่ใช่การเทคโอเวอร์อย่างที่หนังสือพิมพ์ลงกันนั่น"
สุธีร์ รัตนนาคินทร์ เผย
ลูกหม้อของ BIG นั้น ต่างก็อยู่ในวงการข้อมูลมานานนับสิบปีแล้วทั้งสิ้น
ดังนั้น "ธุรกิจใหม่ของเราก็ยังเกี่ยวกับข้อมูล" หนึ่งในเจ้าหน้าที่บริหารว่า
"สังคมธุรกิจปัจจุบันแข่งขันกันรุนแรงมาก ข้อมูลจะเป็นตัวชี้ขาดในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน"
สุธีร์ หัวเรือใหญ่กล่าวถึงคอนเซ็ปท์ในการทำธุรกิจ
พูดง่ายๆ ธุรกิจใหม่ของพวกเขาก็คือการขายข้อมูลนั่นเอง ซึ่งเป็นงานที่พวกเราถนัดมากที่สุด
เพราะว่ากันไปแล้วการคลุกคลีในวงการพิมพ์สมุดโทรศัพท์นานนับสิบๆ ปีนั้น ได้สร้างฐานข้อมูลไว้มาก
พอที่จะนำมาพัฒนาเพื่อจะนำไปสู่ธุรกิจใหม่ของ BIG
ปัจจุบัน BIG มี DATABASE ซึ่งสะสมมาจากการทำสมุดโทรศัพท์เป็นรายชื่อบริษัทต่างๆ
ซึ่งผ่านการ UPDATE ใหม่หมด ในปีนี้ถึง 400,000 รายชื่อ และมีรายชื่อบุคคลอีกถึง
50,000 รายชื่อ ซึ่งมีหมายเลขโทรศัพท์ ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน ทำให้ธุรกิจของ
BIG สะดวกสบายขึ้นกว่าบริษัทอื่นๆ มกเพราะ "เราไม่ได้เริ่มจากศูนย์"
คน BIG ว่า
ธุรกิจที่ BIG ได้เริ่มลงมือทำไปแล้ว คือการขายโฆษณาเพื่อจัดทำคู่มือธุรกิจต่างๆ
อาทิ BOI DIRECTORY, ADVERTISING YEAR BOOK, สมุดรายนามธุรกิจอเมริกันในไทย
และสมุดรายนามธุรกิจแคนาดาในไทย
นอกจากนี้ยังรับเป็นผู้จัดส่ง DIRECT MAIL อีกต่างหาก หรือจะให้ทาง BIG
เป็นผู้จัดทำโบร์ชัวร์ก็ได้เพราะ "เรามีแผนกศิลปกรรมมือดีอยู่หลายคน"
คน BIG คนเดิมว่า
แต่ธุรกิจที่สำคัญและน่าจับตามองของ BIG ก็คือเทเลมาร์เก็ตติ้ง "คือความคิดใหม่ในเมืองไทยในการบริการด้านการตลาด"
สุธีร์ กรรมการผู้จัดการเล่า
เทเลมาร์เก็ตติ้งเกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตและผู้จำหน่ายได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จะส่งเสริมการขายได้กว้างขวางมากขึ้น
และตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และสร้างประสิทธิภาพทางการตลาดให้สูงขึ้น
เทเลมาร์เก็ตติ้งครอบคลุมทั้ง DIRECT MARKETING, TELEPHONE SALE, CLEARING
HOUSE เรียกว่าเป็นไม้เด็ดของ BIG ที่หวังจะเป็นข้อได้เปรียบ
ธุรกิจใหม่ของเขาตอนนี้เริ่มมาได้พอสมควรแล้ว หลังจากเริ่มลงมืออย่างจริงจังเมื่อต้นเดือน
กรกฎาคม "เรามีลูกค้าอยู่พอสมควรแล้วอย่าให้บอกเลยว่าเป็นใครบ้าง"
สุธีร์ ไม่ยอมเปิดเผย
บางคนวิจารณ์ว่าธุรกิจการขายข้อมูลนี้เมืองไทยเรายังโตไม่ถึงขั้น แต่สำหรับสุธีร์และพรรคพวกแล้ว
เขาไม่มีทางเลือกใดที่เหมาะไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อีกแล้ว
เพราะว่าไปแล้ว งานนี้นับเป็นงานที่เขาถนัดมากที่สุด พวกเขาอยู่ในวงการมานานนับสิบๆ
ปี เมื่อเขาจะเริ่มเป็นเถ้าแก่กันเอง ก็ไม่พ้นในวงการนี้
"ผมว่าธุรกิจนี้ไปได้ ด้านคู่แข่งเราคิดว่าไม่ชนกับใครนะ เพราะเราวางตำแหน่งแตกต่างกว่าคนอื่น"
สุธีร์ เปิดใจเมื่อถามถึงคู่แข่ง
วันนี้ของลูกหม้อจีทีดีซีได้พัฒนาตนเองขึ้นมาอีกระดับหนึ่งแล้ว หลังจากพวเขาต่อสู้กับเอทีแอนด์ทีอย่างถึงพริกถึงขิง
จนกระทั่งกฎหมายออกมา จีทีดีซีต้องถอนตัวออกไป พวกเขาก็รวมหุ้นกันซื้อทรัพย์สินของบริษัทและใช้ทรัพยากรที่สะสมไว้สมัยทำสมุดโทรศัพท์พัฒนาขึ้นมาสู่ธุรกิจใหม่
ซึ่งยังวนเวียนอยู่กับข้อมูลเหมือนกับที่เขาทำอยู่นับทศวรรษ
วันนี้เขาก้าวเดินไปข้างหน้ามากแล้ว แต่วันพรุ่งนี้ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายว่า
SURVIVAL ครั้งนี้ของเขาจะไปโลดแค่ไหน