Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา ตุลาคม 2553
แง้มดู Al Qaeda             
 


   
search resources

Political and Government




แม้จะผ่านไปถึง 9 ปีนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ “9/11” แต่ Al Qaeda ยังคงเป็นองค์กรลึกลับที่ไม่มีใครรู้ตื้นลึกหนาบาง คำบอกเล่าจากอดีตสมาชิกคนหนึ่งอาจช่วยคลี่คลายความลึกลับนั้น

สหรัฐฯ เพิ่งประกาศให้วันที่ 31 สิงหาคมเป็นวันสิ้นสุดสงครามของสหรัฐฯ ในอิรักอย่างเป็นทางการ แต่ในอัฟกานิสถาน ยังคงมีกำลังทหารอเมริกันประจำการอยู่ถึง 100,000 นาย แม้ว่าสงครามจะผ่านไปแล้วถึง 9 ปี ภารกิจของทหารอเมริกันในอัฟกา นิสถาน คือการกวาดล้าง Al Qaeda ให้สิ้นซาก แต่จนถึงบัดนี้ สหรัฐฯ ก็ยังคงแทบมืดแปดด้านกับกลุ่มที่เป็นศัตรูตัวฉกาจนี้ Osama bin Laden ผู้นำ Al Qaeda ยังคงอยู่ในเงามืด มีเพียง เทปเสียงล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมเท่านั้นที่เป็นสิ่งเดียวที่อาจยืนยัน ได้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ข้อมูลจาก CIA ระบุว่า Al Qaeda มีสมาชิก เหลืออยู่เพียงไม่เกิน 100 คนหรือน้อยกว่านั้นในอัฟกานิสถาน

แต่ข้อมูลสำคัญที่ยังคงขาดไปก็คือ ข้อมูลวงในที่จะเปิดเผยรายละเอียดภายใน Al Qaeda บางที คำบอกเล่าจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เคยทำงานให้แก่ Al Qaeda อาจช่วยให้เรารู้จักกลุ่มลึกลับนี้มากขึ้นบ้าง

Hafiz Hanif (อาจไม่ใช่ชื่อจริง) เด็กหนุ่มชาวอัฟกานิสถาน เคยทำงานให้ Al Qaeda ในเขตชนเผ่าชายแดนปากีสถาน แต่ขณะนี้เขากลับมาอยู่บ้านกับพ่อแม่ในเมืองการาจีของปากีสถานแล้ว และพ่อแม่ผู้มีฐานะของเขากำลังพยายามทุกวิถีทางที่จะรั้งบุตรชาย วัย 16 ปี ไม่ให้หวนกลับไปเข้าร่วมกับ Al Qaeda อีก พ่อแม่ของเขาไม่เคยเห็นด้วยกับการหนีออกจากบ้านไปเข้าร่วมกลุ่มดังกล่าว Hanif เป็นเด็กเรียนเก่ง เขาเก่งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษและพูดคล่องทั้งภาษาอังกฤษ อาหรับ อูรดูและปาชโต แต่ตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา Hanif ไม่ได้ไปโรงเรียน และใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกรบและทำงานอยู่ในค่ายของ Al Qaeda ในเขตชนเผ่าชายแดนปากีสถาน รวมทั้งข้ามพรมแดนมาปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน บ้านเกิดของเขาเองด้วย ตั้งแต่ Hanif หายตัวไปใน เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว พ่อของเขาและลุงซึ่งเป็นสมาชิกระดับสูงของกลุ่ม Taliban ในอัฟกานิสถาน ออกตามหาตัวเด็กหนุ่ม 2 ครั้ง ที่รัฐ Waziristan ในปากีสถาน จนสามารถพบตัว Hanif ในครั้งที่ 2 หลังจากตามหามานาน 2 เดือน แต่เด็กหนุ่มยังคงไม่ยอมกลับบ้าน จนกระทั่งอีกหลายเดือนหลังจากนั้น เขาจึงยอม กลับเพราะสงสารมารดา

คำบอกเล่าของ Hanif สะท้อนความน่ากลัวที่แท้จริงของ Al Qaeda นั่นคือการมีอิทธิพลที่สามารถชักจูงเด็กหนุ่มที่มาจากครอบครัวที่ดีอย่าง Hanif ให้เข้าร่วมได้ แม้ว่าระดับแกนนำและสมาชิกของ Al Qaeda ในปากีสถาน จะลดจำนวนลง เพราะถูก สังหารด้วยขีปนาวุธจากเครื่องบินรบของสหรัฐฯ ไปเป็นจำนวนมาก

