จุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ธุรกิจไทยเกิดขึ้นเมื่อมีการตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี
2518 เพราะตลาดหลักทรัพย์ได้แสดงบทบาทเป็นแหล่งระดมทุนที่มีต้นทุนราคาถูก
แทนที่ธนาคารและแหล่งเงินกู้นอกระบบที่ต้องเสียดอกเบี้ยและมีความเสี่ยงสูง
เมื่อสามชัยตัดสินใจเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เหตุผลสำคัญมีประการเดียวคือ การระดมทุน
และนั่นก็เป็นเหตุผลเดียวกับซิงเกอร์ที่เข้าไปจดทะเบียนนำหุ้นออกขายต่อประชาชนในปี
2527
ซิงเกอร์ ประเทศไทย เป็นบริษัทที่มีประวัติความเป็นมาในไทยยาวนานถึง 100
ปีเต็ม โดยเริ่มด้วยการขายจักรเย็บผ้าและอุปกรณ์การตัดเย็บ หลังปี 2500 เรื่อยมา
มีการขยายไปสู่สินค้าอื่น ๆ จำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า เริ่มด้วยตู้เย็น วิทยุ
โทรทัศน์ เตาแก็ส เครื่องซักผ้า วีดีโอ
กลยุทธ์พิเศษที่ซิงเกอร์ริเริ่มและใช้ตลอดมาคือบริการแบบเช่าซื้อ มีการเปิดร้านซิงเกอร์ขึ้นทั่วทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
นับจนถึงปี 2532 ซิงเกอร์มีร้านสาขาอยู่ 256 แห่งทั่วประเทศ มีระบบการบริหารงานที่รัดกุมมีประสิทธิภาพ ในวงการรู้กันว่า ซิงเกอร์เป็น "ผู้นำในระบบเช่าซื้อ"
สุรศักดิ์ ศรีรัตนวิบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อและเรียกเก็บเงินเล่าให้
"ผู้จัดการ" ฟังว่า "ก่อนที่พนักงานทุกคนจะออกไปปฏิบัติงาน
เราจะมีการอบรมฝึกสอนในเรื่องการขาย การแนะนำสินค้า จูงใจลูกค้า เรามีลูกค้าที่มีบัญชีหมุนเวียนอยู่ในปัจจุบันทั่วประเทศ
340,000 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ มีลูกค้าค้างชำระเพียง 28,000 รายเท่านั้น เป็นสัดส่วนที่เราพอใจมาก"
ในแง่ของการบริหารการขายนั้น ซิงเกอร์แบ่งการดูแลออกเป็น 10 เขตในทั่วประเทศ
มีผู้จัดการเขตดูแลในท้องถิ่นนั้นเสมือนเป็นผู้จัดการขาย และมีอำนาจการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อด้วย
ระบบรองลงมามีผู้จัดภาคที่คอยดูให้คำแนะนำผู้จัดการร้าน และคนที่ใกล้ชิดชาวบ้านหรือลูกค้ามากที่สุดคือ ระดับผู้จัดการร้าน
นอกจากนี้ซิงเกอร์ก็มีพนักงานอีกชุดหนึ่งทำหน้าที่คล้ายผู้ตรวจสอบ โดยมีกระจายอยู่ในท้องถิ่นทั่วประเทศประมาณ
150 คน คนเหล่านี้จะออกเยี่ยมเยียนลูกค้าเป็นประจำ
ระบบที่ซิงเกอร์ใช้ควบคุมการกระจายอำนาจเหล่านี้คือ การมีประชุมผู้จัดการเขตทุกเดือนที่กรุงเทพ
ทั้งเป็นการรายงานผลการดำเนินงานและการรับนโยบายจากศูนย์กลางลงไปปฏิบัติในทั่วประเทศ
ระบบงานและการบริหารที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ซิงเกอร์มีผลการดำเนินงานทำกำไรได้ทุกปี
ประเด็นคือซิงเกอร์ไม่เคยประสบปัญหาการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
การลดค่าเงินบาท ซึ่งจัดเป็นวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในช่วงปี 2527 ที่ซิงเกอร์ขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บ้างเลยหรือ
อาจกล่าวได้ว่าหากไม่มีการปรับปรุงการบริหารในตลอดระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมา
คงไม่มีซิงเกอร์อยู่ในเหมือนทุกวันนี้!
