รถไฟฟ้าบีทีเอส ตั้งเป้าปีหน้าจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยพุ่งขึ้นเป็นวันละ 5 แสนเที่ยวคน/วัน ทุบสถิติสูงสูงนับตั้งแต่เปิดให้บริการ ส่งผลให้รายได้ปีหน้าเติบโตสูงกว่าปีนี้ที่ขยายตัว 8% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3.7 พันล้านบาท เผย ตัดสินใจซื้อตู้รถไฟฟ้า 35 ตู้ จากซีเมนส์ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท เพื่อรองรับส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบร์ริ่ง ยันพร้อมเข้าร่วมประมูลเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงแน่ อ้างเจรจาซัปพลายเออกร์และมีผู้สนใจจีบขอร่วมเป็นพันธมิตร

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ สายปฎิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) กล่าวว่า ได้ตั้งเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสในปีหน้าเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยปีนี้ 4.8 แสนเที่ยวคน/วัน เป็น 5 แสนเที่ยวคน/วัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของบริษัทนับตั้งแต่ดำเนินให้บริการเดินรถไฟฟ้าเป็นเวลา 10ปี เนื่องจากมีรถไฟฟ้าใหม่เข้ามาในระบบจำนวน 12 ขบวน ทยอยเปิดให้บริการ พ.ย.2553 และเปิดเดินรถส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบร์ริ่ง ในเดือน ส.ค.2554 ทำให้มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ผลดำเนินงานในปีหน้าเติบโตขึ้นสูงปีนี้ที่คาดว่าเติบโต 8% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,700 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในเดือน ก.ย.2553 ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยประมาณ 4.8 แสนเที่ยวคน/ปี ดังนั้น เป้าหมายจำนวนผู้โดยสารเติบโตขึ้น 8% จากปีก่อนยังเป็นไปได้ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจนต้องหยุดให้บริการเดินรถไฟฟ้าในช่วงเกิดเหตุการณ์จลาจล พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สูญเสียรายได้ไปกว่า 100 ล้านบาทก็ตาม ขณะที่รถประจำทางด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) ได้จัดเก็บค่าโดยสารทำให้จำนวนผู้ใช้บริการลดลงกว่า 20% ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารที่ใช้รถไฟฟ้าในสถานีช่องนนทรีลดลง ตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า จำนวนผู้โดยสารบีอาร์ทีจะเพิ่มขึ้นเหมือนเดิมในเร็วๆ นี้ เนื่องจาก กทม.จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดคิดอัตราค่าโดยสารพิเศษนักศึกษาและฟรีสำหรับนักเรียน

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ได้คัดเลือกซีเมนส์ในการสั่งซื้อตู้รถไฟฟ้าเพิ่มอีก 35 ตู้ คิดเป็นมูลค่ารวม 50 กว่าล้านยูโร หรือกว่า 2 พันล้านบาท คาดว่า จะนำเข้ามาได้ในช่วง 2 ปีครึ่ง เพื่อนำมาให้บริการต่อกับขบวนรถไฟฟ้าเดิม 35 ขบวน ในเส้นทางสุขุมวิท จากเดิมขบวนละ 3 ตู้ เพิ่มเป็น 4 ตู้ รองรับส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบร์ริ่ง และลดความแออัดของผู้โดยสารที่ใช้บริการ โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการสั่งซื้อรถไฟฟ้านี้มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ บริษัทพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลในการบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ) เนื่องจากดำเนินธุรกิจให้บริการเดินรถไฟฟ้าอยู่แล้ว และมีพร้อมด้านบุคคลากร ซึ่งได้เตรียมศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมประมูล และหารือกับซัปพลายเออร์ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศต้องการร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทในการประมูลครั้งนี้ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกพันธมิตร

ส่วนการลงทุนในต่างประเทศนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ต้องการเสี่ยงลงทุน โดยโครงการลงทุนที่มีความเป็นไปได้สูงสุด คือ การให้บริการเดินรถไฟฟ้าที่มาเก๊า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการวางระบบ ยังไม่มีการเปิดประมูลให้บริการเดินรถไฟฟ้าแต่อย่างใด

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 2/2553 (ก.ค.-ก.ย.53) จะพลิกเป็นกำไรได้ จากผลการดำเนินงานของบริษัทที่ดีขึ้น มีจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากงวดไตรมาส 1/53 บริษัทมีผลขาดทุน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ถูกบันทึกบัญชีแล้ว ส่วนรายได้รวมปีนี้คาดว่าจะเติบโต 8% เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารได้กลับเข้าสู่ปกติ โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ต.ค.มีจำนวนผู้โดยสาร 4.8 แสนคน/วัน คิดเป็นรายได้ 11.3 ล้านบาท/วัน และคาดว่า ไตรมาส 2/53 จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสจะมากกว่า 4 แสนคน/วัน และจะมีจำนวนที่มากกว่าไตรมาส 1/53

“รถไฟฟ้าที่สั่งซื้อและนำเข้ามาใหม่ 12 ขบวนๆ ละ 4 ตู้ ขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบระบบ และจะทยอยนำมาให้บริการตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.จนครบในเดือน ธ.ค.2553 โดยจะให้บริการในเส้นทางสีลม-วงเวียนใหญ่ ส่วนรถไฟฟ้าอีก 35 ขบวนเดิม ที่บริการเส้นทางสุขุมวิทตามเดิม ซึ่งจะทำให้ ธ.ค.จะมีจำนวนรถให้บริการ 47 ขบวน และคาดว่า จะทำให้มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 3-5% จากเดิม” นายคีรี กล่าว