เป็นเรื่องน่าสนใจ เมื่อแทบทุกสายการบินในเวียดนามร่วมกันกระตุ้นให้คนเดินทางในช่วง Low Season ด้วยการลดราคาตัวเครื่องบินลงมาในระดับที่ “จูงใจ” ให้ซื้อสุดๆ

เว็บไซต์ xaluan.com มีรายงานเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า ในช่วง Low Season ของปีนี้ ซึ่งตรงกับโอกาสเทศกาล “1,000 ปีทังลอง-ฮานอย” ตลาดการบินในเวียดนามได้เปิดรายการกระตุ้นการซื้อ ขนาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

โดย Vietnam Airlines (VNA) ได้ลดราคาตั๋วลงกว่า 50% บนเส้นทาง บินภายในประเทศประกอบด้วยฮานอย-วิญ, นครโฮจิมินห์/ฟุก๊วก-เกิ่นเทอ/หราจย้า, นครโฮจิมิญ-ญาตราง/ด่าหลาต, ฮานอย/นครโฮจิมินห์-ด่าหนัง/เว้/ตามกี่, ด่าหนัง-ด่าหลาต, ฮานอย-นครโฮจิมินห์/บวนมาถวต/ด่าหลาต/ญาตราง/กวีเญิน/เกิ่นเทอ, นครโฮจิ-มินห์-วิญ/ไฮฟอง/โด่งเฮ้ย

ราคาตั๋วเครื่องบินในเส้นทางเหล่านี้เหลือเพียง 400,000-860,000 ด่องต่อเที่ยวบินแล้วแต่เส้นทาง ถือเป็นราคาที่กระตุ้นการซื้อที่สุด ใช้สำหรับการเดินทางตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน สิ้นสุดวันที่ 30 ตุลาคม ด้วยจำนวนที่นั่ง รวมกว่า 300,000 ที่นั่ง มีตั๋วราคาถูกขายวันละ 6,999 ใบ

นอกจากการขายตั๋วราคาถูกสุดๆ ในวันศุกร์ทุกสัปดาห์แล้ว สายการบินราคาถูก Jetstar Pacific (JP) ยังมีรายการ “มังกรโชคดี” ขายตั๋ว 1,000 ใบ ด้วยราคาเพียงใบละ 100,000 ด่องต่อ 1 เที่ยว รายการนี้ดำเนินการตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน สิ้นสุดวันที่ 10 ตุลาคม แต่ละสัปดาห์เปิดขายตั๋ว 200 ใบ บนเว็บไซต์ jetstar.com

โดยในปลายเดือนกันยายน JP แจ้งว่าได้ขายตั๋วไปแล้ว 600 ใบ ตั๋วที่เหลืออีก 400 ใบจะขายใน 2 สัปดาห์ต่อจากนั้น โดยผู้โดยสารก็สามารถซื้อตั๋วราคาถูกของ JP ด้วยราคาตั้งแต่ใบละ 350,000 ด่องบนเที่ยวบินระยะสั้น ราคา 600,000 ด่อง สำหรับเที่ยวบินฮานอย-นครโฮจิมินห์ และ 650,000 ด่อง จากนครโฮจิมินห์ไปวิญ/ไฮฟอง

ขณะที่ Air Mekong สายการบินเอกชนที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุด ก็ได้เข้าร่วมตลาดซึ่งตรงกับ Low season ของปีนี้เช่นกัน โดยจำหน่ายตั๋วราคาถูก 1,000 ใบ ในแต่ละเส้นทางบินเพื่อดึงดูดผู้โดยสาร โดยราคาตั๋วเที่ยวบินฮานอย-นครโฮจิมินห์ เหลือเพียง 800,000 ด่อง ช่วงแรก Air Mekong เปิดบินวันละ 34 เที่ยวบิน และเปิดเส้นทางบินภายในประเทศ 8 เส้นทาง ด้วยเครื่องบินไอพ่นลำตัวเล็ก Bombardier ชนิด CRJ-900 ซึ่งยังไม่เคยมีมาก่อนในเวียดนาม เน้นการเปิดเส้นทางบินระยะสั้น และที่สำคัญคือบินไปถึงเกาะฟุก๊วก

นอกจากเส้นทางบินภายในประเทศ แล้ว เที่ยวบินระหว่างประเทศมีการลดราคา ลงมาเช่นกัน เพื่อประสานงานเทศกาล 2 งาน ที่จัดในช่วงนี้คืองาน “1,000 ปีทังลอง-ฮานอย” และงาน “นิทรรศการการท่องเที่ยวสากล ITE ประจำปี” ซึ่งจัดขึ้นที่นครโฮจิมินห์

โดย VNA เปิดให้ลูกค้าซื้อตั๋วราคา ถูก เพื่อกระตุ้นการซื้อขนาดใหญ่ในทุกเส้นทางบินระหว่างประเทศ มีการให้จองที่นั่งชั้น E รวมเกือบ 90,000 ที่นั่ง แต่ได้รับบริการเหมือนกับตั๋วราคาเต็มใบ

ในรายการนี้ ราคาตั๋วไป-กลับถึงประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดลง 85% เหลือ 950,000 ด่อง ประเทศอินโดจีน 1.92 ล้านด่อง ลดลง 74% จีน ฮ่องกง ไต้หวัน 1.9 ล้านด่อง ลดลง 80% ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ 5.8 ล้านด่อง ลดลง 82% ออสเตรเลีย 9.55 ล้านด่อง ลดลง 50%

ในบรรดาเส้นทางบินครองส่วนแบ่ง ตลาดสูงเนื่องจากได้เปรียบด้วยการบินตรง เช่นถึงยุโรป (ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซีย) VNA ก็ลดราคาตั๋ว 40% เหลือเพียงใบละ 11.44 ล้านด่องต่อ 1 เที่ยว

ราคาตั๋วกระตุ้นการซื้อเหล่านี้ ใช้สำหรับการเดินทางตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคมปีนี้ และตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคมปีหน้า

ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2553 อัตราแลก เปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของเวียดนาม 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 19,500 ด่อง

บริษัทท่องเที่ยว TransViet ตัวแทน ทั่วไปของสายการบินระหว่างประเทศเกือบ 10 สายในเวียดนามแจ้งว่า ปัจจุบันมีการกระตุ้นการซื้อขนาดใหญ่บนเส้นทางบินถึงโปแลนด์และสหรัฐอเมริกา โดย Lot สายการบินโปแลนด์จะเปิดเส้นทางบินตรงวอร์ซอ-ฮานอย ด้วยเครื่องบิน Boeing 767-300 ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน ด้วยระดับ ราคาตั๋วไปกลับต่ำที่สุดคือใบละ 380 ดอลลาร์สหรัฐ ผู้โดยสารมากมายได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ซื้อตั๋วสำหรับเที่ยวบิน ที่มีตารางเดินทางจนถึงเดือนสิงหาคม 2554

ไม่เพียงล่อใจคนเดินทางไป-มาจากภูมิภาคยุโรปเท่านั้น Lot ก็ดึงดูดผู้โดยสารไป-มาจากยุโรปตะวันตกได้พอสมควร เนื่องจากตั๋วราคาถูกที่ยังไม่เคยมีมาก่อน และเส้นทางบินเชื่อมต่อเที่ยวบินในยุโรปอย่างสะดวกถึง 30 จุด

ตามรายงานจาก TransViet เส้นทางบินจากเวียดนามถึงสหรัฐฯ เติบโตขึ้น 2 เท่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจได้ค่อยๆ กระเตื้องขึ้นและได้มีการผ่อนคลายการทำตามระเบียบการขอ วีซ่าเข้าสหรัฐฯ

สายการบิน United Airlines ยินดีขายตัวไป-กลับ 800 ดอลลาร์สหรัฐ บินจากฮานอยไปถึงฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา และ 950 ดอลลาร์สหรัฐไปถึงฝั่งตะวันออก กับตั๋วที่ออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2553 ถึง 30 มิถุนายน 2554