Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2530








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2530
"เสี่ยเล้ง" เจริญ พัฒน์ดำรงจิตร ดัชนีวัดคุณภาพการเมืองแบบไทย ๆ             
 


   
search resources

เจริญ พัฒน์ดำรงจิตร
Political and Government




เจริญ พัฒน์ดำรงจิตร ยินดีสนทนากับ "ผู้จัดการ" ในหลายประเด็น ปัญหาที่เก่ยวขอ้กงับตัวเขากับนักการเมืองบางคนตลอดจนพรรคการเมืองบางพรรค เขาบอกว่าเขาไม่รู้เรื่อง "พรรค" แต่เขาชอบมี "พวก" เขาช่วย "พวก" แล้ว "พวก" ก็ช่วยเขา

"จะขอให้ ส.ส.ถอนชื่อออกจากญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไปหาเสี่ยเล้งสิ"

นี่คือคำแนะนำที่ใคร ๆ เรียกว่า "รายการคุณขอมา" ของคนระดับสูงในคณะรัฐบาลต่อนักธุรกิจภูธรจากที่ราบสูงคนหนึ่งซึ่งเขาได้ให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อการเลือกตั้งกับ ส.ส.บางคนในพรรคกิจประชาคมจนเขากล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าคนพวกนี้คือลูกน้องี่จะเรียกขานวานใช้เสียเมื่อไหร่ก็ได้

"เล้ง" หรือชื่ออย่างเป็นทางการ "เจริญ พัฒน์ดำรงจิตร" เขาเป็นคน ๆเดียวที่ได้ปรึกษาหารือกับ พล.ท.สุนทร คงสมพงษ์ (ยศขณะนั้น) ถึงท่าทีของฝ่ายค้านในการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะในวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมากระทั่ง ส.ส.จำนวน 5 คน ในสังกัดพรรคกิจประชาคมนับแต่ เวียง วรเชษฐ ขจรศักดิ์ ศรีสวสดิ์, อุ่นเรือน อารีเอื้อ, สุทัศน์ ศรีรัตนพันธ์ และอารมณ์ พุ่มพิริยฤนท์ได้ถอนชื่ออกจากญัตติดังกล่าวในที่สุด

ความสัมพันธ์ของ "เจริญ" กับเสนาธิการทหารคนปัจจุบันมีมาแต่ พล.อ.สุนทรอยู่หน่วยรบลพบุรีและเป็น ผบ.คอมพื้นที่ภาคอีสานซึ่งในการตรวจเยี่ยมราชการแต่ละครั้ง "เจริญ" จะต้องมาให้การต้อนรับตลอดจนอำนวยความสะดวกเป็นประจำ

"ท่านได้บินมาตรวจเอา ฮ.มาลงขอนแก่นแล้วนายทหารขอนแก่นก็รู้จักผมด้วยผู้กงผู้การไม่เสียหาย เรื่องของผู้แทน 5 คน ท่านก็มาคุยกับผมว่าทำไมผู้แทนเป็นอย่างนี้ ผมบอกครับเป็นอย่างนั้น ทางพรรคสมควรไว้วางใจรายกระทรวงแต่ถึงเวลาว่าไม่ไว้วางใจทั้งหมด เขาก็ไม่เห็นด้วยก็ติดต่อเป็นประจำปรึกษาหารือประจำผู้หลักผู้ใหญ่มาหาก็ดีเป็นธรรมดารู้จักกัน" เขาเล่าถึงบรรยากาศในวันที่ได้เจรจากับอดีต ผช.ผบ.ทบ. เกี่ยวกับญัตติที่ฝ่ายค้านจะยื่นไม่ไว้วางใจรัฐบาล

