เทศกาลกินเจปีนี้คึกคักคาดมีเงินสะพัด 3.35 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 26.2% เหตุคนแห่กินเจมากขึ้น และราคาสินค้ามีแนวโน้มสูงขึ้น เผยผัก ผลไม้ อาหารแห้ง ดาหน้าขึ้นรับเทศกาลทันที “พาณิชย์” ลุยจัดงานผักสดจากสวนสู่ผู้บริโภค ขายของถูกช่วง กินเจ 10 จังหวัด 14 แห่ง

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจ ระหว่างวันที่ 15-30 ก.ย.2553 จำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,180 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่า มูลค่าการใช้จ่ายโดยรวมในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 3.35 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 26.2% โดยเฉลี่ยแต่ละคนจะมีค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 7,199 บาท เพิ่มขึ้น 10.64% จากปีก่อนที่มีจำนวน 6,506 บาทต่อคน เนื่องจากในปีนี้มีประชาชนจะเข้าร่วมเทศกาลกินเจมากขึ้น โดยประชาชนจะกินเจ 23.1% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 11.3%

สาเหตุที่ค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจเพิ่มมากขึ้น เพราะราคาสินค้าเจในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่าค่าใช้จ่ายในปีนี้จะเท่ากับปีก่อน 46% ขณะที่อีก 49.5% บอกว่าจะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนปริมาณสินค้าที่ซื้อ 62.3% ซื้อสินค้าในปริมาณเท่าเดิม แต่อีก 23.6% ซื้อสินค้าในปริมาณที่น้อยลง ซึ่งแสดงว่าราคาสินค้าส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ประเมินว่า เทศกาลกินเจปีนี้จะคึกคักขึ้น เนื่องจากประชาชนมีกำลังซื้อ และตั้งใจซื้อสินค้าปริมาณไม่ลดลงแม้ราคาจะสูงก็ตาม อีกทั้งมีคนกินเจเพิ่มจากปีก่อน ดังนั้น ตลาดสินค้าเจปีนี้จึงมีทิศทางที่ดี โดยสินค้าที่คนต้องการมีเกือบทุกชนิด ยกเว้นอาหารเจแช่แข็ง

อย่างไรก็ตาม ยอดการใช้จ่ายเทศกาลกินเจที่เพิ่มขึ้น ยังไม่สะท้อนว่า เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัว เพราะคนส่วนใหญ่กินเจเพื่อต้องการทำบุญ และตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่เฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ ประชาชนยังไม่รับรู้รายได้นัก อีกทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาการเมือง ราคาน้ำมัน ค่าครองชีพสูง และราคาสินค้าแพงคอยบั่นทอนกำลังบริโภค

รายงานข่าวแจ้งว่า บรรยากาศการซื้อขายสินค้าช่วงเทศกาลกินเจเทศกาลปีนี้ในเขตกรุงเทพฯ ยังไม่คึกคักนัก เนื่องจากฝนตกหนัก ประกอบกับพ่อค้าแม่ค้า ยังรอดูทิศทางการฟื้นตัวเศรษฐกิจ จึงไม่กล้าสั่งซื้อและเตรียมสินค้าขายล่วงหน้านัก ที่สำคัญราคาผักสด ผลไม้ อาหารแห้ง และเครื่องปรุงประกอบอาหารเจ ยังมีทิศทางปรับสูงขึ้นเมื่อเทียบจากปีที่แล้ว เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกบางส่วนประสบปัญหาน้ำท่วม จนทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง

สำหรับราคาผัก ผลไม้ ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ คะน้า เพิ่มจากปีก่อน กก.ละ 30-32 บาท เป็น 32-35 บาท กวางตุ้ง 15-18 บาท เป็น 25-28 บาท ผักกาดหอม 45-50 บาท เป็น 52-55 บาท ผักกาดขาวปลี 12-15 บาท เป็น 18-20 บาท กะหล่ำปลี 10-12 บาท เป็น 18-20 บาท มะเขือเทศสีดา 20-22 บาท เป็น 22-25 บาท แตงกวา 12-15 บาท 18-20 บาท หน่อไม้ฝรั่ง 70-75 บาท เป็น 90-92 บาท ข้าวโพดฝักอ่อน 30-34 บาท เป็น 36-40 บาท ส้มเขียวหวาน 50-55 บาท เป็น 55-60 บาท ราคาอาหารแห้ง และเครื่องปรุง เห็ดหอมขนาดกลางเพิ่มขึ้นจาก กก.ละ 280-300 บาท เป็น 340-350 บาท ฟองเต้าหู้ 180-200 บาท เป็น 200-220 บาท โปรตีนเกษตร 90-100 บาท เป็น 98-100 บาท น้ำมันถั่วลิสง 85-90 บาท เป็น 95-100 บาท

ส่วนที่ราคาลดลง อาทิ น้ำมันถั่วเหลืองลดจาก 43-46 บาท เป็น 41-43 บาท ผักบุ้งจีน 5-28 บาท เหลือ 22-25 บาท ถั่วฝักยาว 28-30 บาท เหลือ 22-25 บาท หัวไชเท้า 0-22 บาท เหลือ 18-20 บาท รวมถึงเนื้อหมู ไก่เนื้อ กุ้งขาว ไข่เป็ด และไข่ไก่ ที่คนบริโภคลดลงในช่วงเทศกาลกินเจ

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน จัดงาน ผักสดจากสวน สู่ผู้บริโภค ช่วงเทศกาลกินเจวันที่ 7-16 ต.ค.นี้ เพื่อเชื่อมโยงนำผัก ผลไม้จากเกษตรกร ชาวสวน รวมถึงอาหารแห้ง เต้าหู้ ซีอิ๊ว เครื่องปรุง ที่ใช้ประกอบอาหารเจจำหน่ายโดยตรงให้แก่ผู้บริโภคในราคาถูกกว่าท้องตลาด ที่ตลาดกลางผักและผลไม้ ในความส่งเสริมของกรมการค้าภายในตลาดสดสีฟ้าและตลาดสดดีเด่นใน 10 จังหวัด 14 แห่ง เพื่อเป็นทางเลือกในการจับจ่ายใช้สอย และลดรายจ่ายแก่ประชาชนในช่วงกินเจ

สำหรับตลาดที่เข้าร่วม ได้แก่ ตลาดศรีนคร จ.นครสวรรค์ ตลาดไท จ.ปทุมธานี ตลาดศรีนครศรีเมือง จ.ราชบุรี ตลาดย่าโม จ.นครราชสีมา ตลาดสดสีฟ้า จ.กำแพงเพชร ขอนแก่น นครปฐมปทุมธานี ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และตลาดสดในกรุงเทพ 3 แห่ง ได้แก่ ตลาดศูนย์การค้ามีนบุรี ตลาดอ่อนนุชเฟรชมาร์ทและตลาดยิ่งเจริญ และจะมีการเปิดงานในวันที่ 8 ต.ค.นี้ ที่จ.ปทุมธานี