ไม่รู้ว่า คอลเกต ปาล์มโอลีฟ จะถือคติที่ว่า "ช้า ช้า ได้พร่าเล่มงาม"
หรือเปล่า จึงเมื่อค่ายอื่น ๆ นำผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกสำหรับเครื่องออกสู่ท้องตลาดไปตั้งนานสองนานแล้ว
ค่ายคลอเกตถึงเพิ่มขึ้น "แฟ้บ เมติก" ออกมา แต่ถึงจะออกมาช้ากว่าเพื่อน
ก็สร้างความแตกต่างได้มากพอสมควร โดยเฉพาะที่นำแฟ้มเมติก เข้าสู่นาซา สเปซีโดรมดิสโก้เธออวกาศ
เพื่อแนะนำตัวซึ่งวัตถุประสงค์ในการจัดเปิดตัวครั้งนี้เพื่อต้องการสร้างความแปลกใหม่
เพราะเวลาแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ทีไร ก็มักจะทำกันที่โรงแรมทุกที และที่สำคัญคือต้องการสร้างความเป็นไฮ-เทคให้กับตัวสินค้า
เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกันกับเครื่องซักผ้าที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยทางประกิต
แอนด์เอฟซีบี ซึ่งเป็นเอเยนซี่ให้กับทางคอลเกตฯ เป็นผู้รับผิดชอบในการจัด
นอกจากในคืนนั้นที่นาซาดิสโก้เธอแล้ว คอนเกตฯก็ยังได้จัดงานแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ
ที่โรงแรมรอยัลออคิด เชอราตัน (ไม่พ้นโรงแรมตามเคย) สมทบด้วย
ผู้บริหารของบริษัท สยามเพียวริตี้ จำกัด ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าที่ใช้ในครัวเรือนมีเพียง
80,000 เครื่องเท่านั้นจึงไม่คุ้มค่าที่จะลงทุนเข็นผลิตภัณฑ์เข้าตลาด พอปี
2528 ลีเวอร์บราเธอร์ส ก็นำ "บรีส เมติก" ออกสู่ท้องตลาด คอลเกตฯ
ก็ยังทำเฉยอีก แม้ว่าในปี 2528 จำนวนการใช้เครื่องซักผ้าจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น
100,000 เครื่องแล้วก็ตามแต่ในช่วงนั้น การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างเชื่องช้าค่อย
ๆ กระดุบกระดิบ มิหนำซ้ำเงินบาทไทยยังมีค่าน้อยลงไปอีกและถึงแม้ว่ายอดขายของเครื่องซักผ้าจะอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจแต่จากที่คอลเกตฯ
ได้ตรวจสอบถึงการใช้ผงซักฟอกกับเครื่องพบว่าแม่บ้าน 70% ยังคงใช้ผงซักฟอกธรรมดาที่ใช้สำหรับซักด้วยมือ
มาใช้กับเครื่อง เพราะแม่บ้านส่วนใหญ่ ยังไม่มีความรู้ถึงวิธีการใช้ผงซักฟอกกับเครื่องซักผ้าอย่างถูกวิธี
จึงดูเหมือนว่าการพูดคุยกับคนให้รู้เรื่องได้เพียง 3 คนในการคุยกับคน 10
คนนั้นจะไม่คุ้มค่าเมื่อยปากซะเลย สู้รอดูจังหวะที่ดีกว่านี้จะดีกว่า
จนในปีนี้ ทางคอลเกตฯคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่บริษัทฯจะนำผงซักฟอกสำหรับเครื่องออกสู่ท้องตลