Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2527








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2527
ผู้ว่าการธนาคารชาติกับการเมืองในอดีตของไทย             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
นุกูล ประจวบเหมาะ
สมหมาย ฮุนตระกูล
Banking
Political and Government
วิวัฒนไชย ไชยันต์, มจ.




ในประเทศที่เจริญแล้ว อย่างเช่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแบบอย่างของการจัดการระบบการเงินของประเทศอื่นๆ ทั้งหลายนั้น เขาถือหลักว่า "ผู้ว่าการธนาคารชาติ" หรือ "ผู้ว่าการธนาคารกลาง" จะต้องเป็นบุคคลที่สามารถทำหน้าที่อย่างเป็นกลางได้ โดยเป็นบุคคลที่ไม่ขึ้นสังกัดหรืออยู่ในอาณัติของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อจะได้เป็นอิสระ ไม่ต้องฟังคำสั่งจากพรรคการเมือง หรือจากนักการเมืองผู้มีอำนาจคนหนึ่งคนใด เพราะผู้ว่าการธนาคารชาติหรือธนาคารกลางนั้นเป็นผู้ควบคุมและจัดการระบบการเงินของประเทศชาติ ซึ่งเป็นระบบที่ขึ้นอยู่กับ "ผลประโยชน์ของประเทศชาติ" ไม่ใช่ผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือนโยบายของพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง

ดังนั้น เพื่อให้ผู้ว่าการธนาคารชาติสามารถปฏิบัติงานควบคุมและจัดการระบบการเงินของประเทศชาติได้อย่างเป็นอิสระ โดยคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติแต่อย่างเดียว ผู้ว่าการธนาคารชาติจึงจำเป็นต้องมีอิสระในการดำเนินนโยบาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติดังกล่าว โดยไม่ต้องฟังคำสั่งของรัฐมนตรีคลัง หรือแม้ของรัฐบาล (ซึ่งสังกัดพรรคการเมือง)

และเพื่อเป็นหลักประกันความเป็นอิสระดังกล่าวนี้ ในสหรัฐอเมริกา เมื่อประธานาธิบดีแต่งตั้งบุคคลใดเป็นผู้ว่าการธนาคารชาติ (ธนาคารทุนสำรองสหพันธรัฐ) แล้วจะต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา (ซึ่งประกอบด้วยพรรคการเมืองหลายพรรค) เสียก่อน การแต่งตั้งนั้นจึงจะสมบูรณ์ และเมื่อแต่งตั้งใครไปแล้ว จะถอดถอนไม่ได้ เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากรัฐสภา นอกจากนี้แล้วก็ต้องให้ผู้ว่าการคนนั้นพ้นจากตำแหน่งไปเอง เมื่อครบกำหนดอายุตามวาระ (4ปี) ลาออก ถึงแก่กรรม ทุพพลภาพ หรือวิกลจริตจิตฟั่นเฟือน

แต่สำหรับในประเทศไทยเรา ซึ่งรัฐบาลยังเป็นผู้รวบอำนาจอยู่ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตำแหน่งอย่างผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งควรจะเป็นอิสระจึงยังไม่อาจเป็นอิสระได้

ด้วยเหตุนี้เอง นักการเมืองในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้มีอำนาจเหนือผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จึงมักใช้อำนาจบังคับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นครั้งคราว

เมื่อนโยบายของผู้ว่าการธนาคารชาติ ซึ่งเป็นนโยบายเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติไปขัดแย้งกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการคลัง ซึ่งเป็นโยบายของพรรคการเมือง

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะกำเนิดของธนาคารชาติหรือธนาคารแห่งประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นโดยกระทรวงการคลังเป็นผู้อุ้มท้อง โดยมีพระราชบัญญัติจัดตั้งสำนักงานธนาคารชาติ พ.ศ. 2482 จัดดำเนินงานเตรียมการเพื่อก่อตั้งเป็นธนาคารแห่งประเทศไทยในเวลาต่อมา จนกระทั่งได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2487 ในสมัยที่มีนายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมีนายเล้ง ศรีสมวงศ์ นักบัญชีปริญญา บี.คอม. จากอังกฤษ อดีตผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เลยถือเป็นประเพณีว่ากระทรวงการคลังเป็นผู้บังคับบัญชาธนาคารแห่งประเทศไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้มีอำนาจเหนือผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แทนที่จะถือหลักการแห่งความเป็นอิสระของผู้ว่าการธนาคารชาติ ตามแบบอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุการณ์เพี้ยนๆ เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยจึงมักเกิดขึ้นบ่อยๆ

