หากเรื่องราวของวีรบุรุษวีรสตรีที่มีอยู่อย่างมากมายในวรรณกรรมของชนแทบทุกภาษาและวัฒนธรรมจะเป็นประหนึ่งแบบอย่างและแรงบันดาลใจ ในฐานะขนบและครรลองแห่งความดีงามให้ผู้คนได้ดำเนินตาม การเกิดขึ้นของ The 99 ก็คงไม่แตกต่างจากวิถีดังกล่าว หากแต่ภายใต้รากฐานทางวัฒนธรรมและศาสนาอิสลาม นี่คือจุดเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ไม่ใช่เฉพาะสำหรับคนมุสลิมเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลไปสู่พลโลกส่วนอื่นๆ ที่อยู่ต่างวัฒนธรรมด้วย
ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว สิ่งที่ Naif Al-Mutawa คิดคำนึง ย่อมไม่ใช่การแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ หากแต่เพียงต้องการสร้างความแตกต่างและตามหาความฝันเมื่อวัยเยาว์เท่านั้น
ความเป็นมาและเป็นไปเกี่ยวกับ The 99 ของ Naif Al-Mutawa เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณปี 2003 เมื่อเขามีความคิดที่จะกลับมาเขียนหนังสืออีกครั้ง หลังจากที่ในช่วงกลาง ทศวรรษ 1990 เขาได้เขียนหนังสือสำหรับเด็ก ก่อนที่จะยุติงานเขียนลงชั่วคราว
แนวความคิดเบื้องต้นที่จะกลับมาเขียนหนังสือครั้งใหม่นี้ ไม่ได้มีเข็มมุ่งที่จะเป็นหนังสือสำหรับเด็กเท่าใดนัก กระทั่งมีคำวินิจฉัยประเด็นทางศาสนา (fatwa) ของประเทศในกลุ่มชาติอาหรับบางประเทศระบุให้การติดตามชม Pokemon ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก เป็นการกระทำที่ผิดหลักศาสนาอิสลาม
fatwa ดังกล่าวย่อมต้องส่งผลกระเทือนต่อ Naif Al-Mutawa ในฐานะคุณพ่อของลูกชาย 5 คน และทำให้เขาต้องคิดคำนึงเป็นพิเศษว่า ใครกันคือผู้คนที่ลูกๆ ของเขาจะสามารถนำมาพิจารณาเป็นบทเรียนหรือต้นแบบในการเติบโตขึ้นมาแบบใด
“ความคิดของผมในขณะนั้นก็คือ เกิดอะไรขึ้นกับอิสลาม แล้วใครกันที่จะมาตัดสินใจ เรื่องราวเหล่านี้ให้กับลูกๆ ของผม แน่นอนว่าผมไม่สบายใจเกี่ยวกับวิธีที่คนในศาสนาอื่นๆ มองเข้ามาที่อิสลาม เช่นเดียวกับที่ผมไม่พึงใจวิธีที่อิสลามมองดูตัวเอง”
นอกจากนี้ ผลพวงจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 หรือที่เรียกว่ากันทั่วไปว่า 911 ได้ส่งผลกระทบไม่เฉพาะต่อผู้คนในสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตกอื่นๆ เท่านั้น หากเหตุการณ์ ดังกล่าวยังส่งผลกระทบกับผู้คนในวงกว้าง ขณะที่การกระทำของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงยังส่งผลกระทบต่อผู้นับถือศาสนา อิสลามโดยรวมทั้งหมดเองด้วย
ผู้คนทั่วไปอาจพูดถึงเหตุการณ์ในวันดังกล่าวโดยเทียบเคียงถึง 911 ในฐานะที่เป็นเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉิน แต่สำหรับ Naif Al-Mutawa สิ่งนี้มีความหมายที่แตกต่างออกไป โดยเขาระบุว่าหากนำ 9 คูณกับ 11 จะเท่ากับ 99 ซึ่งหมายถึงพระนามของพระเจ้า และถ้าอ่าน 99 เป็นภาษาอารบิกก็จะใกล้เคียง กับคำว่า Allah หรือพระเจ้าอย่างน่าประหลาดใจ
“สิ่งที่สำคัญมากก็คือ เมื่อมีคนมาทำให้ศาสนาอิสลามมัวหมองและแปดเปื้อนจากความเข้าใจที่ผิดๆ ผมจะอยู่เฉยไม่ได้ ผมต้องการที่จะเข้าไปช่วยเหลือ และมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูชื่อเสียงและปรับปรุงภาพลักษณ์ของอิสลาม”
นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของประกายความคิด ก่อนที่ในเวลาไม่กี่เดือนต่อมา Naif Al-Mutawa ก็ระดมเงินทุนได้กว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ จากกลุ่มทุนทั่วทุกมุมโลกรวมกว่า 61 แห่ง เพื่อร่วม สานความฝันของ Naif Al-Mutawa ให้บังเกิดขึ้นจริง
Naif Al-Mutawa ตระหนักดีว่าการลงทุน และการเป็นผู้ประกอบการไม่ใช่เรื่องง่าย เขาอาจระดมทุนจากกลุ่มนักธุรกิจหรือ ผู้คนที่รู้จักเขา และเชื่อมั่นในศักยภาพของเขาว่าจะสามารถผลักดันการลงทุนเหล่านี้ให้ไปได้ไกลตลอดรอดฝั่ง แต่นั่นหมายถึงการแสดงให้เห็นศักยภาพทางปัญญาและการเสียสละเรื่องเวลาหรือแม้กระทั่งชีวิตส่วนอื่นๆ ด้วย
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจของโลกธุรกิจประการหนึ่งก็คือ ภายใต้ แผนธุรกิจมากมายที่เกิดขึ้น อาจมีเพียง 1 ใน 10 แผนเท่านั้นที่จะได้รับแรงสนับสนุนทางการเงินหรือแสวงหาเงินลงทุนมาดำเนินการได้ และอาจมีเพียง 1 จาก 20 แผนธุรกิจที่ได้รับการสนับสนุน แล้วเท่านั้น ที่สามารถทำให้เกิดผลขึ้นจริงได้ตามแผนที่วางไว้ แต่นั่นย่อมไม่ได้หมายความว่าผู้คนควรละความพยายาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเมินจากความเป็นไปของกลุ่มประเทศในโลกอาหรับ ซึ่งยังต้องการผู้ประกอบการและการสร้างงานอีกเป็นจำนวนมหาศาล ความคิดทางธุรกิจเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก แม้ว่าความคิดนั้นอาจจะสร้างงานได้เพียง 3 หรือ 10 ตำแหน่งก็ยังถือว่าดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
กลุ่มผู้ลงทุนที่ให้การสนับสนุนแผนของ Naif Al-Mutawa มีทั้งจากคูเวตบ้านเกิดของ เขาเอง และจากซาอุดีอาระเบีย, บาห์เรน, เลบานอน, จอร์แดน, เม็กซิโก รวมถึงสหรัฐอเมริกา โดยมีรายชื่อผู้ลงทุนที่เปิด เผยต่อสาธารณะประกอบด้วย Commercial Bank of Kuwait, Unicorn Investment Bank, Al Aswak Investment Company, M.H. Al Shaya Company, Bayan Investment Company และ Safat Investment Company
“ผมคิดที่จะผลักดันให้โครงการนี้ (The 99) เป็นโครงการระดับ world-class ให้ได้ เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น ก็คงไม่คุ้มค่ากับการลงทุนที่กลุ่มทุนให้ การสนับสนุน และยิ่งไม่คุ้มกับเวลาที่ผม ต้องเสียไปด้วย” นั่นเป็นมิติมุมมองที่สะท้อนเป้าประสงค์ของ Naif Al-Mutawa และความรับผิดชอบต่อผู้ลงทุนในโครงการนี้
Naif Al-Mutawa เริ่มระดมนักเขียนและนักวาดภาพการ์ตูน จากทั้ง Marvel Comics และ DC Comics ซึ่งเคยผ่านงานหนังสือแนวอภิวีรชน ไม่ว่าจะเป็น Spiderman, Batman, Wonder Woman และ Superman ให้มาร่วมงานกันในโครงการ The 99
ภายใต้โครงสร้างทางความคิดที่ชัดเจนและเป้าประสงค์ที่เด่นชัดว่าด้วยการส่งผ่านข้อความถึงการต่อสู้กับความอยุติธรรม ความรุนแรง อวิชชา และมิจฉาทิฐิ ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคกีดขวางสันติภาพและสันติสุขของโลกปัจจุบัน อภิวีรชนใน The 99 จึงถูกสร้างขึ้น
