|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ด้วยวัย 47 “ล้วนชาย ว่องวานิช” ทายาทธุรกิจบริษัทขายยาอังกฤษตรางู ยังดูแข็งแรงและมุ่งมั่นแสวงหากระบวนทัศน์ใหม่ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกายและใจตลอดเวลา ศาสตร์และศิลป์เหล่านี้ไม่รู้จบ
ล่าสุด “จีรัง เฮลธ์ วิลเลจ” (Jirung Health Village) ที่อำเภอแม่ริม เชียงใหม่ ซึ่งเป็นผืนดินมรดกกว่า 75 ไร่ ที่แวดล้อมด้วยขุนเขา แมกไม้และสายน้ำ กลายเป็นศูนย์รวมวิถีธรรมชาติบำบัดสุขภาพแบบองค์รวมให้เกิดสมดุลทั้งกายและใจ พื้นที่ทุกตารางนิ้วออกแบบด้วยธีม “สุขภาวะ” ตั้งแต่ก้าวแรกที่แขกเข้ามาพักและใช้บริการ
เดิมเจ็ดปีที่แล้ว ที่ดินผืนนี้เคยเป็นอพาร์ตเมนต์ให้เช่าสำหรับฝรั่งที่มาทำงานให้กับโรงแรมโฟร์ซีซั่นที่เชียงใหม่ จากนั้นจึงมาเปลี่ยนเป็น “จีรัง รีสอร์ทแอนด์สปา” ก่อนจะกลายมาเป็น “จีรัง เฮลธ์ วิลเลจ” ล่าสุด ได้สร้างนวัตกรรมโปรแกรม Emotion Detoxification ล้างพิษทางอารมณ์ สำหรับผู้บริหารในพีระมิดแห่งจีรังด้วย โดยมีปาริตตา โปม่า รองประธาน กรรมการบริหาร จีรัง เฮลธ์ วิลเลจ เป็น Master ผู้สอนควบคู่กับณัฐพัชร์ วงศ์วรวัชร์ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบพีระมิดแห่งจีรังนี้ด้วย
“ผมใช้ที่นี่เป็นที่พักผ่อน ทรีตเมนต์ตัวเองและล้างพิษอารมณ์ตัวเอง ได้ดีมากในพีระมิดจีรัง ทำครึ่งชั่วโมงก็เคลียร์ เหมือนอาบน้ำวันละสองหน ที่ผมต้องทำทุกวัน” ล้วนชายเน้นถึงโปรแกรม emotion detox
เพราะทุกอารมณ์มีผลกระทบต่อทุกระบบทั้งประสาท ระบบต่อมไร้ท่อ และระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ตับ หัวใจ กระเพาะอาหาร ม้าม ไต ฯลฯ โดยเฉพาะโรคมะเร็งที่เกิดจากอารมณ์เครียดที่ไปลดภูมิคุ้มกันลง ทำให้เซลล์เนื้อร้ายแพร่ขยายเติบโตลุกลามได้
ดังนั้น การล้างพิษทางอารมณ์จึงมีหลักการว่า ต้องสร้างสมดุลของธาตุทั้งสี่ให้สามารถต้านทานแรงกระทบจากภายนอกได้และจัดการอารมณ์ ที่เป็นพลังงานที่เคลื่อนไหว หรืออัดแรงโกรธเกลียดกังวลที่หมักหมมตกค้าง ในจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกออกไป ด้วยพลังธรรมชาติบำบัดร่วมกับดนตรี บำบัดเบื้องต้น แบบได้ยินเสียงที่หู แต่รู้ที่ใจ
ก่อนจะล้างพิษทางอารมณ์ ทางจีรังจะให้ลูกค้าตอบแบบสอบถาม เพื่อจัดอาหารให้เหมาะสมกับธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และวัดความเครียด ด้วยเครื่องมือ ตรวจเม็ดเลือดแดง ผสานกับศาสตร์อายุรเวทร่วมวิเคราะห์พื้นฐาน