การได้รู้จักกับ บุญชู โรจนเสถียร ของเจริญนั้นเกิดขึ้นในระหว่างที่หัวหน้าพรรคกิจประชาคมคนปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลเปรม 1 จากการแนะนำของ อำพล พันธ์ประสิทธิ์ ส.ส.จังหวัดชัยภูมิค่ายกิจสังคมยุคสมัยที่ยังไม่แตกแยกซึ่ง "เจริญ" บอกว่าเขามีโอกาสได้รู้จักคนใหญ่คนโตในพรรคกิจสังคมนับแต่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ลงมากระทั่งส.ส.ธรรมดาไม่น้อยกว่า 80% ของคนทั้งพรรค

สำหรับอำพล พันธ์ประสิทธิ์ แล้วได้มีโอกาสสนิทใกล้ชิดในฐานะที่เป็นคนค้าขายเข้าไปถึงถิ่นอำเภอภูเขียว ขณะที่เจริญยังเป็นหลงจุ๊ธรรมดาซึ่งได้เริ่มรู้จักกับครอบครัวของ ส.ส.กิจสังคมคนนี้และนับถือกันเหมือนญาติคนหนึ่ง

จากการแนะนำของอำพล ทำให้เขากลายเป็นคนหนึ่งที่ชิดเชื้อกับ บุญชู โรจนเสถียร อันเป็นที่มาในการสนับสนุนช่วยเหลือผู้สมัครของพรรค "กิจประชาคม" ในหลายจังหวัดแถบภาคอีสาน ด้วยการรวมตัวก่อตั้ง "กิจประชาคม"

"คุณเจริญสงสัยไม่มีใครมาร่วมกับเรา ๆ ก็ว่าของเราไป สงสัยจะมีผมกับคุณสองคนเท่านั้นละ คุณเจริญรับผิดชอบทางโคราช, ขอนแก่น, สารคาม, ร้อยเอ็ด อุบล, กาฬสินธุ์ ส่วนทางสุรินทร์, ศรีสะเกษ, บุรีรัมย์ ให้ทางคุณประสิทธิ์ ณรงค์เดช เป็นคนรับผิดชอบ" เขาปะติดปะต่อคำพูด่ของบุญชูประโยคต่อประโยคในวันที่ถูกเรียกตัวเข้าพบก่อนที่จะมาเป็นผู้อำนวยการด้านเงินทองให้กับผู้สมัครในเขตจังหวัดแถบอีสาน

"ผมเลยบอกท่านว่าถ้าอย่างนั้นบริษัทนี้ก็มีผมกับท่านเป็นหุ้นส่นกันสองคนซิ" เจริญเล่าถึงบรรยากาศอันออกรสระห่างเขากับหนัวหน้าพรรคกิจประชาคมในวันนั้นให้ "ผู้จัดการ" ฟังพร้อมชี้แจงถึงพื้นฐานทางการเมืองว่าไม่เคยรู้จักคำว่าพรรค "พรรคแปลว่าอะไรผมไม่รู้ผมรู้แต่คำว่าพวกมีแต่พวกเอาพวกดีกว่า" เขาร่ายยาว

คำว่าพวกของเขาจากการที่พรรคกิจสังคมแตกแยกออกมาเป็นพรรคเล็กพรรคน้อยทำให้ "เจริญ" กลายเป็นผู้กว้างขวางที่มีพวกอยู่เกือบจะทุกพรรค การรับหน้าที่งานเลือกตั้งในเขตอีสานให้กับพรรคกิจประชาคมของเจริญ ถึงขนาดต้องเป็นคนหนึ่งในการเสนอตัวผู้เข้าสมัครเลือกตั้ง โดยเฉพาะในตัวจังหวัดขอนแก่นซึ่งมีคนร่วมคิดที่ชื่อ สุทัศน์ ศรีรัตนพันธ ปัจจุบันได้กลายเป็น ส.ส.ขอนแก่น พรรคกิจประชาคมอีกคนที่ร่วมใการถอนชื่อออกจากญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลคราว 22 เมษายน ที่ผ่านมา

