เขาเป็นผู้ที่มีบทบาทมากๆ ต่อการเชื่อมโยงธุรกิจดั้งเดิมไปสู่การค้าในโลกของอินเทอร์เน็ตให้กับกลุ่มซีพี
สำหรับ ม.ล. สุภสิทธิ์แล้ว นี่เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างประสบการณ์เดิม
และความสนใจในธุรกิจ e-commerce
เขาเกิดเมื่อธันวาคม พ.ศ.2505 วัย 39 ปีไม่เต็มของเขา เมื่อเทียบกับผู้บริหารอื่นในกลุ่มซีพีแล้ว
วัยของเขาไล่เลี่ยกับ ศุภชัย เจียรวนนท์ ซึ่งเกิดปี 2510 ผู้ซึ่งมีบทบาทอย่างมากต่อพัฒนาการไปสู่การสร้าง
e-business ให้กับกลุ่มซีพี
ม.ล.สุภสิทธิ์ จบปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จากExeter University ประเทศอังกฤษ
เริ่มงานครั้งแรกที่ธนาคาร เชสแมนฮัตตัน (เอเชีย) ตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกในปี
2525 คือ รองผู้อำนวยการฝ่าย Merchant banking เขาทำงานอยู่ในแวดวงการเงินมาตลอด
เคยเป็น ผู้ประสานงานระหว่างกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่กับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลไทย
ในช่วงปี 2525-2527 จากนั้นก็เข้าทำงานที่ UBS Warburg รับผิดชอบธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ
ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเรียนรู้และผ่านงานสำคัญๆ ดูแลโครงการใหญ่ๆ หลายโครงการ
เคยร่วมแก้ปัญหาด้านการเงิน และแปลงสภาพหนี้ของสถาบันการเงินหลายแห่ง เช่น
รัตนสิน นครธน ในช่วงวิกฤติการเงินของเอเชีย ในจำนวนนี้รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับกลุ่มยูคอม
และบริษัทแทค เป็นที่ปรึกษาด้านแยงกี้บอนด์ในไทย และหลายประเทศในเอเชีย รวมถึงการควบรวมกิจการ
และธุรกรรมด้านการเงิน ให้กับบริษัทเอกชน และรัฐวิสาหกิจหลายแห่งของไทย
จากประสบการณ์ทำให้เขามองเห็นแนวโน้มความสำคัญของ e-commerce การที่องค์กรจะต้องปรับตัวเข้าสู่การทำธุรกิจแนวใหม่
เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกแสวงหาประสบการณ์ใหม่
ม.ล.สุภสิทธิ์บอกว่า ใช้เวลาในการพูดคุยกับธนินท์ และศุภชัยไม่นานก็ตัดสินใจมาร่วมงานกับกลุ่มซีพี
ซึ่งเวลานั้นความคิดของเขาคือ ตั้งบริษัทเอง หรือการเข้าทำงานกับองค์กรขนาดใหญ่
และนำพาบริษัทนั้นเข้าสู่ธุรกิจอินเทอร์เน็ต
"มันอยู่ในภาพที่เห็นชัดเจนมาก อย่างประเทศที่พัฒนาแล้ว ถ้าใครไม่ไป e-business
จะมีคนมาคอยดูคุณตลอดเวลา" ม.ล.สุภสิทธิ์เล่าถึงที่มาของอิทธิพลของ e-commerce
ที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงกลไกของธุรกิจ
โดยส่วนตัวแล้ว ม.ล.สุภสิทธิ์ ไม่ใช่คนหลงใหลในเทคโนโลยี "ผมเป็นคนโบราณ
แต่ความคิดทันสมัย" เขาเปรียบเทียบตัวเขาเหมือนกับหนังสือ animal farm ที่พูดถึงโลกอนาคตจะเป็นอย่างไร
การใช้งานในเรื่องของอินเทอร์เน็ต จึงเป็นเรื่องของการใช้เป็นแหล่งในการค้นหาข้อมูล
ไม่ใช่เพื่อการติดต่อสื่อสาร
"ผมใช้ information มาตลอด ผมจะใช้ต่อเมื่อผมอยากได้ข้อมูล เพราะผมเป็นคนรู้จักใช้ข้อมูล
ผมรู้ว่าควรจะไปหาที่ไหน ดูได้อย่างไร" ทั้งหมดนี้ล้วนแต่มาจากประสบการณ์ของการเป็น
Investment Bank ที่ต้องคลุกคลีอยู่กับข้อมูล
หลายคนเชื่อว่าประสบการณ์ของเขาเป็นประโยชน์มากๆ ในการก้าวเข้าสู่ new
economy ของกลุ่มซีพี ที่จำเป็นต้องมองภาพรวมขององค์กร และโครงสร้างของธุรกิจอย่างดีพอ
ไม่ใช่ความรู้ในเรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาถูกเลือกสำหรับงานนี้
"ผมไม่ได้มีพื้นฐานมาจากเทคนิค แต่มาจากธุรกิจ แต่ผมมองออกว่าอะไรคือสิ่งที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง"
และนี่ก็เป็นความท้าทายในโลกธุรกิจใบใหม่ทั้งสำหรับตัวเขา และกลุ่มซีพีที่จะมี
"ความสำเร็จ" หรือ "ล้มเหลว" เป็นเดิมพัน ที่จะทำให้เขาสามารถบันทึกประวัติส่วนตัวได้เหมือนที่อยู่ในธุรกิจการเป็นวาณิชธนกิจหรือไม่
ยังตอบไม่ได้ แต่สำหรับ ม.ล. สุภสิทธิ์แล้วเขาบอกแต่เพียงว่า "ผมไม่เคยทำอะไร
ไม่สำเร็จ"