Hanif บอกว่า เขาเลือกที่จะเข้าร่วมกับกองทัพของ bin Laden แทนที่จะเป็นกลุ่ม Afghan Taliban ทั้งๆ ที่ลุงของเขาเป็นสมาชิกระดับสูงของ Taliban เพราะ Al Qaeda ยังคงมีสถานะสูงส่ง ในบรรดากลุ่มมุสลิมที่ทำสงครามจีฮัดทั้งหมด แม้คนใน Al Qaeda จะถูกสังหารไปมากมาย แต่ก็มีสมาชิกใหม่ๆ มาทดแทนอย่างไม่ขาดสาย จากตะวันออกกลางและประเทศอื่นๆ Hanif ได้เห็นถึงอิทธิพลของแกนนำ Al Qaeda ที่มีจำนวนเพียง น้อยนิด แต่กลับสามารถทำให้กลุ่มอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการทำลาย มากกว่า ลงมือโจมตีสหรัฐฯ ได้ Hanif บอกด้วยว่า เขามีส่วนร่วม ในเหตุโจมตีที่สร้างความสูญเสียให้แก่ CIA มากที่สุดครั้งหนึ่ง นั่นคือเหตุการณ์ที่มือระเบิดปลิดชีพตนเองของ Al Qaeda สามารถก่อเหตุที่ฐานทัพลับๆ ของ CIA ในอัฟกานิสถานได้สำเร็จ จนทำให้สายลับ CIA ตายไปถึง 7 คน

นับตั้งแต่จำความได้ Hanif ก็ฝันอยากจะเข้าร่วมกับสงครามจีฮัด เขาอายุเพียง 7 ขวบ เมื่อสหรัฐฯ ยกทัพบุกยึดอัฟกานิสถาน และโค่นล้มรัฐบาล Taliban เมื่อ 9 ปีก่อน เขาโตขึ้นมากับการรับรู้เรื่องราวการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์กับโซเวียต การต่อสู้ของ Mullah Mohammed Omar ผู้นำ Taliban กับบรรดาขุนศึกที่ทุจริตของอัฟกานิสถาน การที่ Taliban ถูกสหรัฐฯ โค่นล้ม และการทำสงครามต่อต้านสหรัฐฯ เพื่อฟื้นการเป็นรัฐอิสลามของอัฟกานิสถาน Hanif บอกว่า เป้าหมายในชีวิตของเขา มีเพียงอย่างเดียวคือ เป็น shahid หรือ martyr ผู้สละชีพเพื่อปกป้องศาสนา และชาวมุสลิมที่ถูกรังแกในปาเลสไตน์ อิรัก และอัฟกานิสถาน

เด็กหนุ่มได้พบกับชายชาวชนเผ่าคนหนึ่งในปากีสถาน ซึ่งเป็นผู้จัดหาเด็กหนุ่มๆ ไปให้แก่ Baitullah Mehsud อดีตผู้นำกลุ่ม Pakistani Taliban ที่ถูกสหรัฐฯ สังหารไปเมื่อปีที่แล้วที่ร้านกาแฟ แห่งหนึ่งในการาจี เมื่อ Hanif อายุเพียง 15 ปี ชายคนนั้นมีชื่อเสียง ในการจัดหาเด็กหนุ่มอย่าง Hanif ไปฝึกเป็นมือระเบิดปลิดชีพตนเอง และมือระเบิดคนหนึ่งที่เป็นผลงานการจัดหาของชายคนนี้ คือคนที่ลอบสังหารนาง Benazir Bhutto อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน

Hanif รู้สึกว่าเป็นความโชคดีที่จะมีโอกาสได้เป็น fedayeen หรือมือระเบิดปลิดชีพตนเอง และเข้าร่วมสงครามจีฮัดอย่างที่เขา ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก เขาตัดสินใจหนีออกจากบ้านในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาแต่งตัวออกจากบ้านตามปกติเหมือนกับจะไปโรงเรียน แต่กลับไปกับชายคนนั้น ซึ่งพาเขานั่งรถบัสเดินทางมุ่งหน้า ไปยังเมือง Bannu เมืองหน้าด่านที่จะเข้าไปสู่ North Waziristan เขตอิทธิพลของกลุ่ม Pakistani Taliban แต่ในวันนั้น Hanif ไม่ได้ไปถึงค่ายฝึกของ Mehsud ในปากีสถาน เพราะเมื่อเดินทางถึงฐานของ Al Qaeda ในเมือง Datta Khel ชายแดนอัฟกานิสถาน Hanif ก็เปลี่ยนใจอยากจะอยู่ที่นี่ เขาแนะนำตัวเองอย่างคล่องแคล่ว ด้วยภาษาอาหรับ และอ้างถึงลุงที่เป็นสมาชิกระดับสูงในกลุ่ม Taliban ชายที่ควบคุมฐานดังกล่าว เป็นครูฝึกอาวุโสของ Al Qaeda และเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่มาจากลิเบีย มีชื่อว่า Sheik Abdullah Saeed อนุญาตให้เขาอยู่ที่นั่นได้

จากนั้น Hanif ถูกส่งไปฝึกอย่างหนักตลอด 3 เดือนที่ Khisora ใน South Waziristan ครูฝึกทั้งหมดเป็นชาวอาหรับิส่วนนักเรียนซึ่งมีเพียง 30 คนเท่านั้น แต่มาจากหลากหลายประเทศ แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของ Al Qaeda ที่ยังคงมีอยู่ทั่วโลก นักเรียนมีทั้งชาวเชชเนีย ทาจิกิสถาน ซาอุดีอาระเบีย ซีเรีย และตุรกี นอกจากนี้ยังมีชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรีย 2 คน และชาวเยอรมัน 3 คน เป็นเยอรมันแท้ๆ 1 คน ส่วนอีก 2 คนมีเชื้อสายอาหรับและตุรกี Hanif เป็นนักเรียนที่อายุน้อยที่สุด นักเรียนส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นตอนปลายหรืออายุเกิน 20 ปี มีส่วนน้อยที่อายุ มากกว่า 30 ปี และมีเพียงคนเดียวที่อายุ 50 ปี

การฝึกจะเริ่มตั้งแต่เช้ามืดก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เริ่มจากการวิ่งและออกกำลังกายบนภูเขา ฝึกใช้ปืน Kalashnikov หรือ AK-47 เรียนขี่มอเตอร์ไซค์ ขับรถทุกชนิดทั้งรถยนต์ ปิกอัพและรถบรรทุก การใช้อุปกรณ์สื่อสาร มีการหยุดพักเพื่อทำละหมาด 5 ครั้งต่อวัน ที่มัสยิด Hanif ได้เรียนรู้วิธีป้องกันตนเองด้วยมีดและ AK-47 ในการต่อสู้ตัวต่อตัว ครูฝึกชาวอาหรับยังสอนเขาถึงวิธีจัดการกับระเบิด การทำระเบิดแสวงเครื่อง และการทำเสื้อติดระเบิดสำหรับมือระเบิด ปลิดชีพตนเอง Hanif บอกว่า เขาสามารถทำเสื้อที่สามารถติดระเบิดหนัก 5-6 กิโลกรัมได้ และทำเสื้อของตัวเองเอาไว้แล้ว มันยังคงรอเขาอยู่ที่ค่ายฝึกใน South Waziristan ในปากีสถาน

เขายังได้เรียนรู้วิธีระงับความตื่นเต้น ขณะที่กำลังเข้าใกล้เป้าหมาย เพื่อก่อเหตุระเบิดปลิดชีพตัวเอง Hanif บอกว่า ครูฝึกชาวอาหรับจะศึกษานิสัยใจคอของคนที่จะเป็นมือระเบิดปลิดชีพตนเองอย่างละเอียด และชอบใช้เด็กหนุ่มที่ฉลาดๆ เป็นมือระเบิด ปลิดชีพ เพราะปฏิบัติตามคำสั่งได้ดี อ่านแผนที่ได้และไม่ตื่นเต้นมากเกินไปจนเสียแผน

