3 กันยายน 2530
มีการซื้อขายหุ้นกันระหว่าสหธนาคารกับธนาคารจากประเทศตะวันออกกลางคือ
"อาหรับ แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น" (เอบีซี) เป็นจำนวน 1.25 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ
250 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 312.50 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับ 25% ของหุ้นที่มีอยู่ทั้งหมด
หลังจากที่สหธนาคารเพิ่มทุนจาก 400 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่เกินกำหนดของธนาคารชาติที่ะบุให้ธนาคารมีหุ้นต่างชาติได้
25% การซื้อขายครั้งนี้ผ่านบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ร่วมเสริมกิจ ซึ่งเป็นโบรคเกอร์ในตลาดหุ้นอยู่และได้มีการจ่ายเงินค่าหุ้นไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ยังไม่ได้โอนหุ้นเพราะทางสหธนาคารขอตรวจสอบข้อมูลก่อน หุ้นที่เอบีซีซื้อเกือบทั้งหมดนี้
ซื้อจากกลุ่มของชำนาญ เพ็ญชาติ และกลุ่มแสงทองค้าข้าว
เอบีซี เป็นธนาคารที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ 3 รายคือ คูเวต อาบูดาบี และลิเบีย
มีทุนจดทะเบียน 750 ล้านเหรียญ โดยลงทุนแห่งละ 250 ล้านเหรียญ จัดอยู่ในอันดับที่
187 ของธนาคารชั้นนำของโลก และเป็นอันดับที่ 64 สำหรับธนาคารที่ผลกำไรดีเด่น
ที่เข้ามาซื้อหุ้นของสหธนาคารเพราะเห็นว่า หุ้นต่างชาติของธนาคารนี้ยังไม่เต็มเพดาน
และคิดจะเข้ามาลงทุนทำธุรกิจกับสถาบันการเงินในประเทศไทยทางเอบีซี จะขอเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารงานของสหธนาคารด้วย
7 กันยายน 2530
ทางสหะนาคารโยกลุ่มชลวิจารณ์ได้ตรวจสอบข่าวที่เอบีซีเข้ามาซื้อหุ้นของกลุ่มเพ็ญชาติ
ว่าไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าคนที่มาซื้อหุ้นนั้นมีความเกี่ยวข้องกับธนาคารเอบีซี
ซึ่งในการตรวจสอบพบว่า ผู้ซื้อหุ้นจากสหธนาคารเป็นบุคคลธรรมดา 4 คน เป็นคนไทย
1 คน และในนามนิติบุคคลอีก 5 บริษัท ทางกรรมการสหธนาคารจึงขอตรวจสอบว่า การซื้อหุ้นครั้งนี้
ผิดพระราชบัญญัติธนาคารพาณิชย์หรือไม่ เพราะถ้าผิดกฎหมายก็จะไม่มีการโอนหุ้น
และได้แจ้งไปยังธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อให้พิจารณาว่าจะรับรองการซื้อขายหุ้นครั้งนี้หรือไม่
นอกจากนี้ยังได้แสดงความคิดเห็นถึงการที่มีชาวต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นธนาคารในประเทศในลักษณะตัวแทนนั้น
จะเป็นภัยต่อสถาบันการเงินและระบบเศรษฐกิจในประเทศและที่ทางสหธนาคารยังไม่โอนหุ้นที่เอบีซีซื้อนี้ก็เพราะว่าชำนาญ
เพ็ญชาติ ทำผิดสัญญา ขายหุ้นให้ผู้อื่นโดยไม่มีการปรึกษาหารือที่สำคัญชำนาญยังมีภาระหนี้สินที่จะต้องรับผิดชอบกับผู้มากู้เงินไปจากสหธนาคารหลายราย
ซึ่งอาจเป็นหนี้ที่ก่อปัญหาให้กับธนาคาร
10 กันยายน 2530
สหธนาคารได้รับเอสารที่ทางเอบีซีนำมาแสดงเป็นหลักฐานครบแล้ว และทางแบงก์ชาติ
ก็ยืนยันว่าไม่ผิดกฎหมาย ธนาคารพาณิชย์ จึงยินยอมที่จะโอนหุ้นของกลุ่มเพ็ญชาติให้กับทางเอบีซีแล้ว
และทางแบงก์ชาติก็ยืนยันว่าไม่ผิดกฎหมาย ธนาคารพาณิชย์ จึงยินยอมที่จะโอนหุ้นของกลุ่มเพ็ญชาติให้กับทางเอบีซีแล้ว
และทางเอบีซีจะขอเข้ามาเป็นกรรมการของสหธนาคารด้วย ตามสัดส่วนการถือหุ้นเพื่อจะเข้ามาช่วยเหลือในด้านเทคนิคการบริหารกาเรงิน
การต่างประเทศ และการฝึกอบรมธนาคารในสาขาต่างประเทศด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน
ซึ่งเรื่องนี้ทางสหธนาคารขอเวลาในการพิจารณา