หลังจากนั้นเมื่อเข้าพีระมิดจีรัง จะมีวิธีปฏิบัติแต่ละขั้นๆ เริ่มจากคลายอารมณ์ในท่านั่งสมาธิ จากนั้นได้ยินดนตรีที่หูแล้วรู้ที่ใจ-หมุนตัวเอง ให้เกิดพลังงานสามารถตัดแรงดึงสนามแม่เหล็กได้เหมือนมอเตอร์ไซค์ไต่ถัง-เกิดกระแสพลังลมปราณไหลจากแรงหมุน-หัวใจสูบฉีดเร็วขึ้นเหมือนลูกข่างจนเกิดสมดุล เกิดแรงดันจากจิตสำนึกและลงไปจิตใต้สำนึก เกิดภาวะ อารมณ์ระบายออกมาสู่ภายนอกในรูปหัวเราะ ร้องไห้ อาเจียน รำพึงรำพัน ร้องรำทำเพลง-จิตใจสงบและผ่อนคลายปลอดโปร่ง
“คีย์เวิร์ดของการทำ emotion detox คือสร้างพลังลมปราณหรือที่ฝรั่งเรียกว่า bioelectric energy หรืออินเดีย เรียกพลังปราณ จีนเรียกชี่ พอเราหมุนวน มากขึ้นๆ พลังชี่จะเกิดขึ้น ยิ่งมาทำอยู่ใน พีระมิดจีรัง ซึ่งออกแบบจัดระเบียบพลังเส้นแรงแม่เหล็กจนเกิดเป็นศูนย์ พลังลม ปราณบริเวณแกนกลางพีระมิด ที่พลังหมุนวนที่จุดนั้นจนสามารถเจาะลึกในจิต เหมือนขุดบ่อน้ำบาดาล จะเจอชั้นดินตะกอน ก่อนจะเจอน้ำใส พอเรา detox อารมณ์ที่หมักหมมขับพิษออกมา ช่วยให้เซลล์แข็งแรงและมหัศจรรย์ที่ทำให้เกิดสุขภาวะทางอารมณ์ด้วย” ล้วนชายสรุปให้ แขกผู้มาเยือนฟังหลังเข้า Mind Oasis Program 3 วัน 2 คืน
กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ล้วนชายเล่าให้ฟังถึงภาวะเฉียดตายของเขา จากโรคหัวใจและตับเฉียบพลัน ทั้งๆ ที่ชีวิตตั้งแต่เด็ก เขาเกิดและเติบโตในธุรกิจเพื่อสุขภาพที่คุณปู่เป็นผู้สร้างห้างอังกฤษตรางูที่มีอายุ 118 ปี คุ้นเคยกับโรงยา หมอ เภสัช และซึมซับทั้งเรื่องยาและธรรมะ ที่คุณพ่อบุญยง ว่องวานิชได้อบรมบ่มนิสัยรักการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาตลอด แม้ต้องเดินทางไปศึกษาต่อที่ปีนังและสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วัยเยาว์ทั้งสี่พี่น้องก็ตาม
ปี 2531 ล้วนชายกลับเมืองไทยในยุคเศรษฐกิจฟองสบู่เกิดขึ้น คุณพ่อมอบหมายให้เขาดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ในขณะนั้นบูมมาก โดยเขามีก๊วนเพื่อนๆ ในกลุ่ม Young Executive ลูกหลานเจ้าสัวยุคนั้นสร้างโครงการใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นราวดอกเห็ด เพราะปัจจัยด้านเงินทุน ที่ธนาคารจูงใจให้ลูกค้าสามารถกู้ดอกเบี้ยต่ำได้จาก BIBF และสามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นเพื่อระดมทุนได้อีกด้วย
“เราพัฒนากันเยอะ จนกระทั่งฟองสบู่แตกในปี 1997 ผมจำได้ ว่าหลับไปแป๊บเดียว พอตื่นขึ้นมามีหนี้เพิ่ม 1,000 ล้านบาททันที ตอนนั้นเราไม่คิดว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาประเทศชาติด้วยวิธีอย่างนี้ แต่ที่ร้ายคือการปิด 56 ไฟแนนซ์ นั่นคือการฆ่าธุรกิจไทยทั้งหมด หลายบริษัทที่สร้างเสร็จพร้อมโอนก็ไม่ได้ ไม่มีเงินทุนก่อสร้างต่อ Cashflow ไม่มี มันจบเลย...”
