|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ในความเป็นจริงมนุษย์เรามีศักยภาพเยอะมาก แต่กลับไม่ได้นำศักยภาพที่มีอยู่มาใช้ได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่เราทุกคนปรารถนาความสำเร็จในชีวิตที่มากขึ้น ความสุขที่เพิ่มขึ้น ความมั่งคั่งร่ำรวยที่เพิ่มขึ้น หรืออยากเห็นตัวเองมีความยอดเยี่ยมมากขึ้น อยากเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น หรือมีความฝันบางอย่างที่อยากทำแต่ไม่กล้าทำ
ความลับในเรื่องนี้คือ ความสำเร็จอยู่ในตัวเราทั้งสิ้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย ภาวะทางเศรษฐกิจ หรืออะไรทั้งนั้น จุดเริ่มต้นของความสำเร็จขึ้นอยู่กับตัวเรา
สิริลักษณ์ ตันศิริ โค้ชนักสร้างแรงบันดาลใจ ยกตัวอย่างว่า ในสมัยก่อนเธอทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีอยู่ถึง 10 กว่าปี และถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิต มีเงินเดือนสูงมาก แต่เมื่อได้เรียนรู้ศาสตร์การพัฒนาตนเอง ศาสตร์ของความสำเร็จ ทำให้สามารถพัฒนาตนเองได้มากขึ้น มีความกล้าหาญ ชัดเจนกับชีวิต รู้จักวิธีการตั้งเป้าหมาย การบริหารความคิด บริหารอารมณ์ สร้างพลังของความเชื่อที่ให้พลังกับตนเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ชีวิตและความคิดเริ่มเปลี่ยนแปลง มีความมั่นใจมากขึ้น รู้สึกว่าทำได้มากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งการค้นพบตัวตนอีกด้านหนึ่งที่อยู่ภายใน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะพบว่าการเป็นนักบัญชีคือตัวตนอยู่แล้ว เพราะไม่ชอบคุยกับคนมากมาย ชอบอยู่กับตัวเองเงียบๆ ชอบอยู่กับตัวเลข ชีวิตเรียบง่ายนั้นดีอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ไปเรียนรู้กับกูรูนักสร้างแรงบันดาลใจระดับโลก ทำให้พบว่าในความเป็นจริงชีวิตสามารถยกระดับได้ เราเป็นได้มากกว่าที่เราเป็นอยู่ เพียงแต่ไม่เคยเรียนรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อน ไม่รู้วิธีพัฒนาตนเองแบบก้าวกระโดด
ข้อแนะนำคือ ให้เราสำรวจความรู้สึกของตัวเองบ่อยๆ คิดอย่างมีสติว่า อะไรก็ตามที่คิดหรือทำแล้วให้พลังกับชีวิต ให้ความเบิกบานใจ ให้ความสุข เห็นคุณค่าในตัวเอง จิตวิญญาณสูงส่งขึ้น นั่นคือการปลุกพลังในตัวเอง เมื่อเปรียบเทียบศักยภาพมนุษย์เหมือนรถยนต์ ก็เหมือนการยกระดับเครื่องยนต์ให้มีสมรรถนะสูงขึ้นนั่นเอง เช่น เมื่อตั้งเป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จไว้ 5 ปี อาจจะกลายเป็น 3 ปีก็ได้
๐ 12 พลังเพิ่มศักยภาพ
จากประสบการณ์การสร้างแรงบันดาลใจ เธอตกผลึกออกมาเป็น 12 พลัง ซึ่งเป็นวิธีการฝึกให้เกิดแรงบันดาลใจในการพัฒนาศักยภาพของตนเองที่ได้แนะนำบ่อยที่สุด
1. พลังของการตัดสินใจ : การเลือก จะเปลี่ยนเข็มทิศชีวิตของคุณ
วินาทีที่คุณตัดสินใจจะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในตัวเอง เส้นทางชีวิตของคุณก็เปลี่ยนไปแล้ว ขณะที่ บางคนเอาแต่พร่ำบ่นชีวิตของตัวเอง เจ็บปวดกับชะตากรรมที่กำลังเผชิญอยู่ โทษดวงชะตาฟ้าลิขิต โยนทุกสิ่งทุกอย่างไปนอกตัว หาเหตุผลมาอ้างไปเรื่อยๆ ว่าทำไมยังทำไม่ได้ ทำไมยังทำไม่สำเร็จ เสียใจผิดหวัง แล้วก็ปล่อยให้ตัวเองหมดพลังลงไปเรื่อย ๆ
