Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา พฤศจิกายน 2553
6 ทำเลทองของคอนโด ปี 53             
 


   
search resources

Condominium




ฝ่ายวิจัยพลัส พร็อพเพอร์ตี้ลงพื้นที่สำรวจตลาดคอนโดมิเนียม 6 ทำเลยอดนิยม พบกระแสการขยายความนิยมสู่พื้นที่รอบนอก กทม. 'พญาไท' ครองอันดับหนึ่ง ตามด้วยพหลโยธิน สุขุมวิท ธนบุรี รัชดา และนนทบุรี

จากการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ เมื่อสิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมาพบว่า มีอุปทานรวม (15 โซน) อยู่ที่ 43,912 ยูนิต ยอดขายได้ 25,062 ยูนิต (57%) เหลือขาย 18,850 ยูนิต โดยภาพรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเติบโตดีขึ้น

ส่วนใหญ่ยอดขายได้จะเติบโตดีในพื้นที่ชั้นกลางของกรุงเทพฯ เป็นหลัก มีพื้นที่ชั้นในบ้างบางแห่ง แต่เขตพื้นที่รอบนอกอื่นๆ เช่น มีนบุรี สุวรรณภูมิ ยอดขายค่อนข้างกระจายตัว ไม่หนาแน่นในพื้นที่ใดเป็นพิเศษ โดยสรุปพื้นที่เด่นในช่วงนี้มีเพียง 6 โซนเท่านั้น

คอนโดมิเนียมในพื้นที่พญาไทมีความโดดเด่นสูงสุด เพราะเป็นพื้นที่ชั้นกลางในเขตกรุงเทพฯ การคมนาคมสะดวกและคล่องตัวสูงกว่าพื้นที่ชั้นใน โดยปัจจุบันนอกจากมีเส้นทางรถไฟฟ้ามหานคร ยังมีสถานีแอร์พอร์ตเรลลิงค์ที่ให้ความสะดวกต่อการเดินทางมากขึ้น ทั้งยังมีศูนย์การค้า โรงละคร โรงภาพยนตร์ ตลอดจน Duty Free ที่จูงใจให้พื้นที่นี้ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วย

ปัจจุบันอุปทานมีความหนาแน่นน้อยไม่ถึง 1,000 ยูนิต ในขณะที่ยอดขายเติบโตได้ดีถึง 70% จำนวนยูนิตเสนอขายส่วนใหญ่คงค้างมาจากโครงการก่อนหน้าประมาณ 10-15% ที่กำลังรอปิดการขาย แต่หากเป็นโครงการเปิดตัวใหม่ภายใน 6-8 เดือน ที่ผ่านมา ยอดขายตอบรับได้ดีมาก 90-100% แม้จะเสนอขายที่ราคาค่อนข้างสูงกว่าโครงการอื่นๆ บริเวณใกล้เคียงกันก็ตาม

เหตุผลหลักคือทำเลที่ตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อ และผู้ประกอบการที่มีความน่าเชื่อถือ แนวโน้มในอนาคตพบอุปทานใหม่เพียง 2-3 โครงการ จำนวนเสนอขายค่อนข้างน้อย แต่ทำรายได้ค่อนข้างสูง โดยราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรสำหรับโครงการ ใหม่ คาดว่าไม่ต่ำกว่า 100,000-120,000 บาทต่อตารางเมตร โดยประมาณ

ราคาที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ใกล้แนวรถไฟฟ้า ปัจจุบันราคาเฉลี่ยตาราง วาละ 400,000-500,000 บาท และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงได้อีกในอนาคต

ส่วนพื้นที่พหลโยธิน ปัจจุบันมีอุปทานสะสมอยู่ประมาณ 2,700 ยูนิต เป็นอุปทานใหม่ กว่า 2,000 ยูนิต ที่เปิดเสนอขายใหม่ในรอบนี้ และยอดขายได้เติบโตดีถึง 86% โดยยอดขายได้สะสมของทั้งพื้นที่อยู่ที่ 70%

สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อาจเพราะเดิมสภาพพื้นที่มีเพียงที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นแหล่งชุมชน เก่าและสถานที่ราชการ ความเจริญของเมืองยังไม่สูงเท่าพื้นที่เขตชั้นใน

แต่การขยายเส้นทางรถไฟฟ้ามหานคร ส่งผลให้พหลโยธิน สะพานควาย อารีย์ ได้รับความนิยมมากขึ้น จึงทำให้ศักยภาพของพื้นที่เริ่มโดดเด่นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คาดว่า การพัฒนาด้านพาณิชยกรรมที่เติบโตขึ้นตามความเจริญของเมืองจะดึงให้ความต้องการซื้อเพิ่มสูงขึ้น และปรับราคาให้เติบโตขึ้นได้อีกโดยเฉพาะทำเลเด่น เช่น บริเวณรถไฟฟ้า

