ตลาดเครื่องสำอางเริ่มโงหัวขึ้น คาดปีนี้โต 2-3% ในรอบ 5 ปี หลังจากตลาดรวมนิ่งมานาน คาเนโบขยายฐานพรีเมียมไฮเอนด์ ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ทันสมัยขยายกลุ่ม 20 ปีขึ้น ด้าน คลีนิกข์ ชูเคาน์เตอร์นิวคอนเซ็ปต์แห่งแรกที่พารากอน
นายโทมิโอะ โอนิชิ ประธาน บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องสำอาง หรือเมคอัพ ในไทยมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 2-3% มากในรอบ 5 ปี จากปีที่แล้วทรงตัว หลังจากที่ก่อนนี้เคยเติบโตถึง 10% และทรงตัวมาตลอด ขณะที่ คาเนโบ ตั้งเป้าหมายเติบโตเฉลี่ย 7% ทั้งปี โดยครึ่งปีแรกเติบโต 7% เช่นกัน สูงกว่าตลาดรวมที่เติบโต 1-2% ส่วนปีที่แล้วเติบโต 5%
***คาเนโบปรับภาพลักษณ์
ทั้งนี้ ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา คาเนโบ พยายามปรับภาพลักษณ์และทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น หลังจากที่บริษัทในไทยวิจัยแล้ว พบว่า ภาพลักษณ์ของคาเนโบในการรับรู้ของผู้บริโภคคนไทยปัจจุบันเป็นตลาดของกลุ่มคนมีอายุ ซึ่งคาเนโบทำตลาดในไทยกว่า 40 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม คาเนโบ ประเทศไทย ยังเป็นตลาดที่มีความสำคัญติดท็อปทรีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ทุกประเทศเป็นการทำตลาดผ่านดิสทริบิวเตอร์ทั้งหมด ซึ่งตลาดใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย ขณะที่ไทยเป็นเพียงตลาดเดียวที่เป็นบริษัทลูกของคาเนโบ โดยคาเนโบที่ญี่ปุ่นเป็นอันดับสองในตลาดรวม รองจาก ชิเซโด้ และอันดับสามคือ โคเซ่ โดยคาเนโบปรับเคาน์เตอร์ให้ทันสมัยมี 2 แบบ คือ 1.ซากุระ และ 2.นิวคอนเซ็ปต์ และจะทยอยปรับให้ครบทั้งหมดเร็วๆ นี้
ขณะนี้มีทั้งหมด 68 เคาน์เตอร์ ปีหน้าจะเปิดเคาน์เตอร์แฟลกชิปสโตร์ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว และปีนี้ได้นำเครื่องเช็คผิวเข้ามาบริการทุกเคาน์เตอร์ ลงทุนเครื่องละ 2 แสนบาท ปัจุบันคาเนโบมีฐานสมาชิกที่แอกทีฟ 24,000 ราย เฉลี่ยลูกค้าใช้บริการ 1.6-2 ครั้งต่อเดือน การใช้จ่าย 3,500 บาทต่อครั้ง และขณะนี้สามารถขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังผู้หญิงอายุเฉลี่ย 20 ปีได้แล้ว ก่อนหน้านี้เริ่มต้นที่อายุ 30 ปีเป็นหลัก
ล่าสุด ได้เปิดตัวครีมบำรุงผิว อิมเพรส แกรนมูล่า ชุดละ 68,000 บาท พร้อมกันกับญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อขยายกลุ่มพรีเมียม ไฮเอนด์ ครั้งแรกในรอบ 75 ปีของคาเนโบ ซึ่งมีสัดส่วนตลาดที่ 10-20% ของตลาดรวมในไทย ซึ่งคู่แข่งในตลาดไฮเอนด์ เช่น ลาแมร์ ซิซซ์เล่ย์ เป็นต้น คาดว่าจะทำให้กลุ่มอิมเพรสเติบโต 20%
“ตอนนี้มองว่ากำลังซื้อเริ่มดีขึ้น เพราะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ศูนย์การค้าก็มีการจัดกิจกรรมดึงดูดคนให้จับจ่าย และธุรกิจเครื่องสำอางก็มีการทำตลาดมากขึ้น” นายโทมิโอะ กล่าว
***คลีนิกข์ชูนิวคอนเซ็ปต์เคาน์เตอร์
นางสาวนันทวัลย์ เหล่าสินชัย ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์ เอลก้า บริษัท เอลก้า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำอางแบรนด์คลีนิกข์ กล่าวว่า ตลาดรวมเครื่องสำอางปีนี้ยังมีการเติบโตที่ดี แบรนด์ใหญ่ๆ ต่างก็ขยายตลาดไปต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย
ล่าสุด บริษัทได้ปรับเคาน์เตอร์ใหม่เป็นนิวคอนเซ็ปต์ ชื่อว่า “Service As You Like It” ซึ่งบริษัทแม่อนุมัติให้ไทยได้ใช้รูปแบบนี้เป็นประเทศแรกในเอเชียแปซิฟิก เช่นเดียวกับที่นิวยอร์ก ลอนดอน ส่วนที่ฮ่องกงเป็นฟรีสแตนดิ้ง สาขาแรกในไทยคือที่สยามพารากอน ลงทุนกว่า 7 ล้านบาท พื้นที่ 64 ตารางเมตร เป็นเคาน์เตอร์เปิด มีเคาน์เตอร์ให้ลูกค้าทดลองผลิตภัณฑ์เต็มที่ มีป้ายบอกราคาสินค้า พื้นที่ให้คำแนะนำส่วนตัว อุปกรณ์วิเคราะห์สภาพผิว ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความอิสระในการเลือกดูสินค้า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ปัจจุบันจะมี 45 เคาน์เตอร์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะปรับได้หมดทุกแห่ง ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และความเหมาะสมด้วย จะต้องได้รับอนุมัติจากบริษัทแม่อีกด้วย ส่วนปีหน้าจะเปิดจุดขายใหม่เพิ่มเช่นที่ โรบินสัน ตรัง, เชียงราย เป็นต้น
หลังจากปรับและเปิดบริการได้เดือนเศษพบว่า ลูกค้าใช้เวลาในเคาน์เตอร์อยู่มากขึ้น 20% อัตราการซื้อเพิ่มขึ้นจาก 3,000 บาท เป็น 3,500 บาทต่อครั้ง และส่งผลยอดขายเพิ่มขึ้นรวม 25% ซึ่งขณะนี้คลีนิกข์มีฐานสมาชิกกว่าแสนราย ที่แอกทีฟประมาณ 60% และมีจำนวนที่ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำอีก 30,000 ราย หรือเฉลี่ย 3 ครั้งต่อคน
|