เมื่อแรกที่ซิงเกอร์เข้ามาเปิดดำเนินงานในประเทศไทยนั้น มุ่งขายสินค้าเพียงตัวเดียวคือจักรเย็บผ้า
ซึ่งซิงเกอร์สามารถภาคภูมิใจได้ว่าเป็นผู้นำเครื่องจักรประเภทนี้เข้ามาให้คนไทยได้รู้จักและใช้งาน
รวมถึงบริการผ่อนชำระที่ซิงเกอร์อ้างว่าริเริ่มพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2468
ในระยะแรกที่ไม่มีคู่แข่ง จักรเย็บผ้าซิงเกอร์ย่อมขายดีเป็นธรรมดา แต่ในเวลาต่อมาความต้องการของผู้บริโภคในตลาดได้ผลักดันให้ซิงเกอร์ต้องเพิ่มประเภทสินค้า
และนั่นคือก้าวที่ซิงเกอร์ต้องลงมาคลุกคลีในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยในทศวรรษ
60
ซิงเกอร์มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ เมื่อครั้งที่ขอเข้าตลาดหลักทรัพย์โดยจำเป็นที่จะต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นของ
SINGER SEWING MACHINE CO., ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในสหรัฐร่วมกับบริษัทในเครือลงเหลือเพียง 49% และดึงเอาผู้ร่วมทุนฝ่ายไทยเข้ามาอีก 20% ส่วนอีก 30% กระจายสู่ประชาชนทั่วไป
ตามระเบียบของตลาดหลักทรัพย์
ผู้ร่วมทุนไทยที่เข้ามาถือหุ้นรายใหญ่ผู้หนึ่งในจำนวน 9% กว่า ตั้งแต่ปี
2527 ที่เข้าตลาดหลักทรัพย์จวบจนปัจจุบัน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคือธนาคารกสิกรไทย
และในเวลาต่อมา บริษัทในเครือของธนาคารแห่งนี้ก็เข้ามาร่วมถือหุ้นด้วยคือ
บงล.ภัทรนกิจ และบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต
การเข้ามาถือหุ้นของกสิกรไทยมีความสำคัญต่อโฉมหน้าของซิงเกอร์อย่างมาก
สุรศักดิ์กล่าวปฏิเสธว่าผู้บริหารของกสิกรฯ ที่เข้ามาร่วมเป็นกรรมการ ไม่ว่าจะเป็นบัญชา
ล่ำซำ ซึ่งมาเป็นประธานกรรมการบริษัท และอัจฉรีย์ วิเศษศิริ ที่เข้ามาเป็นกรรมการต่างไม่ได้เข้ามาแทรกแซงการบริหารงานของซิงเกอร์แม้แต่น้อย
อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงในเวลาต่อมาบ่งชี้ว่า ซิงเกอร์มีการขยายงานไปในทางที่มาจากความร่วมมือกับกสิกรฯ
และบริษัทในเครืออย่างมาก ๆ
อัจฉรีย์ วิเศษศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของกสิกรฯ กล่าวกับ "ผู้จัดการ"
ว่า "ทางกสิกรฯ ก็มีการให้ความช่วยเหลือซิงเกอร์อยู่อย่างเมื่อปี 2527
เราก็ช่วยจัดหาเงินกู้ร่วมเป็นวงเงิน 500 ล้านบาท ให้ซิงเกอร์เพื่อเอาไปใช้เป็นทุนหมุนเวียน
ส่วนในด้านของนโยบายนั้น เราก็มีการเสนอแนะความเห็นในที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเรื่องการซื้อที่ดินที่อำเภอเสนา
อยุธยา เพื่อย้ายไปตั้งโรงงานใหม่ เป็นต้น"
การที่ซิงเกอร์ขยายธุรกิจไปทำกิจการนายหน้าประกันชีวิตก็ด้วยความร่วมมือของเมืองไทยประกันชีวิต
อัจฉรีย์กล่าวว่า "ที่คิดอันนี้ขึ้นมาก็เพราะซิงเกอร์มี OUTLET อยู่ทั่วประเทศ
ซึ่งเป็นการง่ายมากที่จะขายบริการประเภทนี้"
แนวทางที่ซิงเกอร์ขยายมาอีกทางหนึ่งคือ การตั้ง ซิงเกอร์เทรดดิ้ง จุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นผู้รับผิดชอบผลิตภัณฑ์ใหม่
ๆ โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งซิงเกอร์จะทำการผลิตเองหรือหาสินค้าส่งออกป้อนตลาดต่างประเทศโดยอาศัยเงื่อนไข
ที่มีบริษัทซิงเกอร์อยู่ในประเทศทั้งแถบตะวันออกกลาง เอเชีย
โครงการล่าสุดที่ซิงเกอร์ริเริ่มไปบ้างแล้ว คือการย้ายโรงงานของบริษัทอุตสาหกรรมซิงเกอร์
(ประเทศไทย) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตของซิงเกอร์จากถนนสุนทรโกษา ไปไว้ที่ที่ดินเพิ่งซื้อมา
แล้วเนรมิตอาคารสำนักงานขึ้นบนที่ดินเดิม โดยจะรวมบรรดาสำนักงานของบริษัทในเครือทั้งหลายมาไว้ที่นี่
ขณะเดียวกัน ก็มีที่ว่างให้บรรดาบริษัทนำเข้า - ส่งออก และบริษัทเดินเรือทั้งหลาย
เช่าทำสำนักงาน
อาคารที่ว่าคือ SINGER TOWER ในอนาคตนั่นเอง!
หากจะกล่าวว่าซิงเกอร์ประสบความสำเร็จจากการปรับเปลี่ยนโฉมมาตลอดเวลา นับแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ผิดนัก
ประเด็นอยู่ที่คณะผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของซิงเกอร์ที่มีบทบาทให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด
ขณะที่ย้อนมามองสามชัยแล้ว 37 กว่าปีที่ผ่านมา เสมือนหนึ่งจะต้องมาเริ่มต้นกันใหม่
ก็ขึ้นอยู่กับธนสยามที่จะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสามชัยเหมือนกับที่ครั้งหนึ่งกสิกรฯ
เคยทำที่ซิงเกอร์