การวางกลยุทธ์หันรุกสู่ตลาดรายย่อย แม้จะดูไม่ใช่เรื่องยากของกรุงไทยพานิชประกันภัย หรือ KPI เพราะมีธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท จึงมีความได้เปรียบกว่าคู่แข่งรายอื่น เพราะสามารถเจาะเข้าฐานลูกค้าของธนาคารที่มีอยู่นับล้านบัญชีได้ แต่ KPI ก็มองว่ายังไม่เพียงพอ จึงต้องเร่งหาช่องทางขายใหม่ๆ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่อยู่นอกธนาคารเพิ่ม

เมื่อปลายปี 2552 KPI ได้จัดตั้งฝ่ายใหม่ขึ้นมาดูแลการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งช่องทางดังกล่าวนอกจากจะมีต้นทุนต่ำแล้ว ยังสามารถเข้าถึงลูกค้ารายย่อยได้เป็นอย่างดี โดย KPI ได้จับมือเป็นพันธมิตรครั้งแรกกับสายการบินแอร์แอเชีย เพื่อนำแผนประกันภัยการเดินทางชื่อ “แอร์เอเชีย อินชัวร์” นำเสนอขายผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ของแอร์เอเชีย ซึ่งปัจจุบันเป็นช่องทางหลักของลูกค้าในการสำรองตั๋วเครื่องบิน โดยแอร์เอเชียมีจำนวนผู้โดยสารรวมกว่า 3-4 แสนคนต่อปี

การขายแผนประกันภัยผ่านช่องทางออนไลน์ เริ่มจากเมื่อลูกค้าทำการจองตั๋วเครื่องบินผ่านเว็บไซต์แอร์เอเชีย จะมีหน้าต่าง Pop-Up ให้ลูกค้าเลือกแผนประกันภัยที่ต้องการ เมื่อลูกค้าคลิ๊กยืนยัน ระบบจะส่งหนังสือยืนยันการรับประกันภัยทางอีเมลล์ของลูกค้า เพื่อเป็นหลักฐานในการได้รับความคุ้มครอง

แอร์เอเชียอินชัวร์เป็นแผนประกันภัยราคาประหยัด ประกอบด้วย 4 แผน 4 ราคา สำหรับการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ และการเดินทางเที่ยวเดียวหรือไป-กลับ แบบประกันภัยสำหรับการเดินทางเที่ยวเดียวในประเทศราคาเริ่มต้น74.90 บาท คุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ความเสียหายกระเป๋าเดินทาง การบอกเลิกการเดินทางและเที่ยวบินล่าช้า โดยมีการคุ้มครองสูงสุดถึง 3 ล้านบาท ส่วนแบบประกันภัยสำหรับการเดินทางแบบไป-กลับ เพิ่มความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ การลดจำนวนวันเดินทางจากอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยรุนแรง ค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายเพื่อรักษาพยาบาลฉุกเฉิน และบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.

สำหรับในช่วงเปิดตัวมีการจัดโปรโมชั่น “ฟรีอิ่มอร่อยบนเครื่องเมื่อซื้อแอร์เอเชียอินชัวร์” กับเมนูหลากหลายเลือกได้ของแอร์เอเชีย สำหรับผู้สำรองที่นั่งผ่านเว็บไซต์แอร์เอเชียตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.-31 ต.ค. 53 และเดินทางตั้งแต่วันที่ 1-31 ต.ค. 53 เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า

สุพชัย เปียแก้ว กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด กล่าวว่าในตลาดไทยปัจจุบันมีผู้โดยสารที่ซื้อประกันภัยการเดินทางเพียง 15% เท่านั้น ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านมีอัตราการซื้ออยู่ที่ 40% ดังนั้นบริษัทจะเร่งสร้าง Brand Awareness ให้ลูกค้าตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงในการเดินทางให้มากขึ้น รวมถึงเป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูง ซึ่งจะทำให้ตลาดมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ด้วยการสื่อสารกับลูกค้าผ่านสื่อในทุกช่องทางของแอร์เอเชีย ร่วมกับการจัดทำโปรแกรมส่งเสริมการขายร่วมกับแอร์เอเชียอย่างต่อเนื่อง เช่น ในช่วงปลายปีที่เป็นฤดูท่องเที่ยวที่มีผู้โดยสารกว่า 70,000-80,000 รายต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติที่มีผู้โดยสารเฉลี่ยเดือนละ 50,000 ราย ทั้งนี้ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าแอร์เอเชียให้ซื้อประกันภัยการเดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 20-25% ในปีนี้ และเพิ่มเป็น 40% ภายใน 3 ปี

สุพชัยกล่าวว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรนอนแบงก์ในช่องทางออนไลน์เพิ่ม 2-3 ราย เพื่อเสริมการรุกตลาดรายย่อยตามนโยบายหลักของบริษัท โดยจะเน้นให้พันธมิตรเป็นพันธมิตรเพียงรายเดียวกับบริษัทเท่านั้น เพื่อเลี่ยงการตัดราคา