สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ชี้บาทแข็งไม่เกี่ยวเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้าตลาดหุ้น-ตราสารหนี้ แต่เกิดส่งออกโตสูง-เม็ดเงินลงทุนตรง “ไพบูลย์” แนะไทยควรฉวยโอกาสเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและสนับสนุนนักธุรกิจไทยขยายการลงทุนสู่ต่างประเทศ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบันค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้น 9% เกิดจากการที่ส่งออกของไทยมีการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศเกินดุลในระบดับสูง ประกอบกับมีเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนตรง (FDI) ส่วนเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย และตลาดสารสารหนี้นั้นเป็นเพียงปัจจัยเสริมที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเท่านั้น
ทั้งนี้ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยพบว่าในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา มีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิผ่านดุลบัญชีเดินสะพัดประมาณ 5,400 ล้านเหรียญสหรัฐ และผ่านการลงทุนโดยตรง 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมกันแล้ว 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าสิ้นเดือนกันยายนนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่เม็ดเงินที่ไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีถึง 24 กันยายน มีจำนวน 976 ล้านบาทเหรียญสหรัฐ และลงทุนผ่านตลาดตราสารหนี้จำนวน 5,678 ล้านเหรียญสหรัฐ หากทั้ง 2 ตลาดรวม 6,654 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายไพบูลย์ กล่าวว่า เม็ดเงินต่างประเทศที่ไหลเข้ามาในตลาดเอเชียรวมถึงไทยมากขึ้นจากการที่สหรัฐจะมีการฉัดอีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้มีเม็ดเงินสภาพคล่องที่สูง แต่คงจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยและตลาดตราสารหนี้ไม่มากนัก จากที่ผ่านมาได้ไหลเข้ามามากแล้ว ส่วนตัวมองว่าเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยและต่างประเทศที่ห่างนั้นไม่ใช่ประเด็นที่เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้าตลาดหุ้นไทย เพราะอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ 1.75% ยังต่ำกว่ามาเลเซียที่ 2% อินโดนีเซีย 6%
“เม็ดเงินต่างประเทศที่ไหลเข้ามาในไทยถือเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นควรที่จะใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและตลาดทุนให้เข้มแข็งขึ้น โดยการดำเนินการลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน เพื่อวางรากฐานรับมือกับวัฏวักรการลงทุน รอบใหม่ที่กำลังจะเกิดเพื่อสร้างความสมดุลของเงินทุนไหลเข้า-ออกมากขึ้น และสนับสนุนให้นักธุรกิจไทยไปขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยใช้แหล่งเงินระดมทุนในตลาดหุ้นไทย”
สำหรับในการพัฒนาตลาดทุนไทย นั้นควรที่จะมีการขจัดอุปสรรคให้บริษัทต่างประเทศสามารถเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้สะดวกขึ้น เช่น ในเรื่องการจ่ายภาษีเงินปันผลที่ปัจจัยจะต้องจ่ายถึง 2 ต่อ มีผลทำให้ รวมถึงเป็นการเพิ่ม สินค้าในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น นอกจากนี้ส่งเสริมให้นักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น โดยปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่ยังเป็นอุปสรรคอยู่
นอกจากนี้ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยหนุนทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะไม่นำมาตรการควบคุมการไหลเข้าของเงินทุน ส่วนในระยสั้นนั้นธปท.สามารถที่จะเข้าไปแทรกแซงค่าเงินเป็นครั้งคราวเพื่อลดความผันผวนของค่าเงินก็เป็นเรื่องที่ควรมีการดำเนินการต่อไป
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยได้มีการทำหนังสือถึงรมว.คลัง เพื่อที่จะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในการแต่งตั้งสภาธุรกิจตลาดทุนไทยเข้าร่วมอยู่ในคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และยังได้มีความเห็นว่าให้สมาคมตราสารหนี้ไทยเข้ามาเป็นสมาชิกของสภาธุรกิจตลาดทุนไทย
|