ในฐานะที่เป็นมุสลิมสายกลาง (moderate muslim) ข้อความที่ Naif Al-Mutawa กำลังส่งผ่าน The 99 ในด้านหนึ่งก็คือการต่อสู้กับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่เน้นการเปลี่ยนแปลงด้วยกำลังเป็นหลัก
“หากเราสามารถสื่อสารประเด็นทางจริยธรรมและเรื่องราว ดีๆ เข้าไปให้สังคมได้รับรู้ทดแทนกลุ่มคนที่จ้องแต่จะส่งผ่านข้อความเลวร้าย ในที่สุดผู้คนก็จะตระหนักได้ว่าสิ่งใดดีสิ่งใดชั่วร้าย และผู้คนที่ส่งผ่านข้อความและการกระทำจากวาระที่เลวร้ายก็จะถูกปฏิเสธ”
แม้ว่า อภิวีรชนใน The 99 จะมีรากฐานมาจากมิติความเชื่อ และศรัทธาของศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะการนำพระนามหรือลักษณะพิเศษ 99 ประการของพระเจ้ามาเป็นจุดเริ่มต้น แต่สำหรับ Naif Al-Mutawa แล้ว อภิวีรชนใน The 99 กำลังส่งผ่านคุณค่าและค่านิยม ที่เป็นสากลอย่างยิ่ง และได้ข้ามพ้นกรอบโครงความคิดความเชื่อของศาสนาใดศาสนาหนึ่งไปแล้ว
ตามแนวคิดของ Naif Al-Mutawa เขาวางเค้าโครงที่จะสร้างอภิวีรชนที่มาจากประเทศต่างๆ ในโลก 99 ประเทศ ซึ่งย่อมมีวัฒนธรรมแตกต่างกัน มีความหลากหลาย และแน่นอนว่าไม่ได้ยึด ติดอยู่กับศาสนาใดอย่างเฉพาะ แต่เป็นอภิวีรชนที่ร่วมกันปกป้องโลกซึ่งเป็นหลักการร่วม กันของพลโลกทุกคน ทำให้ผู้อ่านแต่ละคนสามารถเชื่อ ศรัทธาและชื่นชมในฐานะที่เป็นแบบอย่างได้
อภิวีรชนที่เปิดเผยออกมาในช่วงที่ผ่านมา จึงเป็นประหนึ่งตัวแทนของเยาวชนในแต่ละประเทศ โดยส่วนใหญ่มาจากประเทศ ในตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะเป็น Jabbar (ผู้ทรงพลัง) ซึ่งมีพื้นฐานมาจากซาอุดีอาระเบีย Noora จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Aleem จากการ์ตาร์ หรือแม้กระทั่ง Sami จากซูดาน และ Fattah จากอินโดนีเซีย ซึ่งล้วนเป็นการสร้างอภิวีรชนให้เกิดขึ้นในแต่ละท้องถิ่น ที่มีอิทธิพลของศาสนาอิสลามเป็นแกนอย่างหนักแน่น
ขณะที่อภิวีรชนอย่าง Bari ซึ่งมีที่มาจากแอฟริกาใต้ และMumita ที่มาจากโปรตุเกส หรือแม้กระทั่ง Hadya ซึ่งกำหนดให้ เป็นอภิวีรชนจากอังกฤษ ก็เป็นอีกบริบทหนึ่งที่สะท้อนการแผ่ออกไปของวัฒนธรรมอิสลามได้เป็นอย่างดี
หากประเมินด้วยทัศนะของโลกธุรกิจผ่านกรอบโครงและมิติทางการตลาด ต้องยอมรับว่า The 99 กำลังสร้างกลไกการตลาดที่น่าสนใจอย่างยิ่งเช่นกัน
การเติบโตขึ้นของ The 99 ฉบับภาษาอังกฤษดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและในอัตราเร่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะภายในช่วง ระยะเวลาเพียง 5 ปี The 99 ได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาต่างๆ มากถึง 8 ภาษา และขยายไปสู่กลุ่มผู้อ่านเกือบทั่วทุกมุมของโลก จากจุดเริ่มต้นในตะวันออกกลางไปสู่อินโดนีเซียเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา และเข้าสู่กลุ่มผู้อ่านในอินเดีย มาได้ประมาณปีเศษ โดยปัจจุบันกำลังขยายเข้าสู่ผู้อ่าน ในตุรกี ไม่นับรวมตลาดจีนที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ ผู้ร่วมค้า
ขณะเดียวกัน The 99 กำลังก้าวข้ามข้อจำกัดของการเป็นเพียงหนังสือการ์ตูนไปสู่ช่องทางการค้าอื่นๆ การผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่องด้วย ออกสู่ตลาดอย่างหลากหลายทั้งกระเป๋าสะพายหลัง หรือแม้กระทั่งชุดเครื่องเขียนที่อยู่ภายใต้แนวความคิด “กลับสู่โรงเรียน” (back to school) ที่ดำเนินการมากว่า 2 ปี ในตลาดหลายแห่งที่ The 99 ขยายไปถึง