ปัจจุบันราคาขายเฉลี่ยรวมทั้งโซนอยู่ที่ 81,153 บาทต่อตารางเมตร แต่บริเวณใกล้เคียง รถไฟฟ้าราคาขายปรับตัวสูงขึ้นกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตรแล้ว

ซึ่งในอนาคตอันใกล้มีอุปทานเตรียมเสนอขายใหม่อีกกว่า 10 โครงการ คาดว่าจะมีส่วนผลักดันให้ราคาขายบริเวณนี้ปรับตัวสูงขึ้นได้ ซึ่งราคาที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการใหม่ โดยเฉลี่ยบริเวณใกล้แนวรถไฟฟ้าตารางวาละ 300,000-400,000 บาท และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นได้

นอกจากนี้พื้นที่รัชดาภิเษกเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ติดอันดับทำเลเด่นลำดับต้นๆ จากการสำรวจในหลายๆ ครั้ง เนื่องจากเป็นพื้นที่ชั้นกลางที่เข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจได้รวดเร็ว รองรับด้วยระบบรถไฟฟ้าทั้ง MRT และ BTS ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคด้วย สถานบันเทิงหลากหลาย รวมทั้งศูนย์รวมการซื้อขายเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์และมีห้างสรรพสินค้าที่กำลังจะเปิดตัวในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เป็นผลให้พื้นที่นี้มีอุปทานเติบโตสูงสุดอย่างต่อเนื่อง และอุปสงค์สอดรับได้ดี

ปัจจุบันจำนวนยูนิตเสนอขายอยู่ที่ประมาณ 8,300 ยูนิต ยอดขายยังครองตัวได้สูงถึง 64% ในอนาคตมีแนวโน้มที่อุปทานใหม่จะเติบโตอีกเกือบ 20 โครงการ หรือกว่า 7,000 ยูนิต ดังนั้น แม้จะเป็นพื้นที่ที่มีความน่าสนใจ แต่ข้อควรระวังยังมีอยู่คือ การเกิดโอเวอร์ซัพพลายในบางพื้นที่และบางกลุ่มราคา การลงพัฒนาโครงการในพื้นที่นี้แข่งขันกันด้วยทำเล ชื่อเสียงผู้ประกอบการค่อนข้างมีผลเล็กน้อยเท่านั้น ราคาที่ดินในการพัฒนา โครงการใหม่บริเวณใกล้เคียงรถไฟฟ้า โดยเฉลี่ยประมาณตารางวาละ 270,000-320,000 บาท

พื้นที่สุขุมวิท เป็นโซนชั้นในมีลักษณะเป็นพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจอย่างชัดเจน ด้วยศักยภาพอันโดดเด่นที่เป็นศูนย์กลางในหลายเรื่อง ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก และระบบเดินทางด้วยรถไฟฟ้าทั้ง MRT และ BTS จุดเด่นสำคัญอีกอย่าง คือกลุ่มชนต่างชาติทั้งเอเชียและยุโรป นิยมพักอาศัยในสุขุมวิท จึงทำให้พื้นที่นี้เติบโตดีทั้งอุปทาน อุปสงค์ และราคา

แต่ด้วยภาวะการเติบโตที่สูงอย่างต่อเนื่องของอุปทานทำให้ปัจจุบันเริ่มเกิดภาวะทรงตัวของปริมาณอุปสงค์ ในอนาคตยังมีอุปทานใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวอย่างน้อย 15 โครงการ ไม่ต่ำกว่า 5,000 ยูนิต

การชิงส่วนแบ่งอุปสงค์จึงต้องเน้นการตลาดเป็นพิเศษ การพัฒนาโครงการในพื้นที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในพื้นที่พอสมควร ปัจจุบันอุปทานอยู่ที่ประมาณ 4,300 ยูนิต ยอดขายเติบโตแบบทรงตัวที่ 53% จึงส่งผลให้ยอดเหลือขายค่อนข้างสูง

ปัจจัยว่าด้วยราคาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่เป็นต้นทุน ที่ค่อนข้างสูง ซึ่งพบว่าปัจจุบันบริเวณใกล้เคียงรถไฟฟ้าโดยเฉลี่ย มีราคาประมาณตารางวาละ 450,000-600,000 บาท และคาดว่าแนวโน้มยังทรงตัว เพราะราคาที่ดินที่สูงจนเกินไปทำให้การพัฒนา โครงการใหม่ทำได้ลำบากขึ้นเพราะต้องผลักภาระส่วนเพิ่มให้ผู้บริโภคซื้อห้องชุดในราคาสูง Demand อาจเข้าสู่จุดอิ่มตัวได้เร็วกว่าเดิม

