Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์10 ตุลาคม 2553
ค้านสร้างโมโนเรลจุฬา เลือดสีชมพูค้านกันเอง             
 


   
search resources

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Transportation




แผนสร้างโมโนเรลสาย จุฬา-สยาม เจออุปสรรค อาจารย์จุฬาฯแบ่ง2ฝ่าย อ้างโมโนเรล เฟส1 บดบังทัศนียภาพ แนะควรสร้างเฟส 3 ก่อน “มานพ พงศทัต” ที่ปรึกษาจุฬา ฉะ ควรปลี่ยนความคิดใหม่ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน ชี้ควรทำเพื่อสังคมเพื่อคนกรุง ด้านกทม.ยันเดินหน้าสร้างเฟส1

การก่อสร้างรถไฟฟ้าขนาดเบาอย่างโมโนเรล เส้นทางแรกของกรุงเทพมหานคร(กทม.) จุฬา-สยาม ส่อเค้าจะมีปัญหาตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม เหตุเพราะเลือดสีชมพูแท้ในจุฬาลงการณ์มหาวิทยาลัยบางคนไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างเส้นทางจุฬา-สยาม เป็นเฟสแรก เพราะเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็น อีกทั้งโครงสร้างของโมโนเรลอาจไปบดบังความเป็นมหาวิทยาลัยซึ่งอาจเกิดความไม่สวยงาม รวมทั้งเกรงว่าสังคมจะมองว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ประโยชน์ จากการก่อสร้างครั้งนี้

รศ.ดร.อรพินท์ พานทอง กรรมการ สภามหาวิทยาลัย กล่าวว่า กทม.ควรก่อสร้างเฟส 3 เส้นทางวงรอบฝั่งถนนอังรีดูนังต์ ระยะทาง2.6กม.ก่อน เพราะบริเวณดังกล่าวมีทั้ง โรงพยาบาลตำรวจและโรงพยาบาลจุฬาและยังสามารถ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ถนนพระราม 4 ได้ ซึ่งจะเป็นการสนองความต้องการที่แท้จริง แต่หากกทม.ยืนยันที่จะเดินหน้าก่อสร้างเฟสแรกก่อน ก็ต้องตอบคำถามจากบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ได้ เพราะเชื่อว่าจะมีบุคลากรออกมาคัดค้านอย่างแน่นอน

สอดคล้องกับผศ.ดร พงษ์ศักดิ์ วัฒนสินธุ์ รองผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม กล่าวว่า การก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรล นั้น ควรก่อสร้างอย่างไรไม่ให้บดบังหอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะการสร้างโมโนเรลเฟส1 จะต้องใช้เส้นพญาไทเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าทั้ง 2 ระบบ ดังนั้นกทม.จะต้องคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้บดบังหอประชุมจุฬา เพราะถนนพญาไทเป็นส่วนหนึ่งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเชื่อว่าคนจุฬาจะต้องมีคำถามว่าในอนาคตถนนพญาไทจะเป็นอย่างไร เพระหากต้องการให้ถนนพญาไทเป็นถนนสีเขียวก็ต้องอนุรักษ์ไว้

ด้านรศ.มานพ พงศทัต ที่ปรึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “อยากให้คณาจารย์และบุคลากรในจุฬาที่มีแนวคิดไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโมโนเรล ปรับเปลี่ยนความคิดใหม่เพราะทุกวันนี้สังคมมีการเปลี่ยนแปลง เมืองมีการเติบโตมากขึ้น ไม่ควรจะมายึดติดกับความล้าหลัง การก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลเส้นทางจุฬา-สยาม เป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการเชื่อมการเดินทางที่ครอบคลุม จากระบบฟรีเดอร์ไปสู่ระบบขนส่งมวลชนระบบหลัก อีกทั้งถนนพญาไทไม่ใช่ของคนจุฬา แต่เป็นของคนกทม. ที่มีสิทธิได้ใช้ ซึ่งจุฬาต้องทำเพื่อสังคม ไม่ใช่อะไรๆก็จุฬา ”