กล่าวกันว่าสำหรับ "เล้ง" หรือ "เจริญ" แล้วสุทัศน์ยินดีที่จะปฏิบัติตามคำขอเกือบทุกอย่าง เพราะหนี้บุญคุรไม่เฉพาะได้รับช่วยเหลือในการเลือกตั้งเท่านั้นหากยังเป็นเรื่องส่วนตัวที่ผูกพันเกี่ยวกับวงการได้เสียที่ "เจริญ" ได้ลดหย่อนผ่อนชำระให้กับสุทัศน์เป็นจำนวนสูงอีกด้วย

งานการจัดสรรเลือกตัวผู้สมัคร "เจริญ" ได้เสนอแผนให้บุญชูดังตัวแคล้ว นรปติ นักการเมืองอาวุโสค่ายแนวร่วมสังคมนิยมในอดีตที่รวมตัวก่อตั้งพรรคสังคมประชาธิปไตยภายลหังถูกยุบพรรคเพราะไม่สามารถที่จะส่งจำนวนผู้สมัคร ส.ส.ได้ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดในการเลือกตั้งคราวที่ผ่านมา เขาเสนอไอเดียให้หัวหน้าพรรคกิจประชาคมรับฟังถึงความจำเป็นที่ต้องลงทุนลงแรงแย่งตัว แคล้ว นรปกติ ที่เพิ่งอกหักจากการถูกยุบพรรคและได้ประกาศตัวที่จะร่วมกับ "อุทัย พิมพ์ใจชน" พรรคก้าวหน้าก่อนหน้านั้นแล้ว

ด้วยความเชื่อมั่นค่อนข้างสูงของ "เจริญ" ถึงโอกาสการได้รับเลือกตั้งจากประชาชนของ แคล้ว นรปติ และมั่นใจมากกว่าหลังจากได้รับเลือกตั้งแล้วหนักการเมืองอาวุโสจะต้องพ้นจากการเป็น ส.ส.พรรคกิจประชาคมซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาขณะนั้นเกี่ยวกับการยื่นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งช้าเกินกว่าที่กฎหมายระบุ

"เผื่อว่าถ้าลงขอนแก่นแล้วนายแคล้วได้เป็นส.ส.คนหนึ่งแน่ ๆ อีกไม่เกิน 6 เดือนศาลฎีกาประกาศผลว่านายแคล้วหมดสภาพการเป็นส.ส.เผื่อท่านเลือกตั้งที่นครสวรรค์ไม่ได้ท่านมาลงซ่อมที่นี่" เจริญบอกถึงข้อเสนอของตนที่บุญชูเห็นด้วย แคล้ว นรปกติจึงเป็นเพียงผู้สมัครขัดตราทัพรั้งสนามเลือกตั้งไว้ รอให้กับหัวหน้าพรรคกิจประชาคมที่อาจผิดหวังจากการตัดสินใจลงสมัครที่นครสวรรค์

"งานมันเริ่มตั้งแต่วันนั้นมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้การเลือกตั้งเงินทองก็ต่างคนต่างใช้ต่างคนต่างจ่ายผมก็ใช้ของผมไปใช้หมดทุกอย่างเงินสมัครผู้แทนเขตไหน ๆ ที่ต้องรับผิดชอบเฉพาะตามกฎหมายสามแสนห้าหมื่นบาทผมหมดเยอะเงินต้องนับเป็นล้าน" เจริญ บอกถึงเงินทองที่ต้องใช้จ่ายเป็นถุงเป็นถัง

แม้ว่าการใช้จ่ายเงินทองจำนวนที่อีกหลายคนไม่สามารถจะทำได้อย่างเขาแล้วเจริญ ยังบอกถึงสิ่งที่เขาลงทุนไปนั้นไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไรทางการเมืองที่มากไปกว่าการที่พรรคพวก เพื่อติดต่อทำมาค้าขายสำหรับเป้าหมายในพรรคการเมืองแล้วแม้กระทั่งที่ปรึกษากรรมการเขาก็ยังไม่ต้องการ

