|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งที่ 2 ของเวียดนาม อาจถูกย้ายสถานที่ก่อสร้างเพื่อหลีกทางให้กับการพัฒนาการท่องเที่ยว ขณะที่หลายประเทศกำลังแย่งชิงเค้กกอนโตในประเทศนี้ ตามแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ได้ 10 แห่ง ภายในปี 2573
BBC ภาคภาษาเวียดนาม รายงาน เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า จังหวัด นิญเถวิ่นเพิ่งเสนอรัฐบาลให้ย้ายที่ตั้งจุดก่อสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งที่ 2 ในจังหวัดนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความกังวลว่าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะล่าช้า
หนังสือพิมพ์เวียดนาม นำเสนอข่าวว่าแกนนำจังหวัดนิญเถวิ่น ส่งหนังสือด่วนเสนอให้ปรับปรุงทำเลโรงงานไปทางทิศใต้แทนที่ทางทิศเหนือของจังหวัด เหมือนในแผนผังปัจจุบันตามที่รัฐสภาอนุมัติ
ดังนั้นโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้ง 2 แห่งในอนาคตจะตั้งอยู่ทางทิศใต้จังหวัดนิญเถวิ่น
เหตุผลเป็นเพราะถ้าตั้งอยู่ที่เดิมตาม แผนผัง ก็ยากที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวทางทิศเหนือนิญเถวิ่น
แกนนำจังหวัดนี้กล่าวว่ากองทุนที่ดินทิศเหนือจังหวัดได้ “สงวนไว้เพื่อเชิญชวนให้ลงทุนพัฒนาด้านการท่องเที่ยว”
ตามแผนผังที่ได้รับอนุมัติ โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์หมายเลข 1 จะตั้งอยู่ที่ตำบลเฟือกยิญ อำเภอเถวิ่นนาม อยู่ทางทิศใต้ และโรงงานหมายเลข 2 จะตั้งอยู่ที่ตำบลหวิญหาย อำเภอเถวิ่นบั๊ก ทางทิศเหนือจังหวัด
โรงงานหมายเลข 1 ประกอบด้วยเครื่องจักร 2 ชุดมีกำลังผลิตไฟฟ้า 2,000 เมกะวัตต์ จะก่อสร้างในปี 2557 จนแล้วเสร็จในปี 2563
หนังสือด่วนของจังหวัดนิญเถวิ่นเขียนว่า ทั้ง 2 โรงงานสามารถตั้งอยู่ด้วยกันในสถานที่เดียวกัน เนื่องจากที่ดินยังเหลือกว้าง ประชาชนอาศัยอยู่น้อย เหมาะสมเพื่อการก่อสร้าง
ปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรมการค้าเวียดนาม กำลังพิจารณาคำขอของแกนนำจังหวัดนิญเถวิ่น เพื่อรายงานรัฐบาลต่อไป
อย่างไรก็ดี วงการผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าการปรับปรุงทำเลเวลานี้จะก่อให้เกิดความล่าช้าที่สุดให้กับโครงการ
รัฐสภาได้อนุมัติแผนผังก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าครั้งแรกของเวียดนามตั้งแต่ปีที่แล้ว และกำลังดำเนินการเคลื่อนย้ายประชาชน
กลุ่ม Rosatom ของรัฐบาลรัสเซียได้รับเลือกเพื่อให้ก่อสร้างโรงงานแห่งแรก
ก่อนหน้านี้ ประธานประเทศเวียดนาม เหงียน มิญ เตรี๊ยต เพิ่งมีการพบ แกนนำกลุ่มพลังงาน Rosatom ของรัสเซีย ที่จังหวัดนิญเถวิ่น
หนังสือพิมพ์ภายในประเทศ รายงานว่าการพบระหว่างประธานเหงียน มิญ เตรี๊ยต และ Sergei Kirienko ประธาน Rosatom มีขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา
Kirienko กล่าวว่า Rosatom จะ “ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์เวียดนามก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมบำรุงความรู้เจ้าหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญ วิศวกร ให้กับโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์”
สองฝ่ายก็จะก่อตั้งสถาบันวิจัยเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ ฝ่ายรัสเซียยืนยันจะพยายามร่วมมือ “เพื่อก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ทันสมัยที่สุดและปลอดภัยที่สุด”
ทางฝ่ายเหงียน มิญ เตรี๊ยต ประธานประเทศเวียดนาม กล่าวว่า เขาหวังว่า “ผู้เชี่ยวชาญรัสเซียจะช่วยเหลือเวียดนามเกี่ยวกับทุนและเทคนิค ที่เป็นพิเศษคือการฝึกอบรมแหล่งกำลังคน การแนะนำ และการถ่ายทอดเทคโนโลยี”
โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์นิญ เถวิ่นจะเริ่มก่อสร้างในปี 2557 และเดินเครื่องในปี 2563 ด้วยทุนที่ไม่เปิดเผย แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญประเมินคร่าวๆ ว่าประมาณ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทลูกของ Rosatom คือ Atomstroyexport จะรับผิดชอบกระบวนการก่อสร้างโรงงาน และอีกบริษัทหนึ่งคือ Rosenergoatom จะรับผิดชอบฝึกอบรมพนักงาน และช่วยเหลือทางเทคนิคขณะโรงงานเดินเครื่อง
เวียดนามมีความปรารถนาพัฒนาเทคโนโลยีไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ประกอบ ด้วย 10 โรงงานตั้งอยู่หลายแหล่งในทั่วประเทศ
นอกจากรัสเซียแล้ว สหรัฐฯ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ก็ได้แสดงความสนใจเข้ามามีส่วน ร่วมในโครงการที่มีมูลค่าสูงมากเหล่านี้