Hanif เล่าว่า ที่ค่ายฝึกของ Baitullah Mehsud ผู้นำ Pakistani Taliban เขาได้พบกับคนที่มาฝึกเป็นมือระเบิดปลิดชีพตนเองหลายคน บางคนเป็นเพียงเด็กอายุไม่ถึง 12 ปี ครั้งหนึ่ง Mehsud มาตรวจค่ายด้วยตนเอง และพบเด็กคนนั้น เขาสั่งให้หัวหน้าครูฝึก Qari Hussain ส่งตัวเด็กคนนั้นกลับบ้านทันที แต่หลังจาก Mehsud ตาย เพราะขีปนาวุธเมื่อสิงหาคมปีที่แล้วและ Hanif ได้ไปที่ค่ายของ Mehsud อีกครั้ง เขากลับพบว่า คำสั่งของ Mehsud ไม่ได้รับการเคารพอีกต่อไป เพราะมีเด็กๆ หลายคน กำลังถูกฝึกให้เป็นมือระเบิดปลิดชีพตนเอง

Hanif บอกว่าเขามีความสุขมากกับการฝึก ที่ค่ายฝึกมีทุก อย่างที่จำเป็นสำหรับการฝึกเป็นนักรบในสงครามจีฮัด ทั้งอาหารดีๆ อาวุธดีๆ และระเบิด มีเครื่องปั่นไฟใช้เอง ทุกเย็นนักเรียนทุกคนจะพักผ่อนด้วยการดูวิดีโอการรบจากเครื่องคอมพิวเตอร์ laptop แต่ความสุขของ Hanif จบลง ตอนที่เขาใกล้จะจบหลักสูตร เมื่อกองทัพปากีสถานเริ่มเปิดฉากโจมตีกลุ่มติดอาวุธที่อยู่ใน South Waziristan การที่ Mehsud ลอบสังหารเป้าหมายที่ใหญ่เกินไปอย่างนาง Bhutto ทำให้รัฐบาลปากีสถานเหลือจะทานทนต่อไปได้ ครูฝึกแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มเล็กๆ เพื่อให้แยกย้ายกันหลบหนี ก่อนที่จะไปสมทบกันอีกครั้งที่ North Waziristan ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของ Sheik Saeed ครูฝึกอาวุโสและผู้เชี่ยวชาญจากลิเบีย ซึ่งเป็นผู้ที่รับ Hanif เข้าร่วมกับ Al Qaeda นั่นเอง

ที่นั่น Hanif ได้โทรศัพท์ถึงมารดาเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่หนีออกจากบ้าน โดยได้รับอนุญาตจาก Sheik Saeed เขาบอกแม่ ว่าจะกลับบ้าน ทั้งๆ ที่ไม่อยากกลับ และยังอยู่ที่นั่นอีกถึง 3 เดือน ก่อนจะตัดสินใจยอมกลับบ้านไปพบแม่สักครั้ง Hanif ยืนยันว่าผู้นำชาวอาหรับบอกเขาว่า เขาสามารถกลับบ้านได้ทุกเมื่อ การที่สหรัฐฯ พยายามจะบอกว่า ใครที่เข้าร่วมกับกลุ่มแล้ว จะเหมือนกับการติดคุก ไม่สามารถถอนตัวออกมาได้ แต่ Hanif บอกว่านั่นเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อของอเมริกา อย่างไรก็ตาม ผู้นำชาวอาหรับเหล่านั้นจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้อยู่ต่อ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว การพูดถึงบ้านและครอบครัวเป็นบาป หลายคนพกรูปบ้านสวยๆ และรถยนต์อเมริกันหรูหราที่พวกเขาเคยมีเอาไว้ เพื่อเป็นหลักฐานว่า พวกเขายอมสละความสุขสบายเหล่านั้น เพื่อเข้าร่วมกับสงครามจีฮัด

Hanif กลับบ้านไปหาแม่ แต่ตั้งใจไว้แล้วว่า จะไม่อยู่บ้าน และหลังจากกลับไปอยู่บ้านในการาจีได้เพียง 3 สัปดาห์ เขาก็หนี ออกจากบ้านไปอีก และกลับไปอยู่ที่ฐานฝึกที่ North Waziristan ตามเดิม เขาพบว่า กองทัพปากีสถานยิ่งเพิ่มการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธ โดยมีเครื่องบินรบของสหรัฐฯ คอยสนับสนุน Hanif เล่าว่า เสียงเครื่องบินรบอเมริกันที่บินมาทิ้งระเบิด ดังอยู่ตลอดเวลา อย่างไม่หยุดหย่อน จนทุกคนคร้านที่จะสนใจ แต่การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ก็ทำให้มีคนตายมากมาย รวมถึงระดับแกนนำของ Al Qaeda อย่างเช่น Abu Suleiman

Hanif คาดว่า เครื่องบินรบของสหรัฐฯ ได้สังหารสมาชิก Al Qaeda ไปประมาณ 80 คน ซึ่งรวมถึงระดับผู้บัญชาการรบ การประเมินของ Hanif นับว่าใกล้เคียงกับตัวเลขจากแหล่งข่าวในฝ่ายข่าวกรองของปากีสถาน ซึ่งระบุว่า มีสมาชิก Al Qaeda ราว 120 คนที่ถูกสังหารด้วยจากการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนต้องไปไหนมาไหนอย่างระวังตัว มากขึ้น แม้กระทั่งเพียงการไปจ่ายตลาดในเมือง Miran Shah เมืองเอกของรัฐ North Waziristan ตัว Hanif ยังเคยถูกทหารปากีสถานจับกุมเมื่อ 1 ปีก่อน ถูกสอบสวนโดยสายลับปากีสถาน แต่เขาได้รับการปล่อยตัว เมื่อสามารถหลอกให้ผู้สอบสวนเชื่อว่า เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ใฝ่ฝันจะเข้าร่วมกับกลุ่ม Taliban ในอัฟกานิสถานเท่านั้น

แม้ว่า Al Qaeda จะสูญเสียสมาชิกไปมากมาย แต่ไม่เคยขาดสมาชิกใหม่ๆ มาทดแทน Hanif บอกว่า คนใหม่ๆ ที่มาจากตุรกีและตะวันออกกลาง มักจะนำเงินสดติดตัวมาคนละมากๆ 20,000 ดอลลาร์หรือมากกว่านั้น Al Qaeda เข้มงวดกับการตรวจสอบประวัติของสมาชิกใหม่อย่างมาก นอกจากตรวจสอบพื้นเพแล้วยังจับตาดูพฤติกรรมของคนมาใหม่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ก่อนจะยอมส่งตัวพวกเขาไปยังเขตชนเผ่าชายแดนปากีสถาน กระนั้นก็ยังไม่วางใจและยังคงติดตามตรวจสอบพฤติกรรมสมาชิกใหม่อย่างใกล้ชิด Hanif บอกว่า ผู้นำชาวอาหรับกลัวว่าคนที่มาใหม่ จะเป็นสายลับแฝงตัวมา หลังจากที่เมื่อปีก่อน Al Qaeda เพิ่งตรวจพบว่า สายลับของ CIA สามารถแฝงเข้ามาติดเครื่องติดตาม ที่รถของสมาชิก Al Qaeda ได้ ซึ่งเป็นการบอกตำแหน่งให้เครื่องบินรบสหรัฐฯ สามารถยิงขีปนาวุธ Hellfire สังหารสมาชิก Al Qaeda

Hanif ประเมินว่า Al Qaeda มีสมาชิกอยู่ในเขตชนเผ่าของปากีสถานไม่เกิน 130 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวอาหรับ มีชาวเชชเนีย อุซเบกิซสถาน และตุรกี ครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้ได้เดินทาง ออกจากปากีสถานไปแล้วในปีนี้ เพื่อไปรับมือกับทหารอเมริกันที่ เพิ่มจำนวนขึ้นในอัฟกานิสถาน ตามคำสั่งเพิ่มกำลังทหาร 30,000 นายของ Obama พวกเขาแยกกันเดินทางเป็นกลุ่มเล็กๆ กลุ่มละ 5-6 คน แล้วจึงไปสมทบกับแกนนำของกลุ่ม Taliban ในอัฟกา นิสถานตามที่ต่างๆ ภารกิจหลักของสมาชิก Al Qaeda ที่ไปจากปากีสถานคือการทำระเบิดแสวงเครื่อง การทำเสื้อติดระเบิดสำหรับ มือระเบิดปลิดชีพตนเอง และการทำระเบิดอื่นๆ รวมถึงฝึกเทคนิค การทำระเบิดให้แก่ Taliban มากกว่าที่จะลงมือสู้รบด้วยตัวเอง Hanif สรุปว่า ขณะนี้น่าจะยังเหลือสมาชิก Al Qaeda อยู่ในเขต ชนเผ่าของปากีสถานเพียง 65 คนเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขที่ Leon Panetta ผู้อำนวยการ CIA เปิดเผยในเดือนมิถุนายนว่า Al Qaeda เหลือสมาชิกเพียง 50-100 คนเท่านั้นในอัฟกานิสถาน ส่วน Michael Leiter ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติของสหรัฐฯ ระบุว่าเหลือประมาณ 300 คน

อย่างไรก็ตาม Hanif ยอมรับว่า เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับ แผนการรบโดยรวมของ Al Qaeda และไม่รู้เลยว่า Al Qaeda มีแกนนำระดับสูงในระดับ bin Laden หรือ Aiman zl-Zawahiri ผู้นำหมายเลขสองทั้งหมดกี่คน และตลอด 18 เดือนที่เขาอยู่กับ Al Qaeda ระดับแกนนำที่เขาได้พบทุกคน ก็ไม่มีใครรู้ระแคะระคายแม้แต่น้อยว่า bin Laden กับ Zawahiri หลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด แม้ว่าพวกเขาจะสู้รบในนามของคนทั้งสองก็ตาม Hanif เล่าอย่างตื่นเต้น เหมือนกับเด็กวัยรุ่นที่ได้พบดารานักร้องคนโปรดว่า เขามี โอกาสได้พบกับแกนนำระดับสูงของ Al Qaeda และกลุ่มติดอาวุธ อื่นๆ มากมายอย่าง Baitullah Mehsud อดีตผู้นำ Taliban ในปากีสถานที่ถูกสังหารไปแล้ว และ Hakimullah Mehsud ซึ่งเป็นผู้นำคนใหม่ที่มาแทนที่ นอกจากนี้เขายังได้พบกับ Abu Yahya al-Libi ผู้นำอันดับ 3 ของ Al Qaeda และ Adam Gadahn หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Azzam al-Amriki ฉายา “Assam ชาวอเมริกัน” แต่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บรรดาแกนนำ Al Qaeda ต่างต้องหลบลี้ หนีหน้า หลังจากรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าหมายของขีปนาวุธของสหรัฐฯ

คนที่ Hanif บอกว่า ตื่นเต้นเป็นพิเศษที่ได้พบคือ Humam Khalil Abu-Mulal al-Balawi สายลับ 2 หน้าของ Al Qaeda ชาวจอร์แดน มือระเบิดปลิดชีพตนเองที่สามารถสังหาร CIA 7 คน ที่ฐานทัพลับๆ ของ CIA ในเมือง Khost ในอัฟกานิสถานได้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว Hanif คุยอวดว่า กลุ่มของเขาที่เป็นคนทำเสื้อติดระเบิดให้ Balawi และเขากับพวกยังเป็นคนขับรถพา Balawi ไปยังเมือง Miran Shah ในปากีสถาน ซึ่งมีคนมารับตัว Balawi ไปอีกทอดหนึ่ง เพื่อนำตัวไปมอบให้แก่ CIA

Hanif ชอบไป Miran Shah เมืองเอกของรัฐ North Waziristan ซึ่งอยู่ในความควบคุมของกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่ม เขาจะไปที่ร้านโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในตอนค่ำหลังจากร้านปิดแล้ว เจ้าของร้านเป็นพวกที่สนับสนุน Al Qaeda และจะปล่อยให้เขาและเพื่อนๆ ชาวอาหรับเข้าไปอยู่ในร้านได้ทั้งคืน โดยล็อกประตูร้านไว้ทำเหมือนกับร้านปิด Hanif และเพื่อนๆ สามารถจะโทรศัพท์ และเล่นอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่มีใครรู้ตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า จนกว่าเจ้าของร้านจะมาเปิดร้าน และพวกเขาก็กลับไปที่ค่าย

Hanif มีหน้าที่จะต้องไปซื้อเสบียงเดือนละครั้ง เขาเคยใช้เงินมากกว่า 1,000 ดอลลาร์ในครั้งเดียวกับการซื้ออาหารดีๆ ข้าวของเครื่องใช้จำเป็น กระสุน และแม้กระทั่งซื้อของขวัญให้เพื่อน Hanif บอกว่า พวกเขาไม่เคยเงินขาดมือ และมีเงินมากพอที่จะนำรถเก่าไปแลกซื้อรถปิกอัพรุ่นใหม่ๆ ของ Toyota และรถ Land Cruiser พวกเขามีแม้กระทั่งรถ Ford Ranger รุ่นใหม่หลายคัน

กลุ่มที่ Hanif สังกัดอยู่ ถูกส่งไปทำงานในอัฟกานิสถานเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ Hanif และเพื่อนแบกอาวุธเดินทางข้ามพรมแดนเข้าไปยังจังหวัด Paktika ในอัฟกานิสถาน เขารู้สึกภูมิใจ ที่ถูกส่งตัวกลับไปปฏิบัติภารกิจในบ้านเกิดของตัวเองเป็นครั้งแรก ภารกิจของเขาคือ ทำงานร่วมกับกลุ่ม Taliban ในอัฟกานิสถาน ในจังหวัดปริมณฑลรอบๆ กรุงคาบูล กลุ่มของ Hanif ใช้บัตรประจำตัวชาวอัฟกานิสถานปลอม ในกลุ่มมีผู้เชี่ยวชาญการทำระเบิดชาวอาหรับอยู่ด้วย Hanif บอกว่า การทำงานในอัฟกานิสถาน ยากลำบากกว่าในปากีสถาน เขาต้องยิงปืนโต้กับศัตรูแทบทุกวัน

ขณะอยู่ในจังหวัด Ghazni ในอัฟกานิสถาน Hanif คิดจะ กลับไปเยี่ยมบ้านอีกครั้ง และได้รับอนุญาตจากแกนนำระดับสูงของ Al Qaeda ให้กลับบ้านได้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ขณะนี้ Hanif กลับมาอยู่บ้านได้เกือบ 2 เดือนแล้ว แต่เขา ไม่เคยเลิกคิดถึงเพื่อนอาหรับที่ค่าย Al Qaeda Hanif ไม่ชอบที่ต้องกลับมาพบเจอแต่ “สิ่งชั่วร้าย” ความบันเทิงเริงรมย์ ความหรูหรา และสิ่งยั่วยุกิเลสทั้งหลาย ไม่ว่าจะตามท้องถนนทั่วไปและในอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะทำให้จิตวิญญาณของเขาต้องแปดเปื้อน Hanif กลับมาบ้านได้เพียง 10 วัน ลุงของเขาซึ่งเป็นสมาชิกระดับสูงของ Taliban ก็พยายามจะให้เขาแต่งงานและทำธุรกิจ ส่วนพ่อของเขาก็กดดันให้เขากลับไปเรียนหนังสือและแต่งงาน พยายามบอกกับลูกชายว่า การทำเช่นนี้จะทำให้เขาเป็นผู้เสียสละมากกว่าการไปเข้าร่วมกับ Al Qaeda แต่ Hanif ก็ไม่เคยเชื่อพ่อ

ทุกวันนี้ Hanif ใช้เวลาส่วนใหญ่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องนอนของเขา เข้าแต่เว็บไซต์ของ Taliban, Al Qaeda และกลุ่ม ติดอาวุธในอิรัก พูดคุยกับคนหนุ่มที่คิดเหมือนกันในห้อง chatroom ของเว็บเขาไม่เคยสนใจที่พูดคุยติดต่อกับผู้หญิงผ่านอินเทอร์เน็ต แม้กระทั่งผ่านเว็บไซต์มุสลิม เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเสียเวลา เขาดู DVD การซุ่มโจมตีกองกำลังอเมริกันในอัฟกานิสถานและอิรัก และยังคงเฝ้าแต่คิดถึง Miran Shah เทือกเขาที่เขาเคยอยู่และฝึกรบร่วมกับเพื่อนชาวอาหรับ Hanif บอกว่าหัวใจของเขาไม่มีความสุขเลย ตลอดเวลาที่อยู่บ้าน

Hanif เขียนพินัยกรรมเอาไว้แล้ว เหมือนกับคนที่เป็นมือระเบิดปลิดชีพทุกคนของ Al Qaeda จะต้องเขียนพินัยกรรมเอาไว้ก่อนไปตาย พินัยกรรมที่เขาเขียนยังคงอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเขา ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2009 ซึ่งเป็นวันเกิดครบรอบ 16 ปีของเขาเอง

แปล/เรียบเรียง เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์
เรื่อง นิวสวีค   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us