Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2531
มนตรี เกรียงวัฒนา : ผมต้องการเปลี่ยนนิยามธุรกิจประกันภัยใหม่             
 


   
www resources

โฮมเพจ ภัทรประกันภัย

   
search resources

ภัทรประกันภัย, บมจ.
Insurance
มนตรี เกรียงวัฒนา




ด้วยวัย 30 ปีเต็มในวันนี้ มนตรี เกรียงวัฒนา กำลังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและพัฒนาธุรกิจบริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัล "บริษัทดีเด่นประจำปี 2531" ประเภทธุรกิจประกันภัยติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง

ในวัยหนุ่มไฟแรง มนตรีมีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจ เขามีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในการออกกรมธรรม์ที่แตกต่างไปจากที่อื่น พยายามเสนอนิยามของธุรกิจประกันภัยใหม่ และมีความเห็นว่า บริษัทประกันภัยควรจะมีบทบาทต่อตลาดทุนและเงินมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

อดีตนักเรียนทุนจากธนาคารกสิกรไทยผู้นี้จบการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2521 ได้รับทุนไปศึกษาต่อด้านบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐฯ แล้วถูกส่งตัวมาเริ่มงานแห่งแรกที่ภัทรฯ เมื่อปี 2524

เขาใช้เวลา 6 ปีกว่าในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายฯ จากจุดเริ่มในฐานะพนักงานใหม่ที่ไม่มีใครฟังความคิดเห็นมาสู่ตำแหน่งที่มีอะไรบ้างและคนก็เริ่มฟัง

มนตรีกล่าวอย่างภูมิใจลึกๆ ว่า "ภัทรประกันภัยดีกว่าคนอื่น แม้ว่าจะไม่ใช่บริษัทที่ใหญ่ที่สุด"

เขากล่าวถึงการคิดค้นกรมธรรม์ใหม่ที่ต่างไปจากที่อื่นว่า จริงๆ แล้วก็คือการเปลี่ยนรูปแบบในการขายหรือเพิ่มเติมให้สินค้านั้นดูต่าง (DIFFERENTIATE) ออกไป ไม่ใช่การออกกรมธรรม์ใหม่โดยการแปลจากฝรั่งเหมือนที่หลายแห่งชอบทำกัน

สิ่งที่เขาคิดทำขึ้นมาก็อย่างเช่น การออกบัตรประกันภัยที่เป็นเสมือนบัตรเครดิตในความหมายแคบๆ คือใช้ยื่นต่อโรงพยาบาลที่มีคอนแทรกกับบริษัทในเวลาที่ลูกค้าประสบอุบัติเหตุ และโรงพยาบาลจะให้การรักษาโดยลูกค้าไม่ต้องใช้เงินสดแต่อย่างใด

หรือในการให้บริการประกันภัยเบ็ดเตล็ด ซึ่งเป็นงานที่บริษัทเริ่มทำมาได้ 7 ปีแล้วนั้น มนตรีกล่าวว่าเขาสามารถเพิ่มยอดขายด้านนี้ได้ไม่ยาก โดยทำอย่างที่ชาวบ้านเขาทำกัน คือโกงนิดๆ เปลี่ยนจากอันนั้นมาเป็นอันนี้

แต่เขาไม่ยอมทำเช่นนั้น เพราะมันไม่มีผลประโยชน์ไม่ว่าในแง่ไหน เขาเลือกที่จะเติมเสน่ห์ลงในบริการที่ให้แก่ลูกค้ามากกว่า เช่นมีบัตรประกันภัยให้ในการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ให้บริการไม่มีวันหยุด ให้ความเอาใจใส่ลูกค้า มีอินฟอร์เมชั่นต่างๆ ให้ความช่วยเหลือในรูปแบบอื่นๆ

จากแนวคิดเช่นนี้ เขาจึงต้องการเปลี่ยนนิยามของธุรกิจประกันภัยเสียใหม่ คือเป็นธุรกิจที่ให้บริการเกี่ยวข้องกับการเสี่ยงภัยทั้งหมด ไม่ใช่เป็นแต่เรื่องการออกกรมธรรม์แล้วก็จบเพียงแค่นั้น

อย่างไรก็ดี เมื่อถูกถามเรื่องการลงทุนของบริษัทประกันภัย เขากลับมีความเห็นว่าควรจะมีการอนุญาตให้บริษัทประกันภัย ได้แสดงบทบาทต่อตลาดทุนและตลาดเงินมากกว่าที่ได้ถูกควบคุมด้วยกฎกระทรวงดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

มนตรีกล่าวอุทธรณ์ว่า "เราไม่ได้ถูกทรีทเป็นสถาบันการเงินเลย มีกฎหมายควบคุมจนทำให้บทบาทการลงทุนไม่แตกต่างไปจากบุคคลธรรมดา"

เขาอธิบายว่า การลงทุนที่แท้จริงของบริษัทประกันภัยอยู่ในรูปเงินฝากธนาคารประมาณ 70% ส่วนอีก 30% ที่เหลือ อยู่ในรูปของการปล่อยกู้และการลงทุนในตลาดหุ้นหลักทรัพย์

เมื่อเปรียบเทียบการปล่อยกู้ของธนาคารกับบริษัทประกัน ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่ไม่น่าจะไปด้วยกันได้

มนตรีกล่าวว่าขณะที่แบงก์รับฝากเงินระยะสั้น แต่นำไปปล่อยกู้ระยะยาว ส่วนบริษัทประกัน โดยเฉพาะประกันชีวิตมีเงินฝากระยะยาวกว่าคือ 30 ปีหรือตลอดชีวิต ดังนั้นบริษัทประกันจึงน่าจะมีความเหมาะสมมากกว่าแบงก์ในการให้การสนับสนุนโครงการลงทุนระยะยาว

ข้อวิจารณ์เหล่านี้ "ผู้จัดการ" ขอผ่านไปให้แก่สำนักงานประกันภัย กระทรวงพาณิชย์ ส่วนคำถามประเด็นสุดท้ายที่ "ผู้จัดการ" ป้อนให้แก่ผู้บริหารวัยเยาว์ก็คือ การจัดการความสัมพันธ์กับธนาคารกสิกรไทย

มนตรีกล่าวว่าธุรกิจของภัทรฯ ใช้เครือข่ายของธนาคารกสิกรไทยเป็นหลัก และก็ใช้ข้อได้เปรียบนี้ให้เป็นประโยชน์ ขณะที่บริษัทอื่นอีกมากมายมีข้อได้เปรียบนี้แต่ไม่ได้ใช้ให้เป็นประโยชน์

ขยายความขึ้นมาอีกนิดก็คือ ข้อได้เปรียบนี้ไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่สั่งกันมา ความสัมพันธ์ที่มีอยู่ไม่ใช่ในลักษณะที่ว่าเป็น "ล่ำซำ" ก็สั่งกันมา

ทว่าเป็นการติดต่อกันแบบธุรกิจต่อธุรกิจ แน่นอนการเป็น "ล่ำซำ" ด้วยกันทำให้พูดจากันง่ายขึ้นเข้าถึงกันได้เร็วขึ้น แต่สิ่งที่ภัทรฯ ทำไม่ใช่เห็นว่าเป็นพรรคพวก แต่เห็นว่าเป็นประโยชน์ด้วยเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี มนตรีได้พูดถึง "ข้อด้อย" ในความสัมพันธ์นี้ด้วย คือบางโครงการที่ทำร่วมกับกสิกรนั้น ภัทรฯ ก็ไม่สามารถแสดงบทคนเดียวได้ และถ้ากสิกรไม่เอ ภัทรฯ ก็ต้องเงียบ โดยเฉพาะคนชื่อมนตรี

"แต่ทว่าในแง่ที่ผมจะได้สร้างสรรค์คิดค้นอะไรของผมเองนั้น ผมมีโชคดีที่ว่า องค์กรนี้เป็นองค์กรเล็ก และคุณยุตติก็ปล่อยผมทำเต็มที่" มนตรีกล่าวทิ้งท้ายในที่สุด

ในวัยเยาว์ของตำแหน่งระดับบริหารเช่นนี้ มนตรียังมีเวลาอีกมาที่จะคิดค้นสร้างสรรค์อะไรๆ ของเขาได้ตามที่เขาต้องการ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us