มีผู้ให้ลักษณะบุคลิกรวมถึงจิตใจของ "เจริญ พัฒน์ดำรงจิตร" ว่าเขาคือ "ลิตเติ้มบิ๊กแมน" แห่งที่ราบสูง ช่วยคนจริงรับปากแล้วต้องทำ เป็นคนพูดตรงไปตรงมาขออะไรได้หมด

ความเป็นผู้กว้างขวางกล้าได้กล้าเสียโดยเฉพาะวงการได้เสียแล้วเขาเป็นที่ลืนลั่นระดับอินเตอร์คนหนึ่งถึงขนาดถือเคล้ดว่าเป็น "โชคชะตา" แห่งชีวิตทีเดียว การได้เสียของเขาจะเป็นวงเงินที่นับแต่หลักสิบล้านถึงร้อยล้านบาทคำว่า "เสี่ยเล้ง" จึงเป็นที่รู้จักกันดีในแถบถิ่นอีสานนับแต่โคราชอันเป็นบ้านเกิดไปยันฐานธุรกิจอีกแห่งในจังหวัดขอนแก่นอันเป็นที่มาของชื่อเครือกิจการที่เรียกว่า "ขอนแก่นพืชผล" จนปัจจุบันความกว้างขวางของเขามีไปถึง มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, กาฬสิทธุ์, ชัยภูมิ, อุบล หรือทั่วทั้งอีสานกลางก็ว่าได้

สำหรับวงเงินที่หมุนเวียนในกิจการที่ "เจริญ" ประกอบอยู่ในย่านที่ราบสูงนั้นคนใกล้ชิดเขาบอกว่าหากรวมแล้วก็ไม่น่าที่จะน้อยไปกว่า 2 พันล้านบาทซึ่งหนึ่งในรายได้ที่ทำให้เงินสะพัดมากที่สุดคือรายการเสี่ยงดวงของคนอีสานที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขไม่กี่หลัก เขาจึงเป็นคนหนึ่งบรรดาแบงก์เกอร์ระดับผู้จัดการสาขาให้ความเกรงใจเพราะรายได้ส่วนนี้เข้าออกธนาคารทุกสองครั้งต่อเดือนคราวละมาก ๆ

"เจริญ" เป็นลูกค้ารายใหญ่ของแบงก์หลายแห่งกระทั่งระดับประธานกรรมการแบงก์หลายแห่งต้องรู้จักเขา "ธนาคารกรุงเทพมั่ง, ทหารไทยมั่ง, กรุงไทยมั่ง ตั้งแต่ตามใจ ขำภูต ชาตรี โสภณพนิช ประยูร จินดาประดิษฐ์ ผมรู้จักหมดคือว่าเราเป็นลูกค้ารายใหญ่ทั้งนั้น" เขาร่ายยาวถึงความสัมพันธ์กับบรรดาผู้บริหารธนาคาร

ซึ่งก่อนที่ "ผู้จัดการ" มีโอกาสได้พบในวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา "เจริญ" ต้องเสียเวลากับการคอยต้อนรับบรรดาผู้บริหารธนาคารทหารไทยที่มีตั้งแต่ ประยุทธ จารุมณี ประธานกรรมการ และประยูร จินดาประดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ตลอดจนคอยส่งกลับจากการสัมมนา "ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ" ซึ่งธนาคารทหารไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดงานที่จังหวัดขอนแก่น

ไม่ว่าเกมการเมืองจะพลิกผันส่งผลให้ใครขึ้นใครตก

เจริญหรือ "เสี่ยเล้ง" ไม่เคยวิตก

เขายังคงเป็นเขา เป็น "เสี่ยเล้ง" ที่เงินหนาและชอบคบหาผู้คน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us