วิบากกรรมครั้งวิกฤติเศรษฐกิจไทยครั้งนั้น ล้วนชายเล่าว่าต้องใช้เวลา 2-3 ปี เจรจา ประนีประนอมหนี้สำเร็จ แต่โชคดีที่ธุรกิจหลักด้านยาและสุขภาพของห้างขายยาอังกฤษตรางูไม่กระทบมากนัก
“ตอนนั้นผมอายุ 34-35 กำลังห้าวและลุย ต้องทำงานหนัก แก้ปัญหา นั่นคือ mode เดียวที่ชีวิตผมมี กินก็เหมือนไม่ได้กิน นอนก็เหมือนไม่ได้นอน ตรงนั้นคือจุดหักเห เพราะหลังจากตะลุมบอนปัญหาจนจบด้วยดี แต่ส่วนที่เสียไปคือสุขภาวะทางจิตและอารมณ์ กลายเป็นคนเครียด ไม่ออกกำลังกาย ขี้กังวล หยุดคิดไม่ได้และอาหารไม่ย่อย กลุ้มใจไม่รู้สาเหตุ ภูมิคุ้มกันอ่อนแอตกต่ำ ปวดเมื่อยตามร่างกาย นี่คือ simple symptom หรือโรค work too hard” ล้วนชายเล่าพลางหัวเราะเมื่อผ่านวัยฉกรรจ์ที่หนักหนาสาหัสมาได้
แต่ผ่านมาได้สามปี ในปี 2544 ล้วนชายมีอาการโรคหัวใจขณะอายุไม่ถึง 40 เขาได้ไปตรวจสุขภาพตามคำแนะนำของแพทย์แผนจีนซึ่งแมะสองครั้งสองครา พบว่าเขามีอาการโรคหัวใจไม่ดีนัก แต่เขาไม่เชื่อและอยาก ท้าพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ จึงไปตรวจที่โรงพยาบาล สมิติเวช
“วันนั้นเป็นวันที่ผมตกใจครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะคุณหมอไม่ให้กลับบ้าน บอกว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะและหนักพอสมควร เพราะข้างบนเต้น 200 กว่าแต่ข้างล่างเต้น 40-50 หมอบอกว่าถ้าเต้นผิดจังหวะ อย่างนี้จะทำให้เกิดฟองอากาศ และลิ่มเลือดมันจะขึ้นไปบล็อกสมอง ทำให้อัมพฤกษ์และอัมพาตได้ ซึ่งอันตรายมาก! หมอจึงสั่ง admit และนอนห้องไอซียู ผมถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น?”
