Enny กับ Colleen Michels โปรดปรานงานบูรณะบ้านเป็นชีวิตจิตใจ คฤหาสน์สไตล์ Hamptons ทุกตารางนิ้วในกรุงซิดนีย์ที่ปรากฏแก่สายตาผู้มาเยือนเป็นเครื่องยืนยันได้ดี

เมื่อ 15 ปีก่อนทั้งสองซื้อบ้านหลังเล็กๆ ชั้นเดียวติดชาย หาดกว้างใหญ่ จากนั้นใช้เวลากว่าสิบปีค่อยๆ บูรณะจนกลายสภาพเป็นคฤหาสน์สองชั้นขนาดสี่ห้องนอน ตกแต่งสไตล์สบายๆ และให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ในเวลาเดียวกันก็มีทั้งความหรูหราและซับซ้อนลักษณะเดียวกับบ้านพักตากอากาศระดับหรูด้วย

บ้านหลังนี้สร้างเมื่อปี 1843 ตั้งอยู่ห่างจากชายหาดเพียง 12 เมตร เมื่อซื้อไว้ในครอบครองแล้ว สองสามีภรรยาตั้งเป้าไว้ชัดเจนแล้วว่าจะทำอย่างไร พวกเขาไม่รื้อทิ้งเพื่อสร้างใหม่เด็ดขาด แต่เก็บฐานรากไว้แล้วบูรณะไปตามขั้นตอนและแผนงาน พวกเขา วางโครงหลักเอาไว้ว่า ต้องมีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ เพดานสูง ผนัง ทาสีขาว และหน้าต่างกระจกรอบบ้านเพื่อเห็นทิวทัศน์สวยงามได้ จากทุกมุมบ้าน

Enny ย้อนอดีตว่า “ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน เราพบว่าพื้นหลุดล่อน วอลล์เปเปอร์ก็หมดสภาพและซีดขาวหมดแล้ว”

ทั้งคู่กลับมีความสุขกับการได้บูรณะบ้านทีละน้อยๆ จนอยู่ในสภาพสวยสง่าดังที่เห็นในปัจจุบัน

ทางเข้าบ้านชั้นล่างนำไปสู่ห้องนั่งเล่นและห้องครัวที่ออกแบบให้เปิดโล่งและหันหน้าออกสู่ทะเล ห้องนอนทั้งสี่ห้องก็อยู่ชั้นเดียวกันนี้ ที่สำคัญมีอยู่ห้องหนึ่งออกแบบให้มีสภาพเหมือน เป็นแฟลตในตัวเอง คือมีห้องครัว ห้องน้ำ และห้องคอมพิวเตอร์ อำนวยความสะดวกพร้อมสรรพสำหรับแขกผู้มาพัก

บริเวณประตูด้านหน้ามีบันไดส่วนกลางนำไปสู่ชั้นบนซึ่งจัดให้เป็นที่จัดเลี้ยงชั้นเยี่ยมเพราะติดกระจกโดยรอบ ทำให้เห็นทิวทัศน์ด้านนอกเต็มตาและรับแดดได้เต็มที่ด้วย ประตูกระจกบาน เลื่อนขนาดใหญ่เปิดออกสู่ระเบียงที่อยู่รอบตัวบ้าน ระเบียงนี้เป็นส่วนต่อเติมในภายหลังเพื่อให้สะดวกเวลามีงานเลี้ยงและทำให้แขกออกมาดื่มด่ำกับความงามของบริเวณโดยรอบได้อีกทางหนึ่ง

ทั้งโครงสร้างและงานออกแบบตกแต่งภายในเข้ากับทำเล ติดทะเลอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเน้นผนังทาสีขาวและแนวคิดเกี่ยวกับทะเลอย่างเหมาะเจาะ Enny กับ Colleen เลือกความสะอาดตาและโปร่งโล่งซึ่งเข้ากันได้ดีกับของตกแต่งที่เมื่อนำมาจัดวางแล้วสะท้อนถึงสไตล์ Hamptons อย่างแท้จริง

ห้องนั่งเล่นออกแบบให้มีบรรยากาศสดใสและเปิดโล่ง มีหน้าต่างโดยรอบ และประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ปูพื้นด้วยไม้กระดานแผ่นใหญ่ฝีมือประณีต อย่างเดียวกับดาดฟ้าเรือ เพราะไม่มีหัวตะปูหรือสกรูโผล่ให้เกะกะ ลูกนัยน์ตาแม้แต่ตัวเดียว ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หวายซึ่งเป็นโซฟานั่งเล่นมีเบาะหุ้มด้วยผ้าสีสันและลวดลายแลดูสบายตามีรสนิยม ทำให้ผู้เข้ามานั่งรู้สึกผ่อนคลายในบรรยากาศสบายๆ