ผู้ว่าการคนแรก

เมื่อมีพระราชบัญญัติจัดตั้งธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ผู้ว่าการธนาคารชาติคนแรกได้แก่ หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์ โอรสของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ผู้ให้กำเนิด บริษัท ธนาคารสยามกัมมาจล ทุน จำกัด คือธนาคารไทยพาณิชย์ในปัจจุบันนี่เอง ท่านวิวัฒน์เป็นนักเรียนนอก สำเร็จปริญญา บี.เอ. จากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ของอังกฤษ เคยเป็นเลขานุการของ มร.ดอลล์ แบร์ ที่ปรึกษากระทรวงการคลัง ซึ่งติดพันกันมาตั้งแต่ครั้งประเทศไทยเป็นกึ่งเมืองขึ้นของอังกฤษ และท่านเป็นผู้ประสานงานในการดำเนินงานก่อตั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยเหตุนี้เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งขึ้นมาในตอนปลายสงครามโลก ท่านจึงได้เป็นผู้ว่าการคนแรกของธนาคารนั้น

ทุจริตเงินตราต่างประเทศ

เมื่อเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสมัยรัฐบาลเสรีไทยที่มี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2488 ได้มีกองกำลังทหาร กรม 136 ของอังกฤษ และหน่วยงาน โอเอสเอส ของสหรัฐอเมริกาเข้ามาปฏิบัติการในประเทศไทย เพื่อปลดอาวุธกาองทัพญี่ปุ่นไทย ที่พ่ายแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตร

ตอนนั้นธนาคารชาติต้องทำงานหนักเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งเงินปอนด์สเตอลิงของอังกฤษ เงินรูปีของอินเดีย (ที่อังกฤษจ่ายให้แก่พลทหารอินเดีย เพราะอินเดียยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอยู่) และเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ จนกระทั่งเกิดการทุจริตครั้งใหญ่เกี่ยวกับการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ซึ่งตามรูปการณ์ความผิดพลาดบกพร่องได้ลามปามมาถึงตัวผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

แต่ด้วยการช่วยเหลือในหมู่พวกเจ้าด้วยกัน ความผิดทั้งหลายแหล่จึงถูกผ่องถ่ายให้ไปกองอยู่กับ นายวัฒนา กมลปรีชา นักเรียนนอกจากอังกฤษ ซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยแต่ผู้เดียว จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม แต่แล้วก็กุ๊กกิ๊กกันจนคุณวัฒนาได้รับการประกันตัวและหลบหนีออกนอกประเทศไป เรื่องจึงเป็นอันยุติลงด้วยการที่คุณวัฒนา กมลปรีชา กับคุณสุนีย์ สุ่มสวัสดิ์ แฟนสาวสวย ต้องไปตกระกำลำบากอยู่ในประเทศบราซิล

ผู้ว่าการแบงก์ชาติตรอมใจตาย

ในสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2501-2506 โดยมีนายสุนทร หงส์ลดารมภ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายโชติ คุณะเกษม ผู้สำเร็จปริญญา บี.คอม. จากอังกฤษ ซึ่งเป็นเพื่อนรักเพื่อนใคร่ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้โอนการพิมพ์ธนบัตรที่รัฐบาลไทยได้เคยพิมพ์อยู่กับโรงพิมพ์ของ บริษัท โทมัส เดอ ลารู ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ไปพิมพ์ที่สหรัฐอเมริกาในรูปแบบเดียวกับธนบัตรดอลลาร์

ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ซึ่งเป็นทนายความประจำ และ ม.จ.วิวัฒนไชย ไชยันต์ ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัท ก็ได้เอะอะโวยวายขึ้นมา เป็นทำนองกล่าวหาว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยกินสินบนของบริษัทโรงพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา จนคุณโชติ คุณะเกษม ต้องถูกจับกุมเอาไปกักขังไว้ที่สันติบาล แล้วคุณโชติก็พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยไป และการพิมพ์ธนบัตรของรัฐบาลไทยก็ถูกโอนกลับมาพิมพ์ที่บริษัท โทมัส เดอ ลารู ตามเดิม แม้คุณโชติจะได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมาก็ตาม แต่อยู่ได้มิช้ามินานก็ตรอมใจตายในที่สุด

มาถึงยุคป๋วย อึ๊งภากรณ์ กับลูกนายกฯ

ในสมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี ดร.เสริม วินิจฉัยกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น มี ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ผู้สำเร็จปริญญาดอกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลอนดอน เป็นผู้ว่าการะธนาคารแห่งประเทศไทย ในสมัยนั้นมีธนาคารพาณิชย์ 2 ธนาคารกำลังประสบปัญหาทางการเงิน เนื่องจากการจัดการภายใน คือ ธนาคารเกษตร จำกัด กับธนาคารมณฑล จำกัด ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงเข้าไปแก้ปัญหา แล้วรวมธนาคารทั้ง 2 เข้าเป็นธนาคารเดียวกัน พร้อมกับทำให้เป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลไทยในนามใหม่ว่า "ธนาคารกรุงไทย จำกัด"

และในสมัย ดร.ป๋วยเช่นกัน ธนาคารไทยพัฒนา จำกัด ที่มีพันเอกณรงค์ กิตติขจร เป็นประธานกรรมการ และนายเสรี ทรัพย์เจริญ เป็นกรรมการผู้จัดการ ก็เกิดปัญหาทางการเงินเนื่องจากการจัดการภายในเช่นกัน ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการถอดถอนคณะกรรมการเก่าของธนาคารทั้งชุด แต่มีปัญหาทางการเมืองมาเป็นอุปสรรคสำคัญ เพราะประธานกรรมการของธนาคารไทยพัฒนา เป็นบุตรชายของนายกรัฐมนตรี

ดร.ป๋วย เป็นมวย หอบเอาแฟ้มเรื่องราวทั้งหมดไปเสนอจอมพลถนอม พร้อมกับรายงานให้ทราบว่า พิจารณาตามกฎหมายแล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องถอดถอนกรรมการของธนาคารไทยพัฒนาทั้งชุด จึงขอมอบเรื่องให้จอมพลถนอมพิจารณาดูทั้งหมด แล้วจะมาขอรับคำตอบในภายหลังจะยินยอมให้ถอดถอนคณะกรรมการ รวมทั้งประธานของธนาคารไทยพัฒนาหรือไม่? ซึ่งปรากฏว่า ในที่สุดจอมพลถนอม กิตติขจร ก็ยินยอมให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งระเทศไทยดำเนินการเพื่อถอดถอนกรรมการของธนาคารไทยพัฒนาได้ จนธนาคารต้องเปลี่ยนชื่อใหม่มาเป็น "ธนาคารมหานคร" อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ นับว่าเป็นความสามารถและความดีความชอบของ ดร.ป๋วย

แต่แล้วในที่สุด เมื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2518 และมีคุณบุญชู โรจนเสถียร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งเกลียดหน้า ดร.ป๋วยมานานแล้ว (และเกลียดหน้าทุกๆ คนที่มีความรู้ความฉลาดและรู้เท่าทันตน) จึงบอกคุณบุญชูให้กระซิบบอก ดร.ป๋วยให้ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเสียตั้งแต่ในปีนั้นเอง

บัดนี้ก็มาถึงตาคุณนุกูล ประจวบเหมาะ บ้าง จึงได้ถูกคุณสมหมาย ฮุนตระกูล เลือดไหหลำนักเรียนเก่าญี่ปุ่น สวมวิญญาณบูชิโด ฟาดด้วยซามูไร คุณนุกูลก็หล่นลงไปนอนแอ้งแม้ง

เหมือนอย่างที่นุกูลพูดออกมาอย่างขมขื่นว่า สมหมายเองน่าจะเป็นคนพูดกับนุกูลแทนที่จะให้ พนัส สิมะเสถียร ปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้โทรศัพท์มาบอก ซึ่งนุกูลก็ตอบปฏิเสธไปว่าไม่ยอมลาออก

เมื่อเป็นเช่นนี้ คนแก่อารมณ์ร้อนอย่างสมหมายที่เคยอยู่ธนาคารชาติมา 20 กว่าปี และอาวุโสกว่านุกูลมากก็คงจะไม่มีอารมณ์ไปนั่งจำนรรจากับนุกูลอีกต่อไป

ที่แน่ๆ นุกูล ประจวบเหมาะ ก็ได้แสดงให้โลกเห็นแล้วว่า ไหนๆ จะเป็นคนหัวรั้นแล้ว ก็จะขอเป็นคนรั้นให้จนถึงที่สุด

เรียกได้ว่า นุกูล ประจวบเหมาะ ยินดีเป็นหยกที่แหลกลาญมากกว่าจะเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์

มันอาจจะเร็วเกินไปที่จะไปทำนายทายทักว่า การปลดนุกูล ประจวบเหมาะ ครั้งนี้จะมีผลกระทบกระเทือนต่อสถานภาพของประเทศไทยในตลาดการเงินหรือไม่ และก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า ประเทศไทย หรือธนาคารชาติจะได้รับความเสียหาย จากการที่นุกูลถูกปลดครั้งนี้ ถ้าจะมีปัญหาก็คงจะเป็นเพราะสงสัยที่ว่า ธนาคารชาติหลังจากที่นุกูลถูกปลดแล้ว จะยังคงอยู่ในสภาวะที่เป็นอิสระต่อไปหรือไม่

และคำตอบนี้ ถึงแม้สมหมายจะตอบออกมาแล้วว่า ธนาคารชาติจะยังคงมีอิสระอยู่เหมือนเดิม แต่เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ว่า ที่สมหมายพูดนั้นเป็นความจริง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us