“Make sure you appear on the front of the page and not the back pages”**

นี่เป็นหนึ่งในคำแนะนำที่ Richard Branson เคยได้รับจาก Freddie Laker ผู้บริหารของ British Airlines เมื่อเขากำลังจะเริ่มทำสายการบิน Virgin สาเหตุที่คุณ Freddie กล่าวเช่นนั้นก็เพราะไม่มีทางหรอกที่ Richard จะมีงบโฆษณามากกว่า British airways เพื่อที่จะทำให้ผู้คนหันมาสนใจ หรือใช้บริการ ดังนั้น หนทางเดียวที่จะสู้ได้ก็คือการ “ขายตนเองให้ดัง ให้เห็นชัด ให้คนรุมล้อม” และเมื่อตนเองติด brand ใหม่ถอดด้ามก็จะติดไปด้วยนั่นเอง

กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์เดียวกับที่ คุณตัน ภาสกรนที ทำเมื่อเริ่มต้นธุรกิจ คุณตันสร้างชื่อ โออิชิ ไปพร้อมกับตนเอง ด้วยบุคลิกที่น่าสนใจ เข้าถึงง่าย เป็นคนที่ “พูดเป็น” มีลูกล่อ ลูกชนสูง ทำให้คนติด คนพูดถึง ดังไปพร้อมๆ กับสินค้าของตนเองเลยก็ว่าได้

ผู้ประกอบการกับสินค้าของตนเองหรือกับองค์กรของตนเองนั้นแยกกันไม่ออก แล้วยิ่งยุคนี้ เป็นยุคแห่งการ PR ประชาสัมพันธ์ ที่มักจะได้ผลดีกว่าการโฆษณาธรรมดา ดังนั้น การใช้กลยุทธ์นี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจในการสร้างกระแสให้กับองค์กรนะคะ

ยิ่งยุคนี้ เป็นยุคแห่ง social media สื่อ twitter facebook หากรู้จักใช้้ ขยัน posted หาจุดขายใหม่ๆ ที่ให้ความรู้แก่ผู้บริโภค คุณก็อาจจะเป็นที่รู้จักได้ชั่วข้ามคืนเลยก็เป็นได้ หรือรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับ SMEs ก็สามารถที่จะเป็นช่องทาง PR ที่ดีให้แก่คุณ เพียงแต่คุณต้องรู้จักใช้ รู้จักเล่น ความดังเช่นนี้ก็เหมือนพลุ มาไว ไปไว ดังนั้น คุณต้องหากลยุทธ์ที่ดีในการ sustain หรือคงไว้ซึ่งพื้นที่สื่อ คงความดัง คงความเป็นที่รู้จักเอาไว้ ไม่เช่นนั้น คุณก็จะเป็นเหมือนที่ Andy Warhal เคยกล่าวไว้ว่า “ต่อไปคนอาจจะดังแค่15 นาทีเท่านั้น”

แต่ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ หากคุณคิดจะใช้กลยุทธ์นี้ ชีวิตเรียบง่ายของคุณก็อาจจะต้องเปลี่ยนไป จากเดิมที่ไม่เป็นที่รู้จัก ก็กลายเป็นต้องระมัดระวังตัว เพราะสิ่งที่คุณทำจะเป็นสิ่งที่แยกไม่ออกจากตัวองค์กร ลูกค้าก็จะเรียกร้องเข้าหาคุณ คุณย่อมต้องระมัดระวังต้วมากขึ้น ในการพูด การทำ มากไปกว่านั้น การทำตัวสม่ำเสมอกับสื่อ มีความน่าตื่นเต้นให้ทำข่าวอยู่เสมอคล้ายการวิ่งสี่คุณร้อยทั้งปีย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็นั้นแหละค่ะ กลยุทธ์นี่ย่อมได้ผลหากว่าคุณ “มีของ” จริงๆ “แตกต่าง” จริงๆ เพราะหากคุณเป็นของปลอม ความไม่น่าสนใจจะทำให้สื่อเบื่อ ลูกค้ารู้สึกเหมือนถูกหลอกลวงได้ในที่สุด

นอกจากเรื่องของการ PR ประชาสัมพันธ์ โดยใช้ตนเองเป็นเครื่องมือที่ยังเห็นกันบ่อยๆ ในปัจจุบันแล้วนั้น เรื่องของการ “สร้างกระแส” ทั้งใน internet การปล่อยคลิป ปล่อยข่าวความน่าสนใจ เช่นรูป Krispy cream คลิปครูกระแทก BB หรือ ads ใหม่ที่ยังตัดไม่เสร็จของ DTAC ที่โดนใจคนติดเทคโนโลยี่เต็มๆ ที่เกลื่อน facebook หรือข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ ที่เรานึกไม่ถึงทั้งจากการแฉ ให้ข้อมูล ทั้งกับ blog ต่างๆ หรือ webboard สุดฮิต ทำให้ผู้ประกอบการอย่างเรารู้ว่า โลกแห่งการทำธุรกิจ โลกแห่งความสื่อสารกับผู้บริโภค เป็นโลกแบบใหม่ที่เราไม่เคยเห็น ไม่เคยเรียนมาก่อน แล้วถ้าเราไม่เข้าใจ ตามไ่ม่่ทัน มีหวังตกยุค ตกเทรนด์แน่นอน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ดิฉันว่า สำหรับผู้ประกอบการทุกๆ ท่าน ข้อแนะนำก็คือทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นธรรมชาติที่เข้ากับวิถีชีวิต ลักษณะนิสัยของเรา หากเราเป็นคนชอบอยู่เงียบๆ พูดมากกว่าทำ การใช้้ตนเอง PR อาจจะไม่เข้ากับเรามากนัก หรือหากการเกาะติดกระแส social media ที่เต็มไปด้วยคำพูดอวดฉลาด แสดงตัวตน “ไม่ใช่แนว” ของเรา ก็ไม่ต้องไปฝืน เพียงแต่ขอแค่ผู้ประกอบการทำความเข้าใจกับมัน “เล่น” มันให้ถูกที่ถูกเวลาก็พอ ไม่ใช่ทิ้งปล่อยห่างไปจนตามคู่แข่งสุดขยัน สุด active ไม่ทันเลย

การเปลี่ยนแปลงยังจะมาอีกเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น ไม่มีวันเหนื่อย ไม่มีวันหยุด สิ่งใหม่ในวันนี้ ก็จะกลายเป็นเรื่องล้าสมัยในที่สุด ในโลกที่หมุนเร็วจนหายใจแทบไม่ทัน ดิฉันก็ขอให้ทุกๆ วันของผู้ประกอบการที่ตื่นขึ้นมา เต็มไปด้วยพลังงานดีๆ ที่พร้อมจะเรียนรู้และรับสิ่งใหม่ๆ ที่ถาโถมเข้ามาให้เรียนรู้อย่างไม่หยุดหย่อน สู้ๆ นะคะ ดิฉันเองก็จะสู้ๆ เหมือนกัน :)

“คำพูดซึ้งๆ เพียงคำเดียว ทำให้รู้สึกอบอุ่นไปตลอดฤดูหนาว” สุภาษิตญี่ปุ่น


** ข้อมูลจาก www.entrepreneur.comwww.entrepreneur.com