Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน8 ตุลาคม 2553
เมคอัพโงหัวโตขึ้น 3% รอบ 5 ปี คาเนโบ-คลีนิกข์ ลุย             
 


   
search resources

Kanebo Cosmetics (Thailand)
เอลก้า (ประเทศไทย), บจก.
Cosmetics




ตลาดเครื่องสำอางเริ่มโงหัวขึ้น คาดปีนี้โต 2-3% ในรอบ 5 ปี หลังจากตลาดรวมนิ่งมานาน คาเนโบขยายฐานพรีเมียมไฮเอนด์ ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ทันสมัยขยายกลุ่ม 20 ปีขึ้น ด้าน คลีนิกข์ ชูเคาน์เตอร์นิวคอนเซ็ปต์แห่งแรกที่พารากอน

นายโทมิโอะ โอนิชิ ประธาน บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องสำอาง หรือเมคอัพ ในไทยมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 2-3% มากในรอบ 5 ปี จากปีที่แล้วทรงตัว หลังจากที่ก่อนนี้เคยเติบโตถึง 10% และทรงตัวมาตลอด ขณะที่ คาเนโบ ตั้งเป้าหมายเติบโตเฉลี่ย 7% ทั้งปี โดยครึ่งปีแรกเติบโต 7% เช่นกัน สูงกว่าตลาดรวมที่เติบโต 1-2% ส่วนปีที่แล้วเติบโต 5%

***คาเนโบปรับภาพลักษณ์

ทั้งนี้ ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา คาเนโบ พยายามปรับภาพลักษณ์และทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น หลังจากที่บริษัทในไทยวิจัยแล้ว พบว่า ภาพลักษณ์ของคาเนโบในการรับรู้ของผู้บริโภคคนไทยปัจจุบันเป็นตลาดของกลุ่มคนมีอายุ ซึ่งคาเนโบทำตลาดในไทยกว่า 40 ปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม คาเนโบ ประเทศไทย ยังเป็นตลาดที่มีความสำคัญติดท็อปทรีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ทุกประเทศเป็นการทำตลาดผ่านดิสทริบิวเตอร์ทั้งหมด ซึ่งตลาดใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย ขณะที่ไทยเป็นเพียงตลาดเดียวที่เป็นบริษัทลูกของคาเนโบ โดยคาเนโบที่ญี่ปุ่นเป็นอันดับสองในตลาดรวม รองจาก ชิเซโด้ และอันดับสามคือ โคเซ่ โดยคาเนโบปรับเคาน์เตอร์ให้ทันสมัยมี 2 แบบ คือ 1.ซากุระ และ 2.นิวคอนเซ็ปต์ และจะทยอยปรับให้ครบทั้งหมดเร็วๆ นี้

ขณะนี้มีทั้งหมด 68 เคาน์เตอร์ ปีหน้าจะเปิดเคาน์เตอร์แฟลกชิปสโตร์ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว และปีนี้ได้นำเครื่องเช็คผิวเข้ามาบริการทุกเคาน์เตอร์ ลงทุนเครื่องละ 2 แสนบาท ปัจุบันคาเนโบมีฐานสมาชิกที่แอกทีฟ 24,000 ราย เฉลี่ยลูกค้าใช้บริการ 1.6-2 ครั้งต่อเดือน การใช้จ่าย 3,500 บาทต่อครั้ง และขณะนี้สามารถขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังผู้หญิงอายุเฉลี่ย 20 ปีได้แล้ว ก่อนหน้านี้เริ่มต้นที่อายุ 30 ปีเป็นหลัก

ล่าสุด ได้เปิดตัวครีมบำรุงผิว อิมเพรส แกรนมูล่า ชุดละ 68,000 บาท พร้อมกันกับญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อขยายกลุ่มพรีเมียม ไฮเอนด์ ครั้งแรกในรอบ 75 ปีของคาเนโบ ซึ่งมีสัดส่วนตลาดที่ 10-20% ของตลาดรวมในไทย ซึ่งคู่แข่งในตลาดไฮเอนด์ เช่น ลาแมร์ ซิซซ์เล่ย์ เป็นต้น คาดว่าจะทำให้กลุ่มอิมเพรสเติบโต 20%

“ตอนนี้มองว่ากำลังซื้อเริ่มดีขึ้น เพราะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ศูนย์การค้าก็มีการจัดกิจกรรมดึงดูดคนให้จับจ่าย และธุรกิจเครื่องสำอางก็มีการทำตลาดมากขึ้น” นายโทมิโอะ กล่าว

***คลีนิกข์ชูนิวคอนเซ็ปต์เคาน์เตอร์

นางสาวนันทวัลย์ เหล่าสินชัย ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์ เอลก้า บริษัท เอลก้า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำอางแบรนด์คลีนิกข์ กล่าวว่า ตลาดรวมเครื่องสำอางปีนี้ยังมีการเติบโตที่ดี แบรนด์ใหญ่ๆ ต่างก็ขยายตลาดไปต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย

ล่าสุด บริษัทได้ปรับเคาน์เตอร์ใหม่เป็นนิวคอนเซ็ปต์ ชื่อว่า “Service As You Like It” ซึ่งบริษัทแม่อนุมัติให้ไทยได้ใช้รูปแบบนี้เป็นประเทศแรกในเอเชียแปซิฟิก เช่นเดียวกับที่นิวยอร์ก ลอนดอน ส่วนที่ฮ่องกงเป็นฟรีสแตนดิ้ง สาขาแรกในไทยคือที่สยามพารากอน ลงทุนกว่า 7 ล้านบาท พื้นที่ 64 ตารางเมตร เป็นเคาน์เตอร์เปิด มีเคาน์เตอร์ให้ลูกค้าทดลองผลิตภัณฑ์เต็มที่ มีป้ายบอกราคาสินค้า พื้นที่ให้คำแนะนำส่วนตัว อุปกรณ์วิเคราะห์สภาพผิว ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความอิสระในการเลือกดูสินค้า

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ปัจจุบันจะมี 45 เคาน์เตอร์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะปรับได้หมดทุกแห่ง ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และความเหมาะสมด้วย จะต้องได้รับอนุมัติจากบริษัทแม่อีกด้วย ส่วนปีหน้าจะเปิดจุดขายใหม่เพิ่มเช่นที่ โรบินสัน ตรัง, เชียงราย เป็นต้น

หลังจากปรับและเปิดบริการได้เดือนเศษพบว่า ลูกค้าใช้เวลาในเคาน์เตอร์อยู่มากขึ้น 20% อัตราการซื้อเพิ่มขึ้นจาก 3,000 บาท เป็น 3,500 บาทต่อครั้ง และส่งผลยอดขายเพิ่มขึ้นรวม 25% ซึ่งขณะนี้คลีนิกข์มีฐานสมาชิกกว่าแสนราย ที่แอกทีฟประมาณ 60% และมีจำนวนที่ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำอีก 30,000 ราย หรือเฉลี่ย 3 ครั้งต่อคน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us