โดยการก่อสร้างโมโนเรลเส้นทางจุฬา-สยาม สามารถออกแบบให้รางรถไฟมีความโค้งเพื่อไม่บดบังทัศนียภาพได้ ซึ่งระบบโมโนเรลที่จะสร้างขึ้นจะเป็นการให้บริการชุมชนไม่ใช่ให้บริการเฉพาะคนจุฬาฯ ดังนั้น เพื่อเป็นการลดแรงต้านทานจะจัดให้มีการออกแบบโมโนเรลเส้นทางนี้

สำหรับรูปแบบรถไฟฟ้าโมโนเรลนั้นตัวรถจะเป็นมินิโมโนเรล ที่มีขนาดเล็กและโปร่งบางเรียบง่ายและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม จุคนได้ ประมาณ10-40คนต่อตู้ โดยกทม.จะให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วม คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน1,000ล้านบาท ในการจัดหาซื้อขบวนรถ เพราะในประเทศยุโรปก็ใช้มินิโมโนเรลในการขนคนไปสู่ระบบหลัก

นอกจากนี้การก่อสร้างโมโนเรลเส้นทางดังกล่าวยังเป็นการเชื่อมต่อพื้นที่บริเวณราชประสงค์ต่อเนื่องมายังสยามสแควร์เพื่อให้เป็น Shopping street of Asia ที่คล้ายถนนชินจุกุ ประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นการสร้างโมโนเรลอาจจะเป็นนวตกรรมใหม่ของคนไทยก็ถูกด่าไม่ยอมรับ แต่หากมองไปในหลายเมืองทั่วโลก ทั้งยุโรป และ เอเซีย ต่างก็ใช้ระบบนี้เป็นระบบรอง

ด้านดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่ากทม. กล่าวว่า กทม.ยืนยันที่จะก่อสร้างเฟสแรก เพราะมีการศึกษาแล้ว ซึ่งโครงการนี้เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยกทม.จะมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่อีกครั้ง ทั้งนี้โมโนเรลเป็นถือว่าเป็นสิ่งใหม่สำหรับคนกรุงเทพฯดังนั้นต้องอาศัยเวลาพิสูจน์ตัวเอง

ส่วนกรณีที่บุคลากรในจุฬาไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างเฟส1 นั้น ตนมองว่าเส้นทางจุฬา-สยามเป็นเส้นทางที่มีความเหมาะสมที่สุด เพราะเป็นพื้นที่ทางด้านทิศเหนือของจุฬาฯมีศูนย์การค้า การท่องเที่ยว ขณะที่ทิศใต้ คือ รถไฟฟ้าใต้ดิน ในขณะที่ตรงกลางของถนนพญาไทยังเป็นพื้นที่ว่าง ซึ่งกทม.เห็นว่า ควรจะทำจุดเชื่อมต่อด้วยรถไฟฟ้าโมโนเรลจะเหมาะที่สุด ส่วนทางด้านทิศตะวันตกถนนบรรทัดทองและถนนอังรีดูนังต์ จะดำเนินการเป็นเฟสที่ 2และเฟส3 โดยทั้ง 2 เฟสกทม. จะพัฒนาไปพร้อมกับแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ของจุฬาฯ ทั้งนี้การที่กทม.มีระบบขนส่งมวลชนสาธารณะมากขึ้น จะช่วยทำให้ประชาชนเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น และในอนาคตอาจมีการใช้บัตรโดยสารเพียงใบเดียว ที่สามารถเข้าระบบขนส่งมวลชนทุกระบบได้ ทั้งBTS ,MRT , BRT, รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ได้

ทั้งนี้จากการประเมินความค่าของโครงการในเบื้องต้น มีผลตอบแทนของแผนอนุรักษ์พลังงานในเชิงเศรษฐศาสตร์(EIRR)ที่12.26% มีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net present value ) เท่ากับ60ล้านบาท และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุน (Benefit Cost ratio หรือ B/C ratio) ที่1.02 ส่วนจำนวนผู้โดยสารในช่วงเปิดให้บริการในปี2555 มีจำนวนผู้โดยสาร 9,000คน ปี 2558 เพิ่มเป็น18,500 คน และในปี 2575 เพิ่มเป็น 58,000คน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us