|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทีทีอาร์ นำทัพธุรกิจไทยรุกละตินอเมริกา โดย “โอสถสภา” นำร่องเล็งลงทุนเครื่องดื่มชูกำลัง ตั้งเป้าดึงทุนไทยไปปักฐานแก้ปัญหาระยะทางขนส่ง โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร เตรียมจับมือปานามา ตั้งคลังสินค้าอาหารไทย เพื่อกระจายสินค้าไปยังอเมริกาใต้ พร้อมเร่งเปิด เอฟทีเอ กับชิลี เพื่อใช้สิทธิพิเศษทางภาษีส่งสินค้าเจาะ 'สหรัฐฯ -ละติน' ขณะที่บราซิลขนเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ลงทุนโรงงานรถบรรทุก และอะไหล่ยนต์ในไทย
ภูมิภาคละตินอเมริกานับได้ว่าเป็นตลาดใหม่ที่สำคัญของไทย เนื่องจากมีประชากรมากกว่า 600 ล้านคน รวมทั้งยังมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นอันดับต้นๆของโลกรองจากจีน และอินเดีย โดยมีบราซิล เม็กซิโก และอาร์เจนตินา เป็นประเทศที่มีขนาด GDP ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค คิดเป็นกว่าร้อยละ 72 ของ GDP อีกทั้งภูมิภาคนี้ยังมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมันดิบ ในประเทศเวเนซุเอลา บราซิล ชิลี อาร์เจนตินา เปรู ทองแดง ในประเทศชิลี เปรู และปานามา เหล็ก ในประเทศบราซิล ชิลี และอาร์เจนตินา ถ่านหินในประเทศโคลอมเบียและอาร์เจนตินา จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการขยายการค้าของไทย
เล็งตั้งคลังสินค้าในปานามารุกตลาดละติน
วัชระ พรรณเชษฐ์ ผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการเจาะตลาดการค้าใหม่ๆเป็นอย่างมากโดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคละตินอเมริกา เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในอันดับต้นๆของโลก โดยเฉพาะประเทศบราซิล ชิลี อาเจนตินา นอกจากนี้ภูมิภาคละตินอเมริกายังมีประชากรสูงกว่า 640 ล้านคน ใกล้เคียงกับอาเซียนที่มีประชากรมากกว่า 580 ล้านคน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสอย่างสูงสำหรับสินค้าไทย แต่ก็มีอุปสรรคสำคัญคือระยะทางที่ห่างไกลจากประเทศไทยมาก ทำให้มีค่าใช้จ่าย และระยะเวลาในการขนส่งสูง การเดินทางไปเจรจาธุรกิจแต่ละครั้งใช้เงินทุนหลายแสนบาท จึงทำให้ที่ผ่านมาการค้าระหว่าง 2 ภูมิภาคไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ดังนั้นรัฐบาลจึงมีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในภูมิภาคนี้ เช่น เข้าไปลงทุนเลี้ยงไก่ครบวงจร เพราะว่าราคาอาหารสัตว์ต่ำกว่าประเทศไทยมาก
ส่วนประเทศที่น่าจะเข้าไปลงทุนได้แก่ ในประเทศปานามา ควรเข้าไปลงทุนในธุรกิจอาหารครบวงจร ตั้งแต่การตั้งฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงงานแปรรูป ไปจนถึงร้านอาหารไทย เพราะว่าประชาการในภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่นิยมทางข้าวแบบไทย รวมทั้งยังมีแผนที่จะลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าอาหารในปานามา ซึ่งแต่ละแห่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท โดยคลังสินค้าจะเป็นแหล่งเก็บสินค้าไทย ก่อนกระจายไปยังประเทศละตินอเมริกา ในขณะที่ประเทศบราซิลที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2014 จึงเหมาะที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องปรับอากาศ ที่ผ่านมาไทยถูกเครื่องปรับอากาศจากจีนเข้ามาตีตลาดดังนั้นหากเข้าไปผลิตภายในภูมิภาคนี้ก็จะมีความได้เปรียบมากกว่าคู่แข่ง รวมทั้งยังได้สิทธิเอฟทีเอส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯในอัตราภาษีที่ต่ำ
หนุนเอฟทีเอ 'ชิลี' ติดปีกสินค้าไทยรุกอเมริกา
ทั้งนี้ไทยยังอยู่ระหว่างการเจรจาเขตการค้าเสรีไทย-ชิลี ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงนามได้ภายในปีหน้า โดยไทยจะสามารถส่งออกสินค้าจำพวกรถกระบะ อะไหล่รถยนต์ เม็ดพลาสติก และเครื่องปรับอากาศได้มากขึ้น ไม่เพียงแต่การลงทุนด้านอุตสาหกรรมที่จะเข้าไปในภูมิภาคละตินอเมริกาเท่านั้น แต่การเข้าไปเหมืองแร่ต่างๆก็เป็นที่น่าสนใจ เนื่องจากเปรุ เม็กซิโกเป็นผู้ผลิตแร่ทองแดง และทองคำอันดับต้นๆของโลก ดังนั้นการเข้าไปร่วมลงทุนก็จะทำให้ไทยได้วัตถุดิบราคาถูกเข้าประเทศ
ขณะที่ธุรกิจบริการก็ยังเปิดกว้างสำหรับนักธุรกิจไทย โดยเฉพาะธุรกิจโรงพยาบาล โรงแรม ธุรกิจสปา โดยจะเป็นการผลักดันให้คนไทยเข้าไปร่วมตั้งธุรกิจ รวมทั้งการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย ซึ่งสำนักผู้แทนการค้าไทยจะส่งเสริมให้โรงพยาบาลไทยที่ได้มาตรฐาน JCI ที่ขณะนี้มีประมาณ 13 แห่ง ให้ออกไปลงทุน และดึงดูดผู้ป่วยในต่างประเทศ
ทุนละตินบุกไทยตั้งรง.รถบรรทุก1หมื่นล.