สำหรับพื้นที่ธนบุรี ทำเลเด่นอยู่บริเวณช่วงแรกบนถนนกรุงธนบุรีสองฝั่ง แต่เดิมมีการใช้ประโยชน์ทางด้านพาณิชยกรรม ประเภทอาคารสำนักงาน อาคารตึกแถว และบ้านเรือนเก่าอยู่บ้าง แต่หลังจากมีถนนสาทรตัดใหม่และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเกิดขึ้น ทำให้ศักยภาพของทำเลในพื้นที่นี้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

เนื่องจากทำเลที่ตั้งเชื่อมต่อกับศูนย์กลางธุรกิจสีลม-สาทรเป็นทุนเดิม จึงทำให้พบว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้เป็นจำนวนมากและอุปสงค์ตอบรับได้ดี

แต่ด้วยทำเลที่ดีเริ่มลดลง ระยะทางที่ไกลจากโครงการถึง รถไฟฟ้าเพื่อเข้าสู่ตัวเมืองใช้เวลานาน จุดคุ้มทุนเริ่มเปลี่ยนเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องสูงขึ้นจากการเดินทาง ประกอบกับระดับราคาสูงเกินความต้องการซื้อในบางทำเล

ทำให้ปัจจุบันอุปสงค์โดยรวมเริ่มเข้าสู่ภาวะทรงตัว สัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 54% จากจำนวนยูนิตเสนอขายประมาณ 6,000 ยูนิต ยอดเหลือขายจึงมีสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงอยู่ที่ 44%

อย่างไรก็ตาม พื้นที่บริเวณส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตากสิน-บางหว้า อุปสงค์ยังรองรับได้ ราคาที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ในปัจจุบันเฉลี่ยตารางวาละ 220,000-300,000 บาท ขึ้นกับทำเลและสภาพของที่ดิน หากส่วนต่อขยายมีแนวโน้มที่จะดำเนินการได้เร็วขึ้น อาจผลักดันให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้

ขณะที่พื้นที่นนทบุรี ถือเป็นทำเลที่มาแรงในปัจจุบัน และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการขยายตัวของตลาดคอนโดมิเนียมสูงสุดในพื้นที่รอบนอก โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณถนนงามวงศ์วาน-รัตนาธิเบศร์ และบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ

เนื่องจากมีการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนต่างๆ เช่น การพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ และเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-สุวินทวงศ์ บริเวณศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ส่งผลให้เกิดโครงการที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการอาคารชุดในราคา 1-3 ล้านบาท ที่เปิดตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนอุปทาน เสนอขายในปัจจุบันกว่า 3,600 ยูนิต มียอดขายตอบรับดีเกือบ 60% และคาดว่าอุปทานใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกกว่า 5,000 ยูนิต อย่างไรก็ตาม แม้จะมีภาวะการเติบโตของกลุ่มผู้ซื้อระดับล่างหนาแน่น

แต่ข้อควรระวังคือ อาจส่งผลกระทบให้ภาวะอุปสงค์ชะลอ ตัวเนื่องจากอุปทานอาจมีมากเกินความต้องการจริง

ส่วนราคาที่ดินที่สามารถพัฒนาโครงการใหม่ในช่วงนี้ บริเวณแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงเฉลี่ยตารางวาละ 70,000-80,000 บาท สามารถพัฒนาโครงการได้ในระดับกลางถึงล่าง และกลุ่มโครงการ BOI และหากการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนแล้วเสร็จได้ ราคาที่ดินจะปรับตัวขึ้นอีก

ในส่วนสำหรับพื้นที่อื่นๆ ในช่วงนี้ยังไม่พบปัจจัยหรือแนวโน้มใดที่ชัดเจนพอจะมาเป็นตัวชี้วัดถึงภาวะการเติบโตอย่างแท้จริงของอุปสงค์ โดยเฉพาะพื้นที่เพลินจิต-ชิดลม และสีลม-สาทร ที่ได้รับผลกระทบหนักจากสถานการณ์การเมืองและความเชื่อมั่น จากต่างชาติ

อุปทานและอุปสงค์จึงยังไม่ฟื้นคืน สุขุมวิทรอบนอกยอดขายยังเป็นไปอย่างชะลอตัวแม้อุปทานจะยังเติบโตอยู่ และพื้นที่พระราม 3 แม้จะมี BRT ตัดผ่านและเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น แต่ความโดดเด่นยังไม่ชัดเจนเพราะกลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจกับอุปทานที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงเส้นทางรถไฟฟ้ามากกว่า   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us