ทัวร์รัสเซียแสบ สบช่องท่องเที่ยวไทยซบ เหมาห้องพักโรงแรมแบบรายปี ทำทัวร์ครบวงจร ดั๊มขายจนโครงสร้างราคาเสีย ผู้ประกอบการไทยและภาครัฐนั่งทำตาปริบ หมดปัญญาช่วย เหตุเป็นช่องว่างทางกฎหมายและกลไกของตลาดเสรี ททท.ชี้ทำได้แค่ขอร้องรัสเซียอย่าซ้ำเติม ด้านไฮซีซั่นปีนี้ ยันนักท่องเที่ยวยูโรปยังคึก ไม่หวั่นค่าเงินเปลี่ยน ชี้ไทยยังเป็นเดสติเนชั่นคุ้มค่าเงิน

แหล่งข่าวจากวงการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บริษัทนำเที่ยวจากประเทศรัสเซีย ใช้ช่องทางความซบเซาของธุรกิจโรงแรมท่องเที่ยวและการเป็นตลาดเสรีการค้าของประเทศไทย มาทำสัญญาซื้อห้องพักโรงแรมในลักษณะเหมาซื้อทั้งโรงแรมตลอดปี เพื่อนำไปจัดสรรเป็นแพกเกจทัวร์ขายให้แก่นักท่องเที่ยวจากประเทศรัสเซีย ทำให้สามารถจัดแคมเปญดั๊มราคาได้ตลอดปี ผู้ประกอบการที่เป็นคนไทยไม่สามารถสู้ได้ ขณะเดียวกันรายได้ที่เกิดขึ้นจากนักท่องเที่ยวตลาดรัสเซียก็ไม่ได้ตกอยู่ในประเทศไทยเท่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้ไทยเป็นเดสติเนชั่นราคาถูก ยากที่จะเปิดตลาดระดับไฮเอนด์

“ต้องยอมรับว่า จากสถานการณ์การวิกฤตการณ์เมืองและวิกฤตเศรษฐกิจโลก ภัยธรรมชาติ ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวชะลอตัวยืดเยื้อมา 2-3 ปี ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่อง แต่เมื่อมีเอเยนต์ทัวร์มาเหมาโรงแรม ซึ่งเท่ากับว่าจะได้ลดความเสี่ยงในการขายห้องพักได้ตลอดทั้งปี และยังได้เงินก้อนมาเสริมสภาพคล่อง จึงจำเป็นต้องตัดสินใจขายห้องออกไปเพราะที่ผ่านมาการช่วยเหลือของรัฐบาลยังไม่เพียงพอ และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นเฉพาะตลาดรัสเซีย แต่การทำธุรกิจรูปแบบนี้ มีให้เห็นมานานแล้ว จากนักท่องเที่ยวหลายตลาด เช่น จีน เกาหลีใต้”

สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า กฎหมายไทยยังมีช่องว่าง ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแลแก้ไข ขณะที่การทำตลาดก็ต้องมีการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคและแก่ผู้ประกอบการ

ททท.หมดท่ารู้แต่ช่วยไม่ได้


ทางด้านธวัชชัย อรัญญิก รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ และอดีตผู้อำนวยการภูมิภาคยุโรป การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ รัสเซียเป็นตลาดที่เติบโตสูงสุด มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทย 346,697 คน เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 92.4% ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ ททท.ก็ได้รับรู้ว่ามี โรงแรม 3-4 แห่งในภาคตะวันออกที่เหมาห้องขายให้กับบริษัทนำเที่ยวรัสเซีย จึงกังวลอยู่มาก แต่ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ เพราะไม่มีกฎหมายข้อไหนที่จะเอาผิดกับการทำธุรกิจรูปแบบนี้ได้

“เราทำได้เพียงแจ้งไปยัง สำนักงาน ททท. ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย ให้ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนจำหน่ายในรัสเซีย ขอความร่วมมือว่าอย่าทำธุรกิจในรูปแบบนี้ เพราะไม่ช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยได้เลย ”

ด้านสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นปีนี้ ล่าสุดมีรายงานแจ้งว่า นักท่องเที่ยวจากยุโรปเริ่มทยอยบุ๊กกิ้งเข้าประเทศไทยแล้ว แม้สถานการณ์เงินบาทไทยจะแข็งขึ้นเทียบกับเงินสกุลยูโร ปอนด์และ ดอลลาร์ แต่สินค้าและบริการของไทยไม่ได้ปรับขึ้นราคา ทำให้การเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยยังคุ้มค่าน่าเที่ยวเหมือนเดิม โดย 70% ของตลาดยุโรปจะเดินทางมาเที่ยวช่วงไฮซีซั่น ปีนี้ ภาพรวมทั้งปี ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวยุโรปที่ 4.28 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.5 แสนคนจากปีก่อน ปีหน้าตั้งเป้าหมาย 4.45 ล้านคน เติบโตต่อเนื่องจากปีนี้