แม้เวลาจะล่วงเลยไปแล้ว 3 เดือน แต่ลิน ค็อก ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) คนใหม่ เธอยังมีภารกิจรออยู่ตรงหน้าอีกมาก

ลิน ค็อก เข้ามารับช่วงตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม เพื่อแทนมาร์ค เดวาเดสันที่ตัดสินใจไปรับตำแหน่งหัวหน้า สายงานองค์กรสัมพันธ์ประจำภูมิภาคของกลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ฮ่องกง

ตอนนั้นมาร์คบริหารงานอยู่ในเมืองไทยเพียง 2 ปีครึ่งเท่านั้น ขณะที่ตำแหน่ง ซีอีโอมีระยะเวลาทำงาน 4 ปี

ลิน ผู้บริหารรุ่นใหม่อายุเพียง 44 ปี เป็นคนมาเลเซีย แต่ไปเติบโตและเล่าเรียน หนังสือในประเทศแคนาดา เรียนจบการศึกษาด้านเศรษฐกิจและการเมืองจากมหาวิทยาลัยโทรอนโต ประเทศแคนาดา

เธอเริ่มเข้าสู่สายอาชีพด้านการเงิน ครั้งแรกในปี 2528 ร่วมงานกับธนาคารซิตี้แบงก์ในสายงานรับฝากสินทรัพย์ ก่อน ร่วมงานกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ในมาเลเซีย ปี 2540 มีประสบการณ์เป็นผู้บริหารระดับสูงในหลายสายงาน เช่น ด้านการขาย การประกอบกิจการร่วม และการฟื้นฟูธุรกิจให้กับธนาคาร The Canadian Imperial Bank of Commerce and the Chase Manhattan Bank ในเมืองโทรอนโต ฮ่องกง และสิงคโปร์

ลินร่วมงานกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมาเป็นเวลา 13 ปี และตำแหน่ง ล่าสุดเป็นกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าด้านกลยุทธ์และการพัฒนาองค์กรและผู้จัดการทั่วไป ประจำกรุงปักกิ่ง เป็นเวลา 7 ปี

ด้วยความรู้ ประสบการณ์ทำงานธุรกิจการเงิน เธอจึงถูกส่งตัวให้เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอในประเทศไทย และเธอเป็นซีอีโอคนที่ 5 ของธนาคารแห่งนี้ในเมืองไทย นอกจากนี้ยังเป็นซีอีโอหญิงคนที่ 3 ก่อนหน้านั้นมี 2 คนคือ แอนมารี เดอร์บิน และมีฮาร์ ฟู

เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ลินตัดสินใจ เข้ามารับตำแหน่งนี้ในเมืองไทย เธอบอกว่า เธอชอบประเทศไทยมาก (รวมถึงการชอปปิ้งตามตรอกซอกซอย จนไปถึงห้างสรรพสินค้าหรูหรา) อาจเป็นเพราะว่ามีความคุ้นเคยที่ได้ร่วมทำงานกับคนไทยก่อนหน้านี้

เมื่อปี 2544-2546 ได้เข้ามาเป็นส่วน หนึ่งในการดูแลควบรวมธุรกิจด้านลูกค้าองค์กรและสถาบันกับธนาคารนครธน ใน ขณะนั้นอยู่ในฐานะหัวหน้าฝ่ายลูกค้าองค์กรและสถาบัน

ในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ธนาคารเลือกโรงแรมสยามเคมพินสกี้ โรงแรมใหม่ของสยามพารากอนเปิดตัว อาจเป็นเพราะต้องการสื่อให้เห็นถึงความใหม่ ซึ่งแตกต่าง จากมาร์ค เดวาสัน ซีอีโอคนก่อนได้เลือกเปิดตัวที่โรงแรมดุสิตธานี ห้อง Library 1918 เพราะต้องการสื่อให้เห็นว่าธนาคาร แห่งนี้อยู่ในเมืองไทยมายาวนานถึง 111 ปี

ลินเป็นซีอีโอหญิงที่มีบุคลิกคล่อง แคล่ว ยิ้มง่าย สนุกสนาน และทีมงานเอ่ย ปากว่าเป็นผู้บริหารที่มีมุมมองด้านธุรกิจเด่นชัด และจากนี้จะได้เห็นกิจกรรมของธนาคารมากขึ้น

แต่การกลับมาใหม่ในฐานะซีอีโอของลิน เป็นเรื่องท้าทายไม่น้อย หลังจากที่ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ได้รับผลพวงจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ส่งผลให้พนักงานและผู้บริหารบางส่วนได้ลาออกไป โดยเฉพาะผู้บริหารธุรกิจเอส เอ็มอี นอกจากนี้ยังรวมถึงได้สูญเสียทีมงานขายระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ทำให้ธนาคารต้องดึงผู้บริหารภายในเข้ามาร่วม งาน ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวจึงทำให้ธนาคารต้องใช้เวลาในการสร้างกำลังคนช่วงระยะเวลาหนึ่ง

การแข่งขันระหว่างสถาบันการเงิน ที่เข้มข้นระหว่างสถาบันการเงินจากต่างประเทศด้วยกัน เช่น HSBC หรือซิตี้แบงก์ รวมถึงสถาบันการเงินในประเทศที่มีต่างประเทศถือหุ้นใหญ่ เช่น ธนาคารกรุงศรี อยุธยา กลุ่มจีอีถือหุ้น ธนาคารทหารไทยมี กลุ่มธนาคารไอเอ็นจี ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถือหุ้นหลัก ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยจากประเทศมาเลเซียถือหุ้นใหญ่

แต่ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ยังมั่นใจว่า ธนาคารอยู่ในฐานะธนาคารระดับโลกให้บริการอยู่ใน 71 ประเทศ เป็นเครือข่ายที่สามารถช่วยเหลือ ลูกค้าได้ทั่วโลก ทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา เอเชียแปซิฟิก

จากจุดเด่นดังกล่าว เธอยังเดินตามนโยบายของบริษัทแม่อย่างเด่นชัด ลูกค้าของธนาคารจะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ และองค์กรขนาดใหญ่ ส่วนในเมืองไทยบริการด้านการเงินของธนาคารจะเน้นกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ซึ่งลินเรียกว่า elephant due

ด้วยสภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น การบริหารงานต้องฉลาดขึ้น และสร้างความสมดุลให้กับธุรกิจทุกด้านเพื่อกระจายความเสี่ยง และกุญแจสำคัญหนึ่งที่จะนำมาใช้บริการทางด้านการเงินก็คือ นำระบบ Net Promoter Scores: NPS คือการวัดจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจากการแนะนำลูกค้าใหม่

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ภายใต้การขับเคลื่อนของลิน จะน่าตื่นเต้นเหมือนดังที่ทีมงานกล่าวถึงหรือไม่ เป็นเรื่องน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง