กลุ่มธนาคารซีไอเอ็มบี สัญชาติมาเลเซีย ประกาศยุทธศาสตร์ชัดเจนว่าจะเป็นผู้เล่นในฐานะธนาคารภูมิภาคอาเซียน แผนธุรกิจมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นหลังจากธนาคารในแต่ละประเทศเริ่มเชื่อมโยงกัน
การขยายเครือข่ายของธนาคารซีไอเอ็มบี ออกไปต่างประเทศ เพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ นั้นเป็นเพราะว่าส่วนหนึ่งประเทศมาเลเซียมีเศรษฐกิจขนาดเล็ก ด้วยข้อจำกัดดังกล่าวจึงทำให้บริษัทหลายๆ แห่งต้องออกไปแข่งขันในต่างประเทศ
กลุ่มธนาคารซีไอเอ็มบีเป็นธนาคารขนาด ใหญ่อันดับสองในประเทศมาเลเซีย มีมูลค่าการตลาด 5 แสนล้านบาท และเป็นธนาคารที่มีสถาบันการเงินที่ทำธุรกิจ 3 ส่วนหลัก คือ CIMB Bank, CIMB Investment Bank และ CIMB Islamic
CIMB Bank ดำเนินธุรกิจด้านธนาคารพาณิชย์ของกลุ่ม ขณะที่ CIMB Islamic ดำเนิน ธุรกิจด้านการเงินและการธนาคารอิสลามในระดับโลก ซึ่งทั้ง CIMB Bank และ CIMB Islamic ให้บริการธุรกิจรายย่อย (Retail Banking) บนระบบธนาคาร 2 ระบบควบคู่กัน โดยมีลูกค้ารายย่อยมากกว่า 4.7 ล้าน คนใน 367 สาขาทั่วประเทศมาเลเซีย
ขนาดธุรกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองในประเทศมาเลเซีย กลุ่มซีไอเอ็มบีมีขนาดสินทรัพย์ของธุรกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ในภูมิภาคอาเซียน จึงทำให้ธนาคารแห่งนี้ประกาศเจตนารมณ์เป็นธนาคารระดับภูมิภาคอาเซียน โดยมีดาโต๊ะ ศรี นาเซียร์ ราซัค ประธานบริหารกลุ่มซีไอเอ็มบีเป็นผู้ขับเคลื่อนและกำหนดยุทธศาสตร์
ภายใต้ยุทธศาสตร์ regional bank การดำเนินงานจะอยู่ภายใต้ปรัชญา Multi Local Group คือใช้นโยบายบริหารการจัดงานระดับภูมิภาค และธนาคารในเครือบริหารงานในรูปแบบ Local Bank
รูปแบบ Local Bank คือการดึงผู้บริหารในแต่ละประเทศเข้ามาบริหาร และแต่งตั้งคณะกรรมการในประเทศนั้นๆ เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์เข้าใจตลาด ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น
กลุ่มซีไอเอ็มบีกำหนดบทบาทตนเองให้เป็นธนาคารระดับภูมิภาค (regional bank) เพราะธนาคารซีไอเอ็มบีเป็นสถาบันการเงินในเอเชีย ทำงานโดยคนเอเชีย ดังนั้น วิถีการทำงานหรือแนวคิด รวมไปถึงวัฒนธรรมคนเอเชียไม่แตกต่างกันมากนัก
ซีไอเอ็มบีจึงหาจุดยืนให้กับตนเอง โดยไม่คิดจะแข่งขันกับแบงก์ขนาดใหญ่ที่มีทุนให้บริการได้ทั่วโลก เหมือนดังธนาคาร HSBC สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดหรือซิตี้แบงก์
การวางตำแหน่งของธนาคารซีไอเอ็มบี ในฐานะธนาคารระดับภูมิภาคจะไม่เกิดขึ้นเลย หากธนาคารมีเพียงแนวคิดเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นในสถาบันการเงินในต่างประเทศ และเน้นทำตลาดใน ประเทศเหล่านั้นเพียงอย่างเดียว
สุภัค ศิวะรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) แสดงความเห็นกับ ผู้จัดการ 360° เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของธนาคารซีไอเอ็มบีว่า ธนาคารซีไอเอ็มบีเริ่มต้นมาจากธนาคารกึ่งวาณิช มีการขยายตัวมาเรื่อยๆ ในมาเลเซีย และเป็นธนาคารอันดับสอง ต่อมาข้ามไปซื้อลงทุนธนาคารในอินโดนีเซียมีสาขา 700 แห่งมากกว่ามาเลเซีย มี 350 สาขา ไทยมี 150 สาขา เบ็ดเสร็จมีประมาณ 1 พันกว่าสาขา และสิงคโปร์มี 2 สาขา ที่เขาทำอย่างนั้นเพราะมองว่าตัวตลาดในมาเลเซียเล็กและแคบ และวิธีการขยายไปนอกประเทศภูมิลำเนาเดียวกัน เป็นการต่อยอดธุรกิจ
การขยับขยายธุรกิจของซีไอเอ็มบีเริ่มชัดมากขึ้นในภูมิภาค อาเซียน โดยเฉพาะใน 4 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย
และยิ่งก่อเกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น เมื่อกลุ่มซีไอเอ็มบีได้ประกาศบริการ CIMB ATM Regional Link บริการเอทีเอ็มข้ามพรมแดนผ่าน 4 ประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และไทย ในฐานะรายแรกของอาเซียน
การเปิดโอกาสให้ลูกค้าซีไอเอ็มบีใน 4 ประเทศสามารถพกพาบัตรเอทีเอ็มไปใช้ใน 4 ประเทศ และเบิกเป็นเงินสดสกุลใน ประเทศนั้นๆ เช่น เบิกเงินผ่านตู้เอทีเอ็มในประเทศอินโดนีเซียได้ สกุลเงินเป็นรูเปีย หรือสกุลเงินริงกิตในมาเลเซีย และเครื่องเอทีเอ็มสามารถแจ้งผลยอดเงินคงเหลือเป็นสกุลเงินที่เบิกในประเทศเหล่านั้น ลูกค้าธนาคารสามารถเบิกเงินสดผ่านเครื่องตู้เอทีเอ็ม 3,750 เครื่อง โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
การไม่เก็บค่าธรรมเนียมบริการเอทีเอ็ม ข้ามประเทศ ธนาคารซีไอเอ็มบีได้แสดงให้เห็น ถึงข้อแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับการเบิกเงินสด ผ่านเอทีเอ็มภายในประเทศ เพราะในปัจจุบันเอทีเอ็มในประเทศไทยเก็บค่าธรรมเนียมเฉลี่ย 25 บาท เมื่อเบิกเงินผ่านตู้เอทีเอ็มในต่างจังหวัด
แม้สุภัคจะบอกว่า CIMB ATM Regional Link คือการจัด รายการกึ่งโปรโมชั่นก็ตาม แต่เขาก็ยอมรับว่าบริการดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนความเป็นอาเซียนแบงก์ของซีไอเอ็มบี
ทว่าการออกบริการต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงในแต่ละประเทศนั้น กลุ่มซีไอเอ็มบีต้องพิจารณากฎหมายและกฎของแบงก์ชาติแต่ละประเทศด้วย เหมือนดังเช่นบริการ ATM Regional Link จะต้องกดเงินสดไม่เกินตามแบงก์ชาติกำหนด เหมือนในประเทศไทยห้ามกดเอทีเอ็มเกิน 2-4 หมื่นบาทต่อวัน เป็นกฎเกณฑ์ที่ธนาคารจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในแต่ละประเทศ
จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับธนาคารไม่น้อยที่จะต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ของแบงก์ชาติทั้ง 4 แห่ง ใน 4 ประเทศ!!
บริการ ATM Regional Link เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นระบบการทำงานของกลุ่มธนาคารซีไอเอ็มบีสามารถร่วมมือกันได้ในระดับภูมิภาค
ผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านการเงินใหม่ๆ ที่เกิดจากการออกแบบจากธนาคารแม่ในมาเลเซีย จะเป็นอีกบริการหนึ่งที่นำไปใช้เชื่อมโยงธุรกิจในต่างประเทศ เช่น CIMB Preferred ลูกค้าที่เปิดบัญชีตั้งแต่ 3 ล้านบาท จะได้รับคำปรึกษาทางด้านการลงทุน และได้รับข้อเสนอผลิตภัณฑ์และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือเพิ่มความคล่องตัวให้กับลูกค้ากรณีเดินทางไปต่างประเทศ เช่น ลูกค้า จะต้องเดินทางไปอินโดนีเซียสามารถเปิดบัญชีล่วงหน้าได้
บริการดังกล่าวให้บริการครอบคลุม 4 ประเทศ จากเชียงรายจนถึงบาหลี 1,150 สาขา ลูกค้าที่ใช้บริการนี้จะได้รับการดูแลเหมือนกันทุกประเทศ
การยึดหลักการทำงานภายใต้ปรัชญา Multi Local เพื่อเชื่อมโยงบริการธุรกิจการเงินให้เป็นหนึ่งเดียวกัน จะมีระบบไอทีเปรียบเสมือนถนนหลักที่ทำให้ธนาคารในแต่ละประเทศสามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น และเป็นมาตรฐานเดียวกัน
กลุ่มซีไอเอ็มบีได้ทุ่มเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้างระบบ core banking ขึ้นมาใหม่เพื่อให้ข้อมูลของทั้ง 4 ประเทศสื่อสารกันได้ ซึ่งระบบ ไอทีนี้เรียกว่า 1 Platform จะใช้เวลาดำเนินงาน 5 ปี และระบบไอทีจะถูกสร้างขึ้นที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ขณะนี้ได้มีเจ้าหน้าที่จากอินโด นีเซีย มาเลเซียเข้ามาทำงานร่วม 200 คน และระบบแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยระบบดังกล่าวเป็นการลงทุน ครั้งใหญ่ของกลุ่มซีไอเอ็มบี
การเดินทางของธนาคารกลุ่มซีไอเอ็มบี เพื่อเป็นธนาคารระดับภูมิภาคในอาเซียน เริ่มแสดงผลลัพธ์ออกมาทางผลกำไรในครึ่งปีแรกของปีนี้
กลุ่มซีไอเอ็มบีมีกำไรจากดำเนินงานในครึ่งปีแรก 17,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.2 และประเทศอินโดนีเซียทำกำไรสูงสุดร้อยละ 40 ของกำไรรวม ส่วนประเทศไทยธนาคารคาดหวังว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้าจะสามารถสร้างกำไรให้กับกลุ่มร้อยละ 10 ขณะที่ปัจจุบันธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทยมีกำไรในครึ่งปีแรก 713.99 ล้านบาท มีรายได้ 4,327.74 ล้านบาท
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารถึงกับเอ่ยปากว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าธนาคารเริ่มมีกำไรเมื่อปี 2552 เป็นครั้งแรก หลังจากขาดทุนติดต่อกันมา หลายปี
สำหรับโครงสร้างรายได้ของกลุ่มธนาคารซีไอเอ็มบี รายได้จากประเทศอินโดนีเซียมาจากการปล่อยสินเชื่อ และขายผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงิน ส่วนมาเลเซีย รายได้มาจากกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจและค้าเงิน ส่วนประเทศไทยรายได้เกิดจากวาณิชธนกิจ ค้าเงิน และค่าธรรมเนียม
ดูเหมือนว่ากลุ่มซีไอเอ็มบีกำลังเดิน หน้าอย่างเต็มที่เพื่อยกระดับให้เป็นธนาคาร ระดับภูมิภาคอย่างสมบูรณ์แบบ
การขยายเครือข่ายของธนาคารซีไอเอ็มบี ออกไปต่างประเทศ เพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ นั้นเป็นเพราะว่าส่วนหนึ่งประเทศมาเลเซียมีเศรษฐกิจขนาดเล็ก ด้วยข้อจำกัดดังกล่าวจึงทำให้บริษัทหลายๆ แห่งต้องออกไปแข่งขันในต่างประเทศ
กลุ่มธนาคารซีไอเอ็มบีเป็นธนาคารขนาด ใหญ่อันดับสองในประเทศมาเลเซีย มีมูลค่าการตลาด 5 แสนล้านบาท และเป็นธนาคารที่มีสถาบันการเงินที่ทำธุรกิจ 3 ส่วนหลัก คือ CIMB Bank, CIMB Investment Bank และ CIMB Islamic
CIMB Bank ดำเนินธุรกิจด้านธนาคารพาณิชย์ของกลุ่ม ขณะที่ CIMB Islamic ดำเนิน ธุรกิจด้านการเงินและการธนาคารอิสลามในระดับโลก ซึ่งทั้ง CIMB Bank และ CIMB Islamic ให้บริการธุรกิจรายย่อย (Retail Banking) บนระบบธนาคาร 2 ระบบควบคู่กัน โดยมีลูกค้ารายย่อยมากกว่า 4.7 ล้าน คนใน 367 สาขาทั่วประเทศมาเลเซีย
ขนาดธุรกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองในประเทศมาเลเซีย กลุ่มซีไอเอ็มบีมีขนาดสินทรัพย์ของธุรกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ในภูมิภาคอาเซียน จึงทำให้ธนาคารแห่งนี้ประกาศเจตนารมณ์เป็นธนาคารระดับภูมิภาคอาเซียน โดยมีดาโต๊ะ ศรี นาเซียร์ ราซัค ประธานบริหารกลุ่มซีไอเอ็มบีเป็นผู้ขับเคลื่อนและกำหนดยุทธศาสตร์
ภายใต้ยุทธศาสตร์ regional bank การดำเนินงานจะอยู่ภายใต้ปรัชญา Multi Local Group คือใช้นโยบายบริหารการจัดงานระดับภูมิภาค และธนาคารในเครือบริหารงานในรูปแบบ Local Bank
รูปแบบ Local Bank คือการดึงผู้บริหารในแต่ละประเทศเข้ามาบริหาร และแต่งตั้งคณะกรรมการในประเทศนั้นๆ เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์เข้าใจตลาด ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น
กลุ่มซีไอเอ็มบีกำหนดบทบาทตนเองให้เป็นธนาคารระดับภูมิภาค (regional bank) เพราะธนาคารซีไอเอ็มบีเป็นสถาบันการเงินในเอเชีย ทำงานโดยคนเอเชีย ดังนั้น วิถีการทำงานหรือแนวคิด รวมไปถึงวัฒนธรรมคนเอเชียไม่แตกต่างกันมากนัก
ซีไอเอ็มบีจึงหาจุดยืนให้กับตนเอง โดยไม่คิดจะแข่งขันกับแบงก์ขนาดใหญ่ที่มีทุนให้บริการได้ทั่วโลก เหมือนดังธนาคาร HSBC สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดหรือซิตี้แบงก์
การวางตำแหน่งของธนาคารซีไอเอ็มบี ในฐานะธนาคารระดับภูมิภาคจะไม่เกิดขึ้นเลย หากธนาคารมีเพียงแนวคิดเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นในสถาบันการเงินในต่างประเทศ และเน้นทำตลาดใน ประเทศเหล่านั้นเพียงอย่างเดียว
สุภัค ศิวะรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) แสดงความเห็นกับ ผู้จัดการ 360° เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของธนาคารซีไอเอ็มบีว่า ธนาคารซีไอเอ็มบีเริ่มต้นมาจากธนาคารกึ่งวาณิช มีการขยายตัวมาเรื่อยๆ ในมาเลเซีย และเป็นธนาคารอันดับสอง ต่อมาข้ามไปซื้อลงทุนธนาคารในอินโดนีเซียมีสาขา 700 แห่งมากกว่ามาเลเซีย มี 350 สาขา ไทยมี 150 สาขา เบ็ดเสร็จมีประมาณ 1 พันกว่าสาขา และสิงคโปร์มี 2 สาขา ที่เขาทำอย่างนั้นเพราะมองว่าตัวตลาดในมาเลเซียเล็กและแคบ และวิธีการขยายไปนอกประเทศภูมิลำเนาเดียวกัน เป็นการต่อยอดธุรกิจ
การขยับขยายธุรกิจของซีไอเอ็มบีเริ่มชัดมากขึ้นในภูมิภาค อาเซียน โดยเฉพาะใน 4 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย
และยิ่งก่อเกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น เมื่อกลุ่มซีไอเอ็มบีได้ประกาศบริการ CIMB ATM Regional Link บริการเอทีเอ็มข้ามพรมแดนผ่าน 4 ประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และไทย ในฐานะรายแรกของอาเซียน
การเปิดโอกาสให้ลูกค้าซีไอเอ็มบีใน 4 ประเทศสามารถพกพาบัตรเอทีเอ็มไปใช้ใน 4 ประเทศ และเบิกเป็นเงินสดสกุลใน ประเทศนั้นๆ เช่น เบิกเงินผ่านตู้เอทีเอ็มในประเทศอินโดนีเซียได้ สกุลเงินเป็นรูเปีย หรือสกุลเงินริงกิตในมาเลเซีย และเครื่องเอทีเอ็มสามารถแจ้งผลยอดเงินคงเหลือเป็นสกุลเงินที่เบิกในประเทศเหล่านั้น ลูกค้าธนาคารสามารถเบิกเงินสดผ่านเครื่องตู้เอทีเอ็ม 3,750 เครื่อง โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
การไม่เก็บค่าธรรมเนียมบริการเอทีเอ็ม ข้ามประเทศ ธนาคารซีไอเอ็มบีได้แสดงให้เห็น ถึงข้อแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับการเบิกเงินสด ผ่านเอทีเอ็มภายในประเทศ เพราะในปัจจุบันเอทีเอ็มในประเทศไทยเก็บค่าธรรมเนียมเฉลี่ย 25 บาท เมื่อเบิกเงินผ่านตู้เอทีเอ็มในต่างจังหวัด
แม้สุภัคจะบอกว่า CIMB ATM Regional Link คือการจัด รายการกึ่งโปรโมชั่นก็ตาม แต่เขาก็ยอมรับว่าบริการดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนความเป็นอาเซียนแบงก์ของซีไอเอ็มบี
ทว่าการออกบริการต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงในแต่ละประเทศนั้น กลุ่มซีไอเอ็มบีต้องพิจารณากฎหมายและกฎของแบงก์ชาติแต่ละประเทศด้วย เหมือนดังเช่นบริการ ATM Regional Link จะต้องกดเงินสดไม่เกินตามแบงก์ชาติกำหนด เหมือนในประเทศไทยห้ามกดเอทีเอ็มเกิน 2-4 หมื่นบาทต่อวัน เป็นกฎเกณฑ์ที่ธนาคารจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในแต่ละประเทศ
จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับธนาคารไม่น้อยที่จะต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ของแบงก์ชาติทั้ง 4 แห่ง ใน 4 ประเทศ!!