ความต้องการพลังงานของเวียดนาม เพิ่มขึ้นประมาณ 16% ต่อปี ตั้งแต่เวลานี้ถึงปี 2558 จึงเรียกร้องให้เพิ่มแหล่งพลังงาน ใหม่มากขึ้น
ฮานอยได้ลงนามตกลงร่วมมือพลังงานนิวเคลียร์กับรัสเซีย จีน ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ อินเดีย และอาร์เจนตินา
เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว รัฐสภาเวียดนามอนุมัติโครงการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 แห่งแรกของเวียดนามที่ จังหวัดนิญเถวิ่น โดยมีกลุ่ม Rosatom จากรัสเซียเป็นผู้ดำเนินการ
ในเวลาใกล้เคียงกับที่ประธานประเทศเวียดนามได้พบกับตัวแทนของ Rosatom ผู้แทนญี่ปุ่นคณะหนึ่งก็กำลังอยู่ที่นครฮานอยเพื่อรณรงค์รัฐบาลเวียดนามอนุญาตให้ความร่วมมือในโครงการก่อสร้าง โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์
หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น Yomiuri รายงาน เมื่อปลายเดือนสิงหาคมว่า ผู้แทนคณะนี้มีตัวแทนของทั้งรัฐบาลและวงการธุรกิจญี่ปุ่น ประกอบด้วยแกนนำระดับสูงจากหลายบริษัทไฟฟ้ากำลังชั้นนำของญี่ปุ่น นำโดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ-การค้า-อุตสาหกรรม Masayuki Naoshima
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้กล่าวว่าการปรากฏตัวของคณะผู้แทนชุดนี้แสดงถึงความสนใจอย่างยิ่งของญี่ปุ่นถึงการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในเวียดนาม
บรรดาผู้แทนชี้แจงกับฝ่ายเวียดนาม โดยไม่เพียงเสนอแผนการก่อสร้างและเดินเครื่องโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ แต่ยังรวมทั้งแผนการช่วยเหลือด้านการเงินและการพัฒนากำลังคนควบคู่ไปกับโครงการต่างๆ
Naoshima และตัวแทนทั้งหลายได้มีการพบกับบรรดาเจ้าหน้าที่เวียดนาม ตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรีเหงียน เติ๊น หยุง รวมถึงแกนนำคนอื่นๆ
Naoshima กล่าวว่า “พวกผมได้ส่งสัญญาณหนักแน่นถึงฝ่ายเวียดนาม ผมคิดว่าฝ่ายเวียดนามเข้าใจความปรารถนาของพวกผม”
การแข่งขันชิงการเป็นผู้ดำเนินการโครงการไฟฟ้านิวเคลียร์ในเวียดนาม กำลังเป็นความเร่งด่วนของรัฐบาล Naoto Kan
บรรดาบริษัทและกลุ่มในคณะครั้งนี้ มีบริษัท Tokyo Electric Power, Chubu Electric Power, Kansai Electric Power, tap doan Hitachi, Mitsubishi Heavy Industries และกลุ่ม Toshiba
บริษัทเหล่านี้สามารถรับหน้าที่ทั้งขั้นตอนก่อสร้างพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ในเวียดนาม ตั้งแต่การก่อสร้างโรงงานถึงการซ่อมบำรุง
ดูเหมือนความพยายามรณรงค์ของคณะญี่ปุ่นได้ผล
ในการพบปะกับ Naoshima นายก รัฐมนตรีเวียดนาม เหงียน เติ๊น หยุง กล่าวว่า “เวียดนามสรรเสริญความร่วมมือช่วยเหลือ และความปลอดภัยของเทคโนโลยีญี่ปุ่นในขอบเขตไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์”
หยุงยังแสดงความหวังว่า สองประเทศจะ “ถกแถลงโดยเร็วเพื่อก้าวสู่การลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับการพัฒนาการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อวัตถุประสงค์ทางสันติ”
การที่เวียดนามและญี่ปุ่นยังไม่ลงนามข้อตกลงนี้ เป็นการขัดขวางที่สำคัญให้กับความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและอุปกรณ์ไฟฟ้านิวเคลียร์ระหว่างสองฝ่าย
บรรดาชาติที่กำลังเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เช่น รัสเซีย ฝรั่งเศส และเกาหลีใต้ ต่างก็ได้ลงนามข้อตกลงที่คล้ายคลึงกันกับรัฐบาลเวียดนามไปแล้ว
ฝ่ายญี่ปุ่นต้องการเริ่มต้นเจรจาข้อตกลงตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับการตกลงใดๆ จากฝ่ายเวียดนาม
บรรดาธุรกิจญี่ปุ่นก็ให้ความเห็นว่า การที่คณะแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์จะมีการเปลี่ยนแปลงในต้นปีหน้า อาจทำให้การพิจารณาต่างๆ และการตัดสินใจเกี่ยวกับการประกอบการล่าช้าตามมา
เวียดนามกำลังมีแผนการก่อสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 4 แห่งก่อนปี 2557
สัญญาก่อสร้างเตา 2 แห่งแรกไปอยู่ ในมือรัสเซีย ภายหลังการเยือนมอสโกของนายกรัฐมนตรีเวียดนามเมื่อปลายปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ฮานอยอยากมีเตาปฏิกรณ์เพิ่มอีก 10 แห่งก่อนปี 2573
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในคณะญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นไม่อาจปล่อยให้สูญเสียบรรดาสัญญาก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในเอเชีย ซึ่งรวมถึงในเวียดนาม
|
|
|
|
|