|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
อ.นิด้า เตือนสึนามิการเงินระลอกใหม่ เดือนหน้า สหรัฐฯ ปั๊มดอลลาร์ถล่ม ศก.โลก เอกชนระทึก! ลุ้น กนง.ประชุม วันนี้ กำหนดทิศทาง ดบ.นโยบาย ชี้ชะตาค่าเงินบาท-ส่งออก 3 กลุ่มอุตฯ ไม่กล้ารับออร์เดอร์ใหม่แล้ว เตรียมเสนอมาตรการให้รัฐช่วยด่วน
นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต ภาคพิเศษ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันนี้ (20 ต.ค.) โดยคาดว่า กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ย หรืออาจลดดอกเบี้ยนโยบายลงก็เป็นไปได้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ
นายมนตรี กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นการตอบรับกับความกังวลเรื่องเงินเฟ้อเร็วที่เกิดขึ้น จนส่งผลกระทบต่อค่าเงินสกุลเงินในประเทศเป็นอย่างมาก เพราะนักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาเก็งกำไรจากส่วนต่างที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่า ในเดือนหน้า สหรัฐอเมริกา อาจจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณเพิ่มเติม (Quantitative Easing 2 หรือ QE2 ) โดยพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาอีกเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะไทยย่อมได้รับผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินอีกระลอก
รายงานเพิ่มเติมระบุว่า การประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และผู้ประกอบการส่งออกในอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย ไม้ยางพารา กาแฟ และอาหารกระป๋อง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งกลุ่มนี้ มีการใช้วัตถุดิบภายในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องเรือนไม้ยางพารา และกาแฟ ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศถึง 100% ทำให้ได้รับผลกระทบมากจากเงินบาทแข็งค่า
ผู้ประกอบการดังกล่าว ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถรับคำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ หรือหากจะรับ ก็จะกำหนดราคากันเป็นล็อตๆ เท่านั้น และคงไม่ทำสัญญาระยะยาว
ด้านผู้ประกอบการเครื่องเรือนชี้แจงว่าในภาวะปกติก็แข่งขันลำบากอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคู่แข่งจากจีนและเวียดนาม เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้นอีก ทำให้ทำให้ราคาสินค้าที่เสนอขายแพงขึ้นจากปกติอีก 15%
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนมองว่า เงินบาทที่แข็งค่าเป็นปัญหาเฉพาะหน้า ความผันผวนของค่าเงินที่เกิดขึ้น ทำให้บริการจัดการลำบาก จึงเสนอให้ภาครัฐเข้ามาช่วยลดต้นทุน ด้วยการลดค่าเบี้ยประกันสังคม ,การจ่ายเงินชดเชยค่าภาษีอากร หรือภาษีมุมน้ำเงิน นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอการขยายระยะเวลาการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐฯให้นานขั้น
|
|
 |
|
|