|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทุกวันนี้ลูกเล่นการตลาดของแต่ละธนาคารได้พยายามผลักดันให้บัตรเอทีเอ็มและเดบิตมีคุณสมบัติที่มากกว่าการใช้ถอนเงินสด ชำระค่าสินค้า และทำธุรกรรมผ่านตู้เอทีเอ็ม ด้วยการเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อจูงใจผู้ถือบัตร ซึ่งมูฟเมนท์ใหญ่ๆ ที่ผ่านมาในตลาดบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตที่สร้างกระแสความสนใจในตลาดได้มาก คือ การนำประกันอุบัติเหตุมาพ่วงกับบัตรเดบิต นำเสนอความคุ้มครองเมื่อเจ็บป่วยจากอุบัติเหตุสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ โดยปัจจุบันธนาคารที่มีการนำเสนอบัตรดังกล่าว ได้แก่ บัตรเดบิต พลัส ของธนาคารไทยพาณิชย์, บัตรเค-แม็กซ์ เดบิต ของกสิกรไทย, บัตรกรุงศรี เดบิต พร้อม ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มีบัญชีเงินฝากกับธนาคารส่วนใหญ่จะมีบัตรเอทีเอ็มและเดบิตอยู่แล้ว เพราะเห็นถึงความสะดวกรวดเร็วในการทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องผ่านเคาน์เตอร์ที่สาขา จึงกลายเป็นช่องทางที่ใกล้ชิดและเข้าถึงลูกค้ารายย่อยได้ดีที่สุด เป็นช่องทางสำคัญที่ถูกนำมาใช้ต่อยอดสร้างรายได้ของธนาคารจากกลุ่มลูกค้ารายย่อยได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากรายได้ค่าธรรมเนียมรายปีที่ธนาคารเรียกเก็บทุกปีจากผู้ถือบัตร
ในระยะหลังทุกธนาคารเร่งโปรโมทให้ลูกค้าหันมาทำธุรกรรมผ่านตู้เอทีเอ็ม มือถือ และอินเทอร์เน็ตมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางบริการที่มีต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับการให้บริการผ่านสาขา แม้ลูกค้าผู้ถือบัตรจะมีจำนวนมากอยู่แล้วก็ตาม ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากฐานลูกค้าพนักงานในองค์กรที่มีการจ่ายเงินเงินเดือนพนักงานผ่านบัญชีเงินฝาก และมีการทำบัตรเอทีเอ็มหรือเดบิตเพื่อกดเงินสดมาใช้จ่าย ทำให้ธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมรายปี แต่ธนาคารก็ต้องมีการพัฒนาบัตรให้มีความน่าสนใจมากขึ้น แม้ว่าพฤติกรรมลูกค้าในการถือบัตรจะค่อนข้างมั่นคง ไม่ค่อยมีการยกเลิกบัตร เพราะต้องใช้ถอนเงินสดเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
ในระยะหลังธนาคารได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ของบัตรเดบิต ด้วยการขยายความคุ้มครองมากขึ้น เช่น ธนาคารกรุงไทยที่เปิดตัวบัตร KTB Shop Smart Pearl Card ร่วมกับทิพยประกันภัย และบัตร KTB Shop Smartฺ Blue Diamond Card ร่วมกับกรุงไทยพานิชประกันภัย โดยเพิ่มความคุ้มครองแก่ผู้ถือบัตรที่ถูกโจรกรรมเงินจากบัตรเดบิตในขณะกดเงินที่ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทยทุกสาขาภายใน 30 นาที หลังจากกดเงินที่ตู้ ATM หรือการถูกโจรกรรมเงินจากบัญชีธนาคารด้วยข้อมูลบัตรเดบิตในวงเงิน 5,000 บาทต่อครั้ง ไม่เกิน 10,000 บาทต่อปี และล่าสุดไทยพาณิชย์ได้เปิดตัวแคมเปญ “ตู้นี้น่ากด” ให้ความคุ้มครองผู้ถือบัตรในลักษณะเดียวกัน แต่ขยายไปถึงผู้ถือบัตรเอทีเอ็ม และบัตรเดบิตธรรมดาด้วย ให้ความคุ้มครองสูงสุด 20,000 บาทต่อกรณีต่อคนต่อปี โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม แคมเปญนี้จะมีถึงปลายปีหน้า
พรรณพร คงยิ่งยง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือข่ายสาขา ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า แคมเปญดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ผู้ถือบัตร และเข้ากับช่วงปัจจุบันที่มีสถานการณ์ไม่ปลอดภัย โดยขณะนี้ธนาคารมีผู้ถือบัตรเอทีเอ็มและเดบิตทุกประเภทรวม 9 ล้านบัตร มีสัดส่วนของบัตรเดบิต พลัสประมาณ 10% มีตู้เอทีเอ็มทั่วประเทศรวม 7,500 ตู้ ซึ่งมากที่สุดในตลาด
ด้านธนาคารทหารไทย ซึ่งน่าจับตาว่าจะมีการเปิดตัวอะไรใหม่ๆ เพื่อมาแก้เกมแบงก์ใหญ่หรือไม่ รายงานว่า ธนาคารคงไม่ลงไปเล่นตาม เพราะแคมเปญ No Limit เหมาจ่ายค่าธรรมเนียม 500 บาท 3 ปี สามารถกดเงินได้ทุกตู้เอทีเอ็มทั่วประเทศ ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า แต่จะเน้นการสร้าง Functional Benefit ด้วยบริการรูปแบบใหม่ๆ ในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า
แหล่งข่าวในแวดวงธนาคารพาณิชย์วิเคราะห์ว่า แคมเปญของไทยพาณิชย์เป็นเพียงลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่ใช่กลยุทธ์หลักในการแข่งขัน
ถือเป็นสีสันการตลาดคู่ไปกับข่าวดีของผู้ถือบัตรเอทีเอ็ม หลังจากที่แบงก์ชาติอนุมัติข้อเสนอโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่ โดยใช้เกณฑ์คิดในอัตราแบบคงที่เท่ากันทั่วประเทศ ซึ่งโครงสร้างนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้ถือบัตรที่อยู่ในต่างจังหวัด
|
|
|
|
|