แต่ถึงกระนั้น ล้วนชายก็ยังไม่พร้อมที่จะผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจตามคำแนะนำแพทย์ เขาตัดสินใจที่จะต่อรองและสัญญาว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันใหม่ให้ถูกต้อง ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าถ้าคุณทำได้ก็ยังไม่ต้องผ่าตอนนี้ก็ได้เพราะกล้ามเนื้อหัวใจยังดีอยู่
“แต่ผมก็กลับไปทำตัวเหมือนเดิม สัญญาไม่เป็นสัญญา ในที่สุดคุณหมอก็นัดถี่ขึ้นๆ และไม่นานนัก ผมก็ต้อง admit เข้าโรงพยาบาลรอบสอง หมอบอกว่าคราวนี้ต้องผ่าตัดแล้ว ผมก็ต่อรองไม่ยอมทำ หมอก็คงคิดว่าผมดื้อ จึงเซ็งและปล่อยกลับ ผมเริ่มคิดว่า ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง หมอต้องเอาจริงแน่เลย”
ด้วยพื้นฐานที่เกิดในธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ ล้วนชายจึงเริ่มเสาะหายาดี อาหารเสริมดีดีเข้ามาบำรุงร่างกายและสมอง กลายเป็น “นักบริโภคอาหารเสริมมืออาชีพ” ที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง
“เวลาผมไปต่างประเทศ จะกว้าน ซื้อวิตามินอาหารเสริมดีดี ในตู้เย็นของผมจะเต็มไปด้วยอาหารเสริมวางเรียงเป็นตับ มีหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งยาน้ำ ยาเม็ด ยาผง แคปซูล และโสมอย่างดี ผมทานอาหารเสริมทีหนึ่งเป็นกำๆ ผมเคยเชื่อแม้กระทั่ง มีคนบอกว่าว่านชักมดลูกดีนะ ผมไปซื้อมากินเองและเริ่มเบี้ยวไม่ไปตามนัดของหมอ” ล้วนชายหัวเราะเมื่อนึกถึง
ทุกสิ่งที่มากเกินไปมักมีคุณและโทษ ทำให้ล้วนชายต้องประสบภาวะเฉียดตายอย่างคาดไม่ถึง!
“ผ่านไปสองปี วันหนึ่งผมลุกไม่ขึ้นเลย แทบจะต้องหามส่งโรงพยาบาลด่วน เพราะตับอักเสบเฉียบพลัน คุณหมอตรวจเช็กว่าเป็นไวรัสตับอักเสบหรือไม่ และถามผมว่า ไปทานอะไรมา? ผมก็พรั่งพรูออกมาว่าทานอาหารเสริมและวิตามินมากมาย หมอบอกว่าอันตรายมากเลย เพราะของที่เข้าไปรวมในกระเพาะนั้นเป็นพิษต่อตับ หมอแนะให้หยุดทุกอย่างและพักอย่างเดียว พร้อมกับให้วิตามินอีมาบำรุง อาการตับมันรุนแรงมาก ผมทานอะไรก็อาเจียน ได้กลิ่นแล้วคลื่นไส้ตลอด”
แต่ที่ล้วนชายเศร้ามากที่สุดคือ อดทาแป้งอังกฤษตรางู ซึ่งเขาติดทาหลังอาบน้ำมาตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้ “เมื่อไรที่ภูมิต้านเรามันอ่อนแอ เลือดลมปราณ ธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟจะเสียสมดุล อาการของผมจะตัวร้อนตอนเย็นและอารมณ์หงุดหงิดมาก ทำให้อาการยิ่งทรุด และตัวยีนอ่อนแอที่ฝังดีเอ็นเอก็จะโผล่ สำหรับครอบครัวผมต้องระวังเรื่องหัวใจและมะเร็ง เพราะคุณแม่ผม คุณอา คุณลุงผมเสียเพราะมะเร็งทั้งหมด ส่วนคุณปู่และคุณพ่อก็เป็นโรคหัวใจ ผมเข้าใจว่าผมมียีนโรคหัวใจอยู่และความห่วยของเราเองที่ทำให้เกิดโรคตับด้วย”
ล้วนชายบอกว่าคนยุคใหม่จะรักษาโรคด้วยยา ซึ่งกลบเกลื่อนปกปิดบิดเบือนอาการ เช่น ตัวร้อนก็กินยา ปวดเมื่อยก็กินยาคลายกล้ามเนื้อ ไม่ได้แก้ที่สาเหตุจริงๆ จนกระทั่งร่างกายรับไม่ไหวก็จะระเบิดรุนแรง
“ปรากฏว่าอาการโรคตับของผมรุนแรงจนผมทนไม่ไหว เพราะตีสองตีสาม นอนไม่หลับ และคลื่นไส้อาเจียนที่โถส้วมประจำ จนกลายเป็นลัทธิบูชาส้วมทุกคืน จนกระทั่งผมรู้สึกทุเรศตัวเอง! ถามตัวเองว่าทำไมชีวิตเราต้องเป็นอย่างนี้ ผมมีคุณพ่อที่สอนเรา ผมมีความรู้ครบเครื่องจากเมืองนอก แต่ถึงเวลาความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ผมเลยเดินเข้าห้องพระ นั่ง สมาธิเพ่งมองพระพุทธรูปนานจนเกิดเสียงในใจขึ้นว่า คุณทำตัวเองและต้องเปลี่ยนตัวเองให้ได้”
ล้วนชายเปลี่ยนทัศนคติดูแลตัวเองใหม่ เริ่มต้น วางแผนเรื่องทานอาหารที่ปลอดสารพิษเช่นชีวจิต ออก กำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อน หาวิธีจัดการความเครียด สวดมนต์และนั่งสมาธิเป็นหลัก นี่คือ mode ชีวิตที่เขาฟอร์แมทกระบวนทัศน์การใช้ชีวิตประวันใหม่หมด
“ตอนนั้นผมไม่ทำงานเลย พักอยู่กับบ้านและใช้ mode ชีวิตแบบใหม่ไประยะหนึ่ง ร่างกายก็ค่อยๆ ฟื้น กลับคืนมาได้ ภาวะอ่อนแอลดลง ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น ผมก็เริ่มไปทำงานได้จากเช้าถึงบ่าย พอตกบ่าย ชักไม่ไหวก็กลับบ้านนอน เริ่มมองหาที่สัปปายะที่จะพักฟื้นจริงก็ได้ที่ทีจีรังเชียงใหม่แห่งนี้ อยู่กับธรรมชาติ ออกเดินก็ได้เหงื่อ อาหารก็ธรรมชาติ อาการโรคตับเริ่มหายไปเกือบ 100%”
จากประสบการณ์ภาวะเฉียดตายและหายจากโรคร้ายได้สำเร็จ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างล้วนชาย จึงตั้งใจจริงจังที่จะพัฒนาที่ดินผืนนี้ให้กลายเป็นศูนย์รวม การบำบัดรักษาเชิงพลังธรรมชาติบำบัด เดิมงานนี้เขาวางแผนลงทุน 400 ล้านบาท ที่จะว่าจ้างฝรั่งและแบรนด์เนมระดับโลกมาบริหาร ซึ่งสถาปนิกได้ออกแบบวิลล่า คลับเฮาส์และภูมิทัศน์รายรอบสวยงาม รวมทั้งสระว่ายน้ำหรูที่เรียกว่า infinity pool
“แต่...ผมเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เมื่อเขาสะกิดใจผมตอนที่คุยเรื่องเงินและความสำเร็จทาง ธุรกิจ โดยขอให้ผมเก็บวิชั่นเกี่ยวกับสปาสุขภาพที่ใช้หลักบำบัดด้วยธาตุสี่ดินน้ำลมไฟแบบตะวันออก เขาหัวเราะและบอกว่าผมมีหน้าที่เดียวคือดู จีเอ็มเขาจะดูแลยอดขายตามเป้าปีต่อปีว่าเท่าไรเอง ว่ามีกำไรอย่างไร นี่มันก็เหมือนรีสอร์ตนับพันนับหมื่นในโลกที่มีคนมากินมาเที่ยว กินเหล้า และอื่นๆ ที่ผมไม่รู้สึกว่ามีความหมาย ผมตัดสินใจอยู่ 2-3 วันเลิก ไม่ทำ และหันมาทำในสิ่งที่เราเชื่อและมั่นใจดีกว่า ที่ที่จะสร้างคลับเฮาส์ ผมก็สร้างหอธรรมให้มูลนิธิ รัศมีธรรมแทน”