บริการ ATM Regional Link เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นระบบการทำงานของกลุ่มธนาคารซีไอเอ็มบีสามารถร่วมมือกันได้ในระดับภูมิภาค
ผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านการเงินใหม่ๆ ที่เกิดจากการออกแบบจากธนาคารแม่ในมาเลเซีย จะเป็นอีกบริการหนึ่งที่นำไปใช้เชื่อมโยงธุรกิจในต่างประเทศ เช่น CIMB Preferred ลูกค้าที่เปิดบัญชีตั้งแต่ 3 ล้านบาท จะได้รับคำปรึกษาทางด้านการลงทุน และได้รับข้อเสนอผลิตภัณฑ์และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือเพิ่มความคล่องตัวให้กับลูกค้ากรณีเดินทางไปต่างประเทศ เช่น ลูกค้า จะต้องเดินทางไปอินโดนีเซียสามารถเปิดบัญชีล่วงหน้าได้
บริการดังกล่าวให้บริการครอบคลุม 4 ประเทศ จากเชียงรายจนถึงบาหลี 1,150 สาขา ลูกค้าที่ใช้บริการนี้จะได้รับการดูแลเหมือนกันทุกประเทศ
การยึดหลักการทำงานภายใต้ปรัชญา Multi Local เพื่อเชื่อมโยงบริการธุรกิจการเงินให้เป็นหนึ่งเดียวกัน จะมีระบบไอทีเปรียบเสมือนถนนหลักที่ทำให้ธนาคารในแต่ละประเทศสามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น และเป็นมาตรฐานเดียวกัน
กลุ่มซีไอเอ็มบีได้ทุ่มเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้างระบบ core banking ขึ้นมาใหม่เพื่อให้ข้อมูลของทั้ง 4 ประเทศสื่อสารกันได้ ซึ่งระบบ ไอทีนี้เรียกว่า 1 Platform จะใช้เวลาดำเนินงาน 5 ปี และระบบไอทีจะถูกสร้างขึ้นที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ขณะนี้ได้มีเจ้าหน้าที่จากอินโด นีเซีย มาเลเซียเข้ามาทำงานร่วม 200 คน และระบบแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยระบบดังกล่าวเป็นการลงทุน ครั้งใหญ่ของกลุ่มซีไอเอ็มบี
การเดินทางของธนาคารกลุ่มซีไอเอ็มบี เพื่อเป็นธนาคารระดับภูมิภาคในอาเซียน เริ่มแสดงผลลัพธ์ออกมาทางผลกำไรในครึ่งปีแรกของปีนี้
กลุ่มซีไอเอ็มบีมีกำไรจากดำเนินงานในครึ่งปีแรก 17,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.2 และประเทศอินโดนีเซียทำกำไรสูงสุดร้อยละ 40 ของกำไรรวม ส่วนประเทศไทยธนาคารคาดหวังว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้าจะสามารถสร้างกำไรให้กับกลุ่มร้อยละ 10 ขณะที่ปัจจุบันธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทยมีกำไรในครึ่งปีแรก 713.99 ล้านบาท มีรายได้ 4,327.74 ล้านบาท
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารถึงกับเอ่ยปากว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าธนาคารเริ่มมีกำไรเมื่อปี 2552 เป็นครั้งแรก หลังจากขาดทุนติดต่อกันมา หลายปี
สำหรับโครงสร้างรายได้ของกลุ่มธนาคารซีไอเอ็มบี รายได้จากประเทศอินโดนีเซียมาจากการปล่อยสินเชื่อ และขายผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงิน ส่วนมาเลเซีย รายได้มาจากกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจและค้าเงิน ส่วนประเทศไทยรายได้เกิดจากวาณิชธนกิจ ค้าเงิน และค่าธรรมเนียม
ดูเหมือนว่ากลุ่มซีไอเอ็มบีกำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อยกระดับให้เป็นธนาคารระดับภูมิภาคอย่างสมบูรณ์แบบ
|