แน่นอนว่าผู้สร้างสรรค์ The 99 ไม่ได้พึงใจที่จะหยุดอยู่เพียงเท่านั้น หากบริบทของ The 99 ยังก้าวหน้าไปสู่การเปิดสวนสนุกในลักษณะ theme-park เมื่อกลางปี 2009 ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อ The 99 Village ที่เมือง Jahrah เมืองใหญ่ที่ตั้งอยู่ห่าง จากคูเวตซิตี้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเพียง 32 กิโลเมตร
แม้ว่าสวนสนุก (amusement park) จะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับกลุ่มประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม แต่สำหรับ The 99 Village ซึ่งดำเนินไปภายใต้บริบทที่ยึดโยงอยู่กับภาพลักษณ์ของอภิวีรชนใน The 99 นี่ถือเป็น theme-park แห่งแรกในตะวันออก กลาง และได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในช่วง 7 เดือน แรกของการเปิด theme-park แห่งนี้ มีผู้เข้าเที่ยวชมแล้วกว่า 3 แสนคน
“นับเป็นตัวเลขที่น่าพึงพอใจ และเรากำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อสร้าง theme-park ในลักษณะนี้อีกอย่างน้อย 6 แห่งต่อเนื่องปีละแห่งภายใน 6 ปี ภายใต้ความร่วมมือกับ United Entertainment & Tourism Company ซึ่งเป็นพันธมิตรและผู้บริหารสวนสนุกของเรา”
แผนพัฒนาธุรกิจของ The 99 กว้างไกลไปกว่านั้น โดยโครงการที่ The 99 เตรียมไว้ในอนาคตอันใกล้ ยังประกอบด้วยการเจรจาเพื่อพัฒนาเรื่องราวและการนำอภิวีรชนจาก The Justice League ของ DC Comics เข้ามาร่วมมือกับอภิวีรชนใน The 99 เพื่อปกป้องโลกจากเหล่าทุรชน ซึ่งหากการเจรจาดังกล่าวสามารถบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ความร่วมมือครั้งนี้ย่อมต้องถือเป็นประวัติการณ์ในแวดวงหนังสือการ์ตูนแนวอภิวีรชนครั้งใหญ่เช่นกัน
นอกจากนี้ Teshkeel Media ยังวางแผนที่จะพัฒนา The 99 ให้เป็นรายการโทรทัศน์ที่พร้อมจะออกอากาศแพร่ภาพสู่หน้าจอเครื่องรับโทรทัศน์ทั่วโลก ภายใต้ความร่วมมือกับ Endemol Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ Big Brother, Deal or No Deal, Star Academy และรายการยอดนิยมของอังกฤษอีกหลายรายการ
รวมถึงการเจรจากับบริษัทผู้สร้าง ภาพยนตร์รายใหญ่ใน Hollywood เพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่อง The 99 ให้โลดแล่น เป็นอีกหนึ่งตำนานในโลกภาพยนตร์
“การผลิต The 99 เพื่อแพร่ภาพ เป็นรายการโทรทัศน์อยู่ในความคิดของเรามานานแล้ว ซึ่งไม่ใช่ประเด็นว่าด้วยการลงทุนเพื่อผลิตรายการ เท่านั้น หากยังเกี่ยวเนื่องถึงเป้าหมายในการจัดจำหน่ายและเผยแพร่ด้วย”
โดยปัจจุบันกระบวนการผลิต The 99 เพื่อการแพร่ภาพในฤดูที่หนึ่ง (season) ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการผลิต season ที่สองของรายการชุดที่จะมีทั้งหมด 3 season ในระยะเริ่มแรก คาดว่าจะออกอากาศไปสู่ผู้ชมทั่วโลกได้ในไม่ช้า