ภายในสามปีที่ล้วนชายสร้างธุรกิจอุดมคตินี้ภายใต้ชื่อ “จีรัง เฮลธ์ วิลเลจ” เขาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงจากคนใกล้ตัว คือพนักงานจีรังที่มีทัศนคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพตัวเอง ลดการดื่มเหล้า เที่ยว และทะเลาะเบาะแว้งลงมาก หลังจากผ่านการฝึกอบรมแบบ inside-out ที่มีแรงจูงใจภายในอยากมีสุขภาพดี มีสมาธิ และรู้วิธีล้างพิษอารมณ์ด้วย emotion detoxi-fication ให้เกิดพลังสมดุลในกายและใจตัวเอง
“ชื่อจีรัง เฮลธ์ วิลเลจ ผมตั้งใจให้เป็นหมู่บ้านสุขภาพ จีรัง เพราะผมเห็นว่าคนของเราเหมือนคนในหมู่บ้านเดียวกัน ที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว มีวัฒนธรรมการกินอยู่ทั้งทางกาย และจิตที่ฝึกมาอย่างดี ลูกค้าก็คือแขกผู้มาเยือนที่เราอยากจะแนะนำ เขาให้รู้จักสิ่งดีๆ ในโซนต่างๆ ผมแบ่งเป็นโซนของกาย โซนของการเกษตรปลอดสารพิษ โซนออกกำลังกายโยคะ โซนของอารมณ์ emotional health ที่ตั้งของพีระมิดและหอธรรม”
โดยสรุป ล้วนชายมองมิติการดูแลสุขภาวะโดยองค์รวมไว้สามมิติ คือ หนึ่ง-มิติทางกายที่เกี่ยวข้องกับอาหารการกิน ออกกำลังกาย และใช้สมุนไพรปลอดสารพิษ
สอง-มิติของอารมณ์ แบบ inside-out ที่มีโปรแกรม Emotion Detoxification ภายในสถาปัตยกรรมพีระมิดเป็นสถานที่บำบัดล้างพิษอารมณ์ที่หมักหมมในจิตสำนึกและใต้สำนึกออกมา
สาม-มิติของจิตวิญญาณ ที่ต้องใช้การปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้น Detox ให้มิจฉาทิฐิ และกิเลสที่หมักหมมให้หมดไป
แม้ว่าล้วนชายจะมุ่งหวังให้จิรัง เฮลธ์ วิลเลจ เป็นทางเลือกหนึ่งของการบำบัดโรค ทางกาย ทางจิต และทางวิญญาณ แต่ในแง่ธุรกิจแล้ว จีรัง เฮลธ์ วิลเลจ สามารถรับแขก ผู้มาพักและทำทรีตเมนต์ได้จำกัด ดูจากวิลล่าที่แบ่งตามธาตุสี่มีอยู่เพียง 10 หลัง หลังละ 12,400 บาท และห้องชุดขนาดใหญ่ขนาด 140 ตร.ม. (Sauctuary Family Suite) 8 ห้องห้องละ 8,900 บาท และ 26 ห้องในโรงแรม โดยมีพนักงานที่มีทักษะความรู้และการจัดการเรื่องดูแลสุขภาพองค์รวมของลูกค้าคอยให้บริการ
“สถานที่นี้ตอบโจทย์คนที่ทุกข์กาย ทุกข์ใจ และทุกข์อารมณ์ ซึ่งเป็นความหนักที่เราแบกไว้ให้ได้ โดยให้พลังธรรมชาติของชีวิตและตนเองได้สมดุล และใช้พลังเคลียร์ล้างสิ่งที่เป็นพิษทางอารมณ์ที่หมักหมมในจิตใต้สำนึกให้ออกไป เวลาเราออกมาเผชิญโลกก็จะรับแรงกระทบได้ดีขึ้น ใจเบาสบายและสมาธิมั่นคง สติว่องไว แค่นี้ก็ช่วยลดทุกข์ได้บ้างแล้ว” นี่คือคำตอบสุดท้ายของชีวิตผู้บริหารอย่างล้วนชาย ว่องวานิชนี่เอง!
|
|
|
|
|