|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไทยเบฟ แต่งตั้งแม่ทัพใหม่คุมบังเหียนโออิชิ ลั่นปั้นธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม สู่รีจินัลแบรนด์ 3 ปี สานฝันสินค้าสำหรับคนรุ่นใหม่ สู่โกลบอลแบรนด์ในอนาคต โฟกัสขยายตลาดต่างประเทศหนักปีหน้า ประเดิมลุยอาเซียน เอ็มดีใหม่ “แมทธิว” ชู 3 วิชัน ปรับการบริหาร แตกไลน์เครื่องดื่มนวัตกรรมใหม่ ลุยธุรกิจอาหารทุกช่วงเวลา เช้า ยัน เย็น ตั้งเป้า 5 ปี กวาดรายได้ 2 หมื่นล้านบาท โตมากกว่า 30% ทุกปี ปีหน้ายอดทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จ่อประมูลซื้อกิจการคาร์ฟูร์รอบ 2 ตัดเชือกเดือนตุลาคม นี้
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี รองประธานกรรมการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ เปิดเผยว่า หลังจาก นายตัน ภาสกรนที ได้ลาออกจากบริษัท เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมานี้ บริษัท ไทยเบฟ ผู้ถือหุ้นใหญ่ 89.9% ได้แต่งตั้งให้ นายแมทธิว กิจโอธาน ให้มาดำรงตำแหน่งกรรมการและกรรมการผู้จัดการ ในบริษัท โออิชิ กรุ๊ป
จากก่อนหน้านี้ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เพื่อดูแลธุรกิจในต่างประเทศของบริษัท ไทยเบฟ โดยแม่ทัพคนใหม่โออิชิ กรุ๊ป จะเป็นบริหารธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นภายใต้แนวคิด “เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนรุ่นใหม่” เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมานี้ สำหรับทิศทางของโออิชิ กรุ๊ป จากนี้ไปวางเป้าหมาย 3 ปี สร้างธุรกิจโออิชิทั้งกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่มสู่รีจินัลแบรนด์ และโกลบอลแบรนด์ในอนาคต
การขยายกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มโออิชิในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากการตลาดในยุคนี้ผนวกรวมกันหมด หรือเป็นการค้าที่ไร้พรมแดน ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยมาจากนโยบายของภาครัฐเองด้วย อาทิ การเปิดเขตเสรีการค้าอาเซียน +3 หรือ +6 ขณะที่โออิชิ นับว่า เป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพในการขยายตลาดต่างประเทศ ประกอบกับไทยเบฟ มีสำนักงานใหญ่ 7 แห่ง ได้แก่ อังกฤษ สกอตแลนด์ ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน และล่าสุด ที่อเมริกา ซึ่งการขยายตลาดมีทั้งรูปแบบการขยายตลาดผ่านบริษัท ไทยเบฟ หรือทำตลาดเองของโออิชิ กรุ๊ป ในประเทศเพื่อน อาทิ ลาว เขมร โดยตั้งเป้าหมายการส่งออกจะเพิ่มจาก 4% เป็น 30%
“บริษัท โออิชิ มีศักยภาพอยู่แล้ว ดังนั้น การควบรวบกับไทยเบฟคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากแต่ละบริษัทมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของโออิชิ เข้ามาเสริมสร้างรายได้กลุ่มนอนแอลกอฮอล์ของไทยเบฟฯ และผลักดันให้รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 10% เมื่อเทียบกับแอลกอฮอล์มีรายได้ 90% จากรายได้รวมทั้งหมด”
นายฐาปน กล่าวต่อถึงการประมูลซื้อกิจการไฮเปอร์มาร์เก็ตกลุ่มคาร์ฟูร์ ว่า ขณะนี้บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี ได้ผ่านประมูลในรอบแรกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบีเจซีเป็น 1 ใน 4 รายที่เข้ารอบ และคาดว่า จะมีประมูลรอบที่ 2 หรือครั้งสุดท้ายในเดือนตุลาคม นี้ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการซื้อกิจการค้าปลีกคาร์ฟูร์เพื่อเสริมสร้างธุรกิจของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ให้มีความแข็งแกร่งครอบคลุมการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ซึ่งการซื้อกิจการของบริษัทมีโอกาสอยู่เสมอ ส่วนความคืบหน้าการเป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน ปีนี้จะก้าวสู่ปีที่ 7 และหากมีการต่อสัญญาอีกครั้งจะครบ 10 ปี โดยยังไม่ได้พิจารณาเป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีก
***แม่ทัพโออิชิชูวิชัน 5 ปี แตะ 2 หมื่นล.***
นายแมทธิว กิจโอธาน กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป กล่าวถึง วิชันของโออิชิทั้งกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ว่า บริษัทชู 3 แนวทางหลัก คือ 1.ปรับระบบการบริหารงานรูปแบบส่วนบุคคลมาสู่การบริหารงานระดับมืออาชีพ เพื่อเสริมสร้างโออิชิให้เข้มแข็ง 2.ขยายผลต่อยอดการเติบโต ด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ไปสู่การพัฒนาสินค้าข้ามกลุ่มลงในตลาดเครื่องดื่มใหม่ๆ เพื่อป้อนตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และ 3.โครงสร้างองค์กรยังคงความรวดเร็วและคล่องตัว และวัฒนธรรมภายในองค์กร แต่เน้นสร้างความเป็นมืออาชีพให้กับพนักงานทุกระดับ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความถูกต้องมากขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในกลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัทขยายโปรดักส์ไปสู่ช่วงเวลาการกินอาหารในทุกมื้อมากขึ้น จากที่ผ่านมาธุรกิจอาหารที่มี 11 แบรนด์ ตอบสนองความต้องการลูกค้าในช่วงเวลากลางวันและเย็นเท่านั้น ขณะที่ช่วงเช้ายังเป็นช่องว่างการตลาด ส่วนกลุ่มเครื่องดื่มแตกไลน์สินค้าข้ามประเภท หรือกระทั่งการเปิดเซ็กเมนต์ใหม่ๆ เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดชาเขียวครองส่วนแบ่ง 63% จากมูลค่าตลาดชาพร้อมดื่ม 1 หมื่นล้านบาท และเป้าหมายสำคัญ คือ การขยายตลาดต่างประเทศ โดยต้องการสร้างเครื่องดื่มสำหรับคนรุ่นใหม่รอบโลก และคนไทยเนื่องจากมองว่าตลาดเครื่องดื่มไทยยังไม่อิ่มตัว
นำร่องขยายตลาดอาเซียน ซึ่งคาดว่า จะเริ่มส่งออกในปีหน้านี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่า กลุ่มเครื่องดื่มจะเป็นธุรกิจที่เติบโตเร็วมากกว่ากลุ่มอาหาร จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้ 50:50 ซึ่งบริษัทปรับเปลี่ยนระบบการผลิตบรรจุเย็นปลอดเชื้อ เริ่มผลิตในเดือนพฤศจิกายน นี้ อีกทั้งกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ได้เตรียมดำเนินแคมเปญการตลาดต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 4
ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นจนถึงปีหน้าแล้ว สำหรับผลประกอบการโออิชิ กรุ๊ป ในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ ตั้งเป้าสร้างยอดขาย 2 หมื่นล้านบาท ด้วยการเติบโตมากกว่า 30% ทุกปี จากปีนี้คาดว่ามีรายได้เกือบ 1 หมื่นล้านบาท ปีหน้าตั้งเป้าทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนอีก 2 ปี รายได้เติบโตเท่าตัว สำหรับผลประกอบการ 8 เดือนที่ผ่านมา เติบโต 30% ตามเป้าหมาย
“เรายังคงตอกย้ำกุญแจแห่งความสำเร็จของแบรนด์โออิชิ ซึ่งมีด้วยกัน 3 ประการ คือ 1.มีนวัตกรรมใหม่ที่สอดรับกับกลุ่มเป้าหมาย 2.การพัฒนาสินค้าที่รวดเร็วออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และ 3.คุณภาพของสินค้าและการบริการ ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ที่นั่งอยู่ในใจของลูกค้า โดยจะไม่ลบภาพลักษณ์คุณตันที่ผูกติดกับแบรนด์ แต่จะเป็นการต่อยอดทางธุรกิจมากกว่า” นายแมทธิว กล่าว
*** แมทธิวลูกเขยช่อง 3
สำหรับ นายแมทธิว กิจโอธาน นี้ ในอดีตเคยเป็นผู้บริหารของค่ายเครื่องดื่มเป๊ปซี่มาก่อน ก่อนที่จะย้ายมาทำงานที่กลุ่มไมเนอร์ รับผิดชอบดูแลสินค้ากลุ่มแฟชั่นเครื่องสำอางประมาณ 5 ปีจึงย้ายมาอยู่ที่กลุ่มไทยเบฟได้ประมาณปีเศษแล้ว ซึ่ง นายแมทธิว นี้ เป็นสามีของ นางแคทรีน มาลีนนท์ กิจโอธาน ลูกสาวคนโตของนายประชา มาลีนนท์ ที่เป็นพี่ชายของ นายประวิทย์ มาลีนนท์ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 จึงมีศักดิ์เป็นลูกเขยของตระกูลมาลีนนท์ หรือช่อง 3
|
|
|
|
|