|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เม็ดเงินโฆษณาโตอานิสงส์หุ้นกลุ่มบันเทิง เชื่อผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาดี โดยเฉพาะสื่อทีวีและโรงหนัง แต่คาดความร้อนแรงน่าจะมีแนวโน้มลดลง
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กล่าวว่า เม็ดเงินโฆษณางวดไตรมาส 3/2553 มีการเติบโตที่ดีขึ้นถึง 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างชัดเจน แต่คาดว่าเม็ดเงินโฆษณาในครึ่งปีหลังจะไม่ร้อนแรงเท่าครึ่งแรกของปีนี้
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเม็ดเงินโฆษณาช่วงครึ่งปีหลังยังสามารถเติบโตเกิน 7% จากระยะเดียวกันของปีก่อนได้ โดยเม็ดเงินโฆษณาสื่อทางโทรทัศน์ และสื่อโรงภาพยนตร์ยังคงเติบโตต่อเนื่องในระดับสูงในช่วงที่เหลือของปีนี้ สะท้อนได้จากสื่อทางโทรทัศน์ที่มีผู้จองเวลาโฆษณาจนล้นแล้ว
โดยเฉพาะ บมจ.บีอีซีเวิล์ด(BEC) ส่งผลให้มีการปรับขึ้นอัตราโฆษณา 3 รายการราว 9-13% ตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/2553 และตั้งแต่ต้นไตรมาส 4/2553 จะปรับขึ้นอัตราโฆษณาละครไพรม์ไทม์ 6% พร้อมปรับลดส่วนลดค่าโฆษณาแก่รายการละครซีรีส์เกาหลี จาก 40% เหลือ 20% ขณะที่สื่อโรงภาพยนตร์อย่าง บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) ที่มีผู้จองเวลาโฆษณาจนถึงสิ้นปีเช่นกัน
ธุรกิจทีวีและธุรกิจโรงภาพยนตร์ จึงถือเป็นธุรกิจที่น่าจับตามอง และคาดว่าจะมีกำไรเติบโตต่อเนื่องถึงปีหน้ารวมถึงจะมีส่วนช่วยผลักดันให้เม็ดเงินโฆษณาทั้งปี2553 เติบโตราว 10% และเติบโตต่อเนื่องอีก 5% ในปี2554
ทั้งนี้มองว่าหุ้นที่น่าสนใจ คือ MAJOR โดยให้ราคาเป้าหมาย 16.50 แม้งบโฆษณาผ่านสื่อทีวีจะเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามหากพิจารณาเป็นรายหุ้น พบว่าหุ้นที่โดดเด่นสุดในกลุ่มทีวีคือ BEC ราคาเป้าหมาย 37 บาท แต่ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมารับข่าวแล้ว จึงคงคำแนะนำ "ถือ" เช่นเดียวกับ บมจ.อสมท.(MCOT) ให้ราคาเป้าหมาย 29 บาท ที่คาดว่าจะมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มในการจ่ายค่าใบอนุญาตรายปีให้กับกสทช.หลังจัดตั้งแล้วคาดว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2555 ดังนั้นจึงแนะนำให้ลงทุน "น้อยกว่าตลาด"
นอกจากนี้ยังคงคำแนะนำ"ถือ" บมจ.อาร์เอส(RS) ราคาเป้าหมาย2.80 บาท เพราะหมดข่าวดีหลังประสบความสำเร็จในการถ่ายทอดบอลโลกแล้ว ขณะที่สื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อMAJOR โดยตรง เนื่องจากรายได้ค่าโฆษณามีอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดราว 80-90% บวกกับ MAJOR จะบันทึกกำไรพิเศษราว 100 ล้านบาทในปลายงวดไตรมาส 3/2553 หรือต้นงวดไตรมาส 4/2553 จากบริษัทที่ร่วมทุนกับ บมจ.สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ (SF)ที่จะนำสินทรัพย์ที่รัชโยธิน ขายเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์
|
|
|
|
|