ซึ่งหากแผนดำเนินงานของ Teshkeel สามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามที่คาด และเยาวชนจากภูมิหลังและความเชื่อที่แตกต่าง กันสามารถสร้างอัตลักษณ์ของพวกเขาขึ้นมาเองได้จากเรื่องราวของ The 99 นั่นก็เท่ากับว่า Naif Al-Mutawa บรรลุเป้าประสงค์ของเขาแล้ว
“สิ่งที่ผมต้องการบอกกล่าวก็คือ ทุกคนสามารถทำความฝันให้เกิดขึ้นเป็นจริงได้ และนี่คือผู้ชายคนหนึ่งที่มีความคิด และแสวงหาแหล่งเงินทุนมาหนุนนำให้เกิดการสร้างงานนับพันนับหมื่น ตำแหน่ง และกำลังส่งผ่านผลกระเทือนระดับนานาชาติจากปลาย ทางของท้องทะเลทราย”
จังหวะก้าวและวิสัยทัศน์ของ Naif Al-Mutawa ในกรณีดังกล่าวไม่ใช่สิ่งเกินเลย เพราะขณะที่เรื่องราวของ The 99 ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง และกำลังส่งผลกระทบในระดับนานา ชาติในปัจจุบัน โดยเฉพาะการที่ The 99 ได้รับรางวัล Social Entrepreneur of the Year ในการประชุม World Economic Forum เมื่อปี 2009 ที่ผ่านมา รวมถึงการได้รับเลือกจากนิตยสาร Forbes ให้เป็น “1 ใน 20 กระแสใหม่ที่จะได้รับความนิยมครอบคลุมทั่วโลก” ย่อมเป็นประจักษ์พยานที่ดีทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้นในการประชุม Presidential Summit on Entrepreneurship 2010 ที่อาคาร Ronald Reagan ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Barack Obama แห่งสหรัฐอเมริกา ได้หยิบยกเรื่องราวของ The 99 ขึ้นมาเป็นตัวอย่างของงานสร้างสรรค์สำหรับเยาวชน พร้อมกับกล่าวชื่นชม Naif Al-Mutawa ที่ได้รังสรรค์ผลงานเหล่านี้ขึ้นมา ท่ามกลางผู้เข้าร่วมงานซึ่งเป็นผู้ประกอบการจากทั่วทุกมุมโลกด้วย
“ความพยายามของ The 99 และ Naif Al-Mutawa ถือเป็นตัวอย่างของนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมในการสนองตอบต่อจินตนาการของเยาวชนและกล่อมเกลาพวกเขาให้ตระหนัก ถึงความอดกลั้นและมีใจกว้างที่พร้อมจะให้อภัย” Barack Obama ระบุ
การกล่าวชื่นชม The 99 ดังกล่าว ในด้านหนึ่งได้รับการประเมินในฐานะที่เป็นประหนึ่งภาคต่อเนื่องของสุนทรพจน์ “A New Beginning” ที่ Barack Obama ได้แสดงไว้ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2009 ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
เนื้อหาหลักของ “A New Beginning” ในครั้งนั้นมุ่งหมาย จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศมุสลิมทั่วโลก และร่วมกันต่อต้านการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขข้อขัดแย้ง ด้วยการแสวงหาความร่วมมือในทุกระดับ ก่อนที่จะมีการจัดประชุม Presidential Summit on Entrepreneurship 2010 ที่มีจุดเน้นอยู่ที่ความร่วมมือระหว่างประเทศตะวันตกและผู้ประกอบการจากโลกมุสลิมทั่วโลกในเวลาต่อมา
สุนทรพจน์ของ Barack Obama ในงาน Presidential Summit on Entrepreneurship 2010 ได้ช่วยหนุนส่งให้เรื่องราวของ The 99 และ Naif Al-Mutawa ได้รับการกล่าวถึงและเป็นที่สนใจของผู้คนในวงกว้างขึ้นไปอีกโดยปริยาย
ขณะที่สถานะของ The 99 กำลังข้ามพ้นมิติทางธุรกิจไปสู่การเป็นนวัตกรรมที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าและการรับรู้เรื่องราวของมุสลิมอย่างที่ไม่เคยมีปรากฏให้เห็นมาก่อนเช่นกัน
|