ในส่วนของห้องครัวมี benchtop สีขาวเข้าชุดกับตู้และชั้นจนแลดูกลมกลืน สวยงามและสบายตา เมื่อเปิดประตูบานเลื่อน จะเห็นทะเลสีครามอยู่ตรงหน้าทันที ยามใบหน้าปะทะกับสายลมฤดูร้อนที่พัดมาเอื่อยๆ ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังแล่นเรืออยู่กลางทะเลใสเลยทีเดียว

Enny ยืนยันว่า “ถ้าขึ้นไปยืนชั้นบนแล้วมองลงมาที่ทะเล คุณอาจคิดว่าตัวเองเป็นกัปตันเรือก็ได้”

เพื่อให้เป็นบ้านที่มีบรรยากาศริมทะเล อย่างสมบูรณ์ สองสามีภรรยาใช้ของแต่งบ้าน กระจุกกระจิกทั้งที่เป็นของเก่าและใหม่ได้อย่าง เหมาะเจาะ เพราะพวกเขามีของสะสมที่ค่อยๆ ซื้อมานานปี แล้วนำไปเก็บรวบรวมไว้ที่ห้องเก็บของซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่รองรับได้ เมื่อต้องการใช้งานก็เข้าไปเลือกแล้วหยิบออกมาเท่านั้น ทำให้สามารถแต่งบ้านใหม่ได้บ่อยตามความต้องการ เช่น โคมไฟสไตล์ชาวเลในห้องนอนใหญ่และห้องนั่งเล่นที่มีฐานและขาตั้งทำด้วยเชือกเส้นใหญ่เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร หรือใช้ตะกร้าหวายของชาวประมงเป็นโต๊ะกาแฟได้อย่างน่าทึ่ง

ทั้ง Enny กับ Colleen ชอบจัดงานเลี้ยงสังสรรค์เป็นชีวิต จิตใจ ทั้งคู่มีลูกถึง 6 คน หลานอีกหลายคนและเพื่อนๆ มากมาย เมื่อบูรณะจนบ้านเสร็จสมบูรณ์โดยวางแปลนให้เปิดโล่ง ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์สบายๆ และอยู่ในทำเลหันหน้าออกสู่ทะเล จึงเหมาะสำหรับทำกิจกรรมโปรดปรานได้เต็มที่ โดยเฉพาะบริเวณ ที่นั่งเล่นชั้นบนนั้น สามารถรองรับกิจกรรมในร่มและกลางแจ้งได้ครบถ้วน บริเวณระเบียงกว้างจึงมีห้องใหญ่ห้องหนึ่งสำหรับนั่งรับประทานอาหาร นั่งดื่มสังสรรค์ หรือไม่ก็นั่งดื่มด่ำกับทัศนียภาพโดยรอบ จึงไม่แปลกที่ชั้นบนจะมีห้องครัวอีกห้องหนึ่ง และห้องฉายภาพยนตร์ซึ่งติดตั้งจอ built in บนเพดาน เมื่อต้องการใช้งานก็ดึงลงมาเท่านั้น

คู่สามีภรรยาลูกดกยืนยันว่า พวกเขารักงานบูรณะและตกแต่งบ้านมาก “เราใช้เวลาถึง 12 ปีค่อยๆ ทำให้บ้านมีสภาพอย่างที่เป็นอยู่และเป็นไปตามความใฝ่ฝัน ถ้ายังอยู่ที่นี่ เราก็จะใช้ เวลาอีก 12 ปีทำบ้านต่อไปอีก”

แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่เห็นว่าถึงเวลาต้องปล่อยมือจากบ้านหลังงามนี้เสียแล้ว จึงประกาศขายผ่านบริษัท McGrath ส่วนพวกเขาก็หาบ้านหลังใหม่ไว้เป็น “ของเล่นชิ้นใหม่” ที่ Enny บอกว่า “ต้องเป็นบ้านที่มีห้าประตูขึ้นไป อยู่ติดทะเลอีกนั่นแหละ ดิฉันรู้ดีว่าจะทำอย่างไรกับบ้านหลังใหม่ ตอนนี้ได้แต่ตั้งตารอให้ถึงวันนั้น”