ส่วนการลงทุนที่คาดว่ากลุ่มประเทศละตินอเมริกาจะเข้ามาลงทุนในไทย ก็จะเป็นอุตสาหกรรมรถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ล่าสุดบริษัท Navi Star ผู้ผลิตรถบรรทุกขนาดใหญ่ในบราซิลยี่ห้อ MWM พร้อมที่จะเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตรถบรรทุกขนาด 10 ตันขึ้นไปในไทย โดยบริษัทตั้งเป้าใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถบรรทุก 2.5 หมื่นคันต่อปี มูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัท Eaton ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ของบราซิล ได้ตกลงตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย เพื่อลงทุนผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และส่งขายในเอเชีย ซึ่งมูลค่าการลงทุนจะไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่ไทยต้องนำเข้าวัตถุดิบจากบราซิล เช่น อลูมิเนียมและเหล็ก
เล็งขยายการค้า1.5ล.ดอลลาร์ใน5ปี
นอกจากนี้ประเทศไทยได้เตรียมจัดงานประชุมสัมมนา “Latin Business Forum 2010” ในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะเป็นความร่วมมือของสำนักผู้แทนการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจไทย-ละติน และสถานทูตของประเทศลาตินอเมริการทั้ง 7 ประเทศที่อยู่ในไทย ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี คิวบา เม็กซิโก ปานามา และเปรู โดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะมาร่วมงานนี้ด้วย เพื่อเป็นเวทีในการเจรจาขยายการค้า การลงทุนระหว่างไทยกับลาตินอเมริกา และในงานนี้จะมีนักธุรกิจจากละตินอเมริกาเข้าร่วมประมาณ100 ราย และจากไทยประมาณ 300 ราย ทั้งนี้คาดว่าจากการสนับสนุนของภาครัฐอย่างจริงจังจะทำให้เพิ่มปริมาณการค้าจาก 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไปเป็น 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายใน 5 ปีนี้
โอสถสภาเล็งลงทุนเครื่องดื่มชูกำลังในละติน
ด้าน สมเกียรติ อนุราษฎร์ ประธานสภาธุรกิจไทย-ละติน กล่าวว่า แม้ว่าไทยจะทำการค้ากับละตินอเมริกามานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาขยายตัวไม่มากเท่าที่ควรเพราะมีระยะทางไกล ดังนั้นธุรกิจที่ออกไปค้าขายจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ เช่น ปูนซิเมนต์ไทยที่ได้ส่งออกปูนเม็ดไปยังชิลี การส่งออกรถยนต์ และนำเข้าปลาแซลมอนเป็นต้น นอกจากนี้ประเทศขนาดใหญ่อย่างบราซิล อาเจนตินา และชิลี ต่างก็มองไทยและอาเซียนเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ โดยสินค้าที่เขาต้องการจากไทยมาก จะเป็นอะไหล่ยานยนต์ เนื่องจากไทยส่งออกรถยนต์ไปยังภูมิภาคนี้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องถ้วยชามเมลามีน อัญมณีและเครื่องประดับ ปลาทูน่ากระป๋อง และเครื่องนอนเป็นต้น ขณะนี้บริษัทโอสถสภาได้เตรียมเข้าไปลงทุนในธุรกิจเครื่องอื่มชูกำลังในภูมิภาคนี้
ส่วนประเทศคู่แข่งในภูมิภาคนี้ที่สำคัญจะเป็นประเทศมาเลเซีย เนื่องจากเข้าไปเจาะตลาดก่อนไทยนานกว่า 16 ปีแล้ว และมีสายการบินบินตรงไปยังลาะตินเมริกา มีนักลงทุนมาเลเซียเข้าไปลงทุนในหลายกิจการ เช่น สัมปทานป่าไม้ในบราซิล เป็นต้น มียอดการค้ากว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากรัฐบาลให้การส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรม คาดว่าไทยจะตามทันมาเลเซียในตลาดละตินอเมริกาภายใน 3-5 ปี
|
|
|
|
|