Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน8 ตุลาคม 2553
เรกคิทท์ปรับพอร์ตรับ2ปี เท2พันล้านขยายโรงงานใหม่ที่บางพลี             
 


   
search resources

เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย), บจก.
Consumer Products




เรกคิทท์ ปรับพอร์ตโฟลิโอลุยตลาดเพอร์ซันนัลแคร์เพื่อสุขภาพเต็มสูบ ปูแผน 2 ปี เท 2,000 ล้านบาท ขยายโรงงานผลิตสินค้ารองรับแผนใหม่ที่โรงงานบางพลี จ่อนำ 2-3 แบรนด์ใหม่บุก อัดกว่า 100 ล้านบาท รุกตลาดสเปรย์ปรับอากาศ-กำจัดแมลง สิ้นปีรายได้โต 18% กวาด 3,100 ล้านบาท

นายเจอโรน มุสเทิร์ต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิลด์ท้อกซ์ และเดทตอล กล่าวว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทแม่ ได้ปรับพอร์ตโฟลิโอการดำเนินธุรกิจในไทย โดยหันมาเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลในตลาดกลุ่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น จากที่ผ่านมาบริษัทรุกตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ สเปรย์ฉีดไล่ยุง และกลุ่มผลิตภัณฑ์ยา อย่างสเต็ปซิล

ดังนั้นแผนในอีก 2 ปีข้างหน้านี้หรือปี 2554-2555 ทุ่มงบ 2,000ล้านบาท ขยายโรงงานที่บางพลี เพื่อผลิตของใช้ส่วนบุคคลเพื่อสุขภาพ โดยมีแผนนำ 2-3 แบรนด์จากทั้งหมดที่มีอยู่ 17 แบรนด์เข้ามาทำตลาด ขณะที่ปัจจุบันในไทยมีทั้งหมด 7 แบรนด์ที่มีการเคลื่อนไหวทางการตลาด ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้ทุ่มงบ 500 ล้านบาท ขยายโรงงานและคลังสินค้าไปแล้วส่วนหนึ่ง

ทั้งนี้เหตุผลที่บริษัทรุกตลาดผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลเพื่อสุขภาพ เนื่องจากเป็นตลาดที่เติบโตสูงกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มยา อีกทั้งยังไม่มีการแข่งขันราคาที่สูง ล่าสุดบริษัททุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท แบ่งเป็นงบ 60 ล้านบาท ดำเนินตลาดเชิงรุกสเปรย์ปรับอากาศแบรนด์”แอร์วิค” โดยเน้นชูนวัตกรรมสินค้า

ล่าสุดเปิดตัวสเปรย์ปรับอากาศ”อควา มิสท์” รูปแบบหัวฉีดพ่นแบบไม่ใช้ก๊าซครั้งแรกในตลาด ซึ่งตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 3 เดือน 2% และปีหน้า 5% ส่วนแบ่งรวมสิ้นปีนี้ 7% ปีหน้าเพิ่มเป็น 12.5% ขึ้นเป็นอันดัน 2 ของตลาดแทนที่ แอมบิ เพิล ส่วนเกรดเป็นผู้นำตลาดจากมูลค่า 1,400 ล้านบาทโต 9-10%

และได้ทุ่มงบไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท เปิดตัวชิลด์ท้อกซ์ แนทเชอร์การ์ด สูตรใหม่ ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ โดยได้ทำสื่อสารผ่านภาพยนตร์โฆษณา เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง การจัดกิจกรรมและทำโปรโมชัน สิ้นปีรั้งส่วนแบ่ง 17% จากปัจจุบันไบกอนเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 30% จากตลาด 3,093 ล้านบาท

ผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต 18% หรือมีรายได้ 3,100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลในตลาดเพื่อสุขภาพภายใน 5 ปี สัดส่วนรายได้เพิ่มจาก 30% เป็น 50% และสินค้าอุปโภคบริโภค จาก 70% เป็นเหลือ 50%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us