แต่ทางที่ดี สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือ ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างแน่วแน่ และหันเข็มทิศชีวิตใหม่ ไม่มีใครจะรู้จักคุณได้ดีไปกว่าตัวคุณ มีแต่ตัวคุณเองเท่านั้น ที่จะเปลี่ยนตัวคุณ และชีวิตของคุณได้ ลองคิดหรือจินตนาการภาพในอนาคตว่าในอีก 3 ปี 5 ปีคุณจะเป็นอย่างไรคุณจะประสบความสำเร็จไหม คุณจะมีความสุขไหม คุณจะภาคภูมิใจในตัวเองไหม คนอื่นจะมองคุณและพูดถึงคุณว่าอย่างไร
2. พลังของความคิด : ความเชื่อ รากฐานสำคัญของความสำเร็จในชีวิตคุณ
ความคิดและความเชื่อก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึก อารมณ์ความรู้สึกก่อให้เกิดการกระทำ การกระทำก่อให้เกิดผลลัพธ์ รากที่แข็งแรงย่อมส่งผลให้ต้นไม้แข็งแรง สิ่งที่มองไม่เห็นสร้างสิ่งที่มองเห็น โลกภายในสร้างสรรค์โลกภายนอก ดังนั้น เพียงแค่เรา “เปลี่ยนความคิด” ที่อยู่ในสมองเรา “ชีวิตเราก็จะเปลี่ยน” ได้ในทันที เพราะฉะนั้น ต้องสร้างความเชื่อในตัวเองก่อนว่า “ฉันทำได้” คุณจะสามารถทำงานด้วยความเชื่อมั่น จากนั้นจะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดี และยิ่งเชื่อว่าตัวเองทำได้ ยิ่งเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง และสร้างผลลัพธ์ได้ดียิ่งขึ้น
3. พลังของอารมณ์ : ความรู้สึก เป็นตัวขับเคลื่อนการกระทำของคุณ
คุณภาพชีวิตของคนเรา คือ คุณภาพของอารมณ์ที่เรามีในแต่ละวัน ทุกคนทำอะไรก็ตาม เพื่อต้องการที่จะได้รับ “ความรู้สึก” อะไรบางอย่างใช่หรือไม่? บางคนประสบความสำเร็จก็จริง แต่เป็นคนไร้อารมณ์แห่งความสุข ความสนุกสนาน ขาดความชุ่มฉ่ำของชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตีความของเรา ทุกอารมณ์และความรู้สึกที่เรามี ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเป็นจริงที่ปรากฏ แต่มันขึ้นอยู่กับมุมมอง การให้ความหมาย และการตีความของเราต่อสิ่งที่เกิดขึ้นต่างหาก ดังนั้น ปัญหาหรืออุปสรรคที่พบเจอ อาจจะทำให้เราได้เรียนรู้ เติบโต และแข็งแกร่งมากขึ้น การที่เศรษฐกิจไม่ดี อาจทำให้เราเป็นคนรู้จักประหยัดอดออม รู้จักวางแผนการใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าเศรษฐกิจดีอยู่ เราอาจจะยังเป็นคนฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักบริหารเงินก็ได้
ขอให้ฝึกอารมณ์ด้านบวกดังต่อไปนี้บ่อย ๆ เช่น ความรัก ความเมตตา ความสุข ความเบิกบานใจ ความอิ่มเอมใจ ความสงบผ่อนคลาย ความสดใส ร่าเริง มีชีวิตชีวา ความสนุกสนาน ความกระตือรือร้น ความตื่นเต้น ความสงสัยใคร่รู้แบบเด็กๆ ความซาบซึ้งใจ และการระลึกคุณ ที่สำคัญ จะรู้สึกได้เลยว่า คุณสามารถมีความสุขได้ในทันทีที่คุณชื่นชมกับสิ่งที่คุณมี ไม่ใช่สิ่งที่คุณไม่มี
4. พลังของการโฟกัส : ความจดจ่อ ทำให้คุณพุ่งตรงสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว
ก่อนอื่น คุณต้องรู้ชัดก่อนว่า จุดหมายปลายทางของคุณอยู่ที่ไหน บางคนขยันเดินทางมาก เขามุ่งหน้าลงทิศใต้ แต่หวังว่าจะไปถึงเชียงใหม่ คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า “คุณต้องการอะไร” และ “ทำไม” คุณถึงต้องการสิ่งนั้น แล้ว “วางแผน” กำหนดวิธีการเพื่อทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ วิธีการง่ายๆ คือเริ่มต้นลงมือทำ โดยโฟกัสไปที่จุดหมายปลายทาง และโฟกัสในการทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ โดยข้อแรก เขียนทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำออกมาบนกระดาษ อย่าคิดในหัว ข้อสอง เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง A คือ กิจกรรมที่สำคัญที่สุด ซึ่งทำให้ผลลัพธ์สูงสุด สร้างความแตกต่างมากที่สุด B คือ กิจกรรมที่มีความสำคัญรองลงมา และข้อสุดท้าย ลงมือทำตามลำดับความสำคัญ A1 A2 A3 … B1 B2 B3
5. พลังของคำพูด : โปรแกรมตัวคุณให้เป็นคนใหม่
คำพูดเป็นสิ่งที่มีพลังมาก โปรดระมัดระวังคำพูดของคุณให้ดี !! ถ้าคุณพูดบวก คุณก็จะได้ผลลัพธ์เป็นบวก ถ้าคุณพูดลบ คุณก็จะได้ผลลัพธ์เป็นลบ เราสามารถจะโปรแกรมสมองและจิตใต้สำนึกของเราใหม่ด้วยวิธีการ “พูดบวกให้พลังกับตัวเอง” ซึ่งจะทำให้คุณเข้าถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในตัวเองด้วยคำพูดของคุณนั่นแหละ ดังนั้น ถ้าคุณอ่านสิ่งที่คุณเขียนทุกๆ วัน และฝึกเป็นคนที่คุณอยากจะเป็นทุกๆ วัน คุณจะสัมผัสกับความมหัศจรรย์ว่า คุณจะเปลี่ยนเป็นคนที่คุณอยากจะเป็นได้อย่างรวดเร็วจนคุณคาดไม่ถึงเลย
6. พลังของการใช้ท่าทางร่างกาย : เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับคุณ
การเปลี่ยนท่าทางและการเคลื่อนไหวร่างกาย เป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก ๆ แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจ และไม่ได้ใช้ประโยชน์จากร่างกายของตัวเองอย่างเต็มที่ การฝึกใช้ภาษากายที่ทรงพลัง จะนำความสำเร็จมาสู่ชีวิตคุณอย่างรวดเร็วมากกว่าเดิม
7. พลังของจินตนาการ : กำหนดชีวิตในอนาคตของคุณ
จินตนาการมีพลังอย่างมหาศาล !!! สมองคนเราแยกแยะไม่ออกว่า อะไรเป็นความจริง และอะไรเป็นจินตนาการ ดังนั้น อยากเก่งอะไรให้ซ้อมจินตนาการ เคยมีคนทำการทดลองให้นักวิ่งมานั่งเก้าอี้ธรรมดาในห้อง แล้วให้จินตนาการเสมือนจริงว่า กำลังวิ่งอย่างรวดเร็วในสนาม ปรากฏว่า อัตราการเต้นของหัวใจถี่ขึ้น ความร้อนในตัวเพิ่มขึ้น มีเหงื่อออกมาตามแขนและขาด้วย และยังมีอีกหลากหลายการทดลอง ซึ่งเขาสรุปได้ว่า สมองแยกไม่ออกว่า อะไรเป็นความจริง และอะไรเป็นจินตนาการ ดังนั้น เราสามารถใช้ “พลังของจินตนาการ” เข้าไปกำหนดจิตใต้สำนึกให้ทำงานเองแบบอัตโนมัติได้
8. พลังของแรงดึงดูด : ทุกอย่างจะง่ายขึ้นสำหรับคุณ
สิ่งที่เหมือนกันจะดึงดูดสิ่งที่เหมือนกัน ไม่ว่าคุณมีความใฝ่ฝัน หรือปรารถนาอะไร ขอให้รู้ว่าคุณสามารถมีสิ่งนั้นได้ เวลาที่คนเรามีความคิด หรือมีสภาวะอารมณ์ความรู้สึกอะไรบางอย่าง เรากำลังปล่อยกระแสคลื่นออกไปในจักรวาล แล้วมันจะไปดึงดูดสิ่งที่เราคิดหรือรู้สึกเข้ามา ดังนั้น ถ้าเราคิดเรื่องดีและเรื่องบวกก็จะดึงดูดเรื่องดีและเรื่องบวกเข้ามา
เคล็ดลับการปรับคลื่นพลังงานให้เป็นบวก เช่น เวลาที่เจอเรื่องที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ให้คิดเปรียบเทียบกับคนที่เขาได้รับอะไรแย่กว่า หรือพลิกความโชคร้าย ให้กลายเป็นโชคดี โดยคิดว่าโชคดีที่เป็นแค่นี้ หรือโชคดีที่ไม่แย่ไปกว่านี้
9. พลังของแรงบันดาลใจ : ยกระดับความชุ่มฉ่ำในชีวิตของคุณ
บุคคลที่ยิ่งใหญ่ บุคคลที่เป็นตำนาน ล้วนใช้ชีวิตตามแรงบันดาลใจที่แท้จริงของตัวเอง ทุกคนเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ และภารกิจบางอย่างที่ต้องทำบนโลกใบนี้ คุณต้องหาให้เจอว่ามันคืออะไร ถ้าคุณได้ทำตามแรงบันดาลใจของตัวเอง คุณจะรักทุกเวลานาทีที่ผ่านไป คุณจะเห็นคุณค่าในตัวเอง และตกหลุมรักชีวิตตัวเอง
10. พลังของความดี : จะดึงดูดผู้คนให้ช่วยเหลือคุณ
เวลาที่เราเห็นใครสักคนที่เป็น “คนดี” เราจะรู้สึกเกรงใจ รัก ชื่นชม ศรัทธา อยากอยู่ใกล้ อยากช่วยเหลือ อยากให้การสนับสนุน เราต้องเข้าใจว่า เวลาที่ความคิด หรืออารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้น มันไม่ใช่ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของเรา มันเป็น “ด้านลบ” ที่แสดงออกตัวมาโดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่มันปรากฏโฉมออกมา ให้เรา “มีสติ” เห็นว่า เกิดความคิดและความรู้สึกแบบนี้ขึ้น แล้วเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงให้เป็นด้านดีในทันที และเลือกสิ่งที่ดีงามและจิตใจที่สูงส่งกว่าเสมอ เช่น เลือกความรัก ความเมตตา แทนความโกรธ ความเกลียดชัง เลือกความเผื่อแผ่ แบ่งปัน แทนการกักเก็บ หรือเห็นแก่ตัว เลือกคิดเชิงบวก แทนคิดเชิงลบ ขอให้มุ่งมั่นตั้งใจ คิด พูด และทำแต่สิ่งที่ดี นับจากนี้เป็นต้นไป แล้ว “ความดี” จะคุ้มครองชีวิตของเราเอง
11. พลังของจิตวิญญาณที่สูงส่ง : คุณจะได้พบความยิ่งใหญ่ในตัวเอง
คนส่วนใหญ่คิดนั่น คิดนี่อยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ฟุ้งซ่านเรื่องไร้สาระ ก็มักคิดวกวนถึงแต่ปัญหา หรือเรื่องที่ทำให้หงุดหงิด รำคาญใจ ไม่พอใจ เสียใจ ผิดหวัง เรามักไม่มีสติที่จะเห็นความคิดของเรา แล้วเปลี่ยนมันใหม่ เราไม่ฝึกที่จะพลิกวิธีคิดหรือปรับทัศนคติมุมมองของเราจากลบให้เป็นบวก คนที่เครียด รู้สึกว่าชีวิตยากลำบาก หนักและเหนื่อย ต้องต่อสู้ดิ้นรน เพราะไม่ค่อยได้ฝึกเข้าถึงความสงบภายในใจ ไม่เคยหยุด ไม่เคยพักความคิดของตัวเอง ดังนั้น พยายามลดกิจกรรมภายนอกลงบ้าง เพื่อมีเวลาสงบนิ่ง ฟังเสียงจากภายใน
12. พลังของการลงมือทำ : จะทำให้ทุกอย่างที่คุณปรารถนาเป็นความจริง
การลงมือทำเท่านั้น ที่จะเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริง ซึ่งเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากอยากสำเร็จ อย่าเสียเวลาไปกับความสงสัยตัวเอง ว่าฉันจะทำได้ไหม ฉันจะทำสำเร็จไหม มันจะยากไหม ขอเวลาเตรียมตัว ขอศึกษาให้ดี ๆ ก่อน คนส่วนใหญ่อยากได้ผลลัพธ์ที่ปรารถนา แต่ไม่กล้าลงมือทำ!!
ไม่ว่าคุณมีความใฝ่ฝันอะไร ขอให้กล้าลงมือทำ และใส่พลังของความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแน่วแน่เข้าไป อย่ายอมแพ้ต่อปัญหาและอุปสรรค และไม่ว่าคุณจะเดิน จะคลาน หรือจะวิ่งขออย่างเดียว คือ อย่าหยุดเดิน จนกว่าจะถึงเส้นชัย แล้วเมื่อนั้น ความสำเร็จจะเป็นของคุณ !!
นอกจากพลังทั้ง 12 ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของคุณแล้ว ยังมีอีก 1 เทคนิคการถอดแบบหรือลอกแบบบุคคลต้นแบบ ซึ่งเป็นเคล็ดลับที่จะเป็นการสร้างพลังใจ และนำคุณไปสู่ความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้
เทคนิคการถอดแบบหรือลอกแบบบุคคลต้นแบบ เป็นเทคนิคที่ทรงพลังมาก แต่น้อยคนจะเข้าใจอย่างลึกซึ้ง แล้วนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิต ที่น่าสนใจคือ เทคนิคการลอกแบบนี้สามารถทำได้มากมาย วิธีการคือ เวลาที่เราอยากจะทำอะไร อยากจะเป็นอะไร อยากจะมีอะไร ให้เราหาต้นแบบ (Role Model) ที่ดี อาจจะเป็นบุคคล วิธีการ ความคิด บุคลิกภาพ ความร่ำรวย หรืออะไรก็ได้ อยู่ที่เรากำลังต้องการสร้างผลลัพธ์ใด แล้ว “ถอดแบบหรือลอกแบบ” ความสำเร็จของเขาออกมา
เธอบอกว่า นี่คือหลักคิดเมื่อเราใช้สัมผัสและความรู้สึกว่า วิธีนี้ใช่หรือไม่ใช่ ยกตัวอย่าง ถ้าเราเรียนรู้เรื่องพลังของภาษากาย การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ เพราะคนส่วนใหญ่มักจะปล่อยให้ตัวเองอยู่ในภาวะที่ไร้พลัง คือ เดินช้าๆ ไหล่ห่อๆ คอตกๆ แต่เมื่อใดที่เราเปลี่ยนการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น ยืดอก เดินอย่างกระฉับกระเฉง ยิ้มมากๆ สภาวะอารมณ์ของเราจะเปลี่ยนแปลงไป พลังงานที่เป็นบวกจะเกิดขึ้นทันที สำหรับเธอ ลอกแบบภาษากายของ “แอนโทนี่ ร็อบบิ้นส์” นักสร้างแรงบันดาลใจชื่อดังรนะดับโลก ซึ่งการเคลื่อนไหวร่างกายของเขามีพลังมาก เมื่อสังเกตและทำตามแบบ จะสัมผัสได้ถึงพลังที่เกิดขึ้นกับตนเองอย่างมหาศาล ดังนั้น การลอกแบบจึงเป็นเทคนิคที่ต้องนำไปใช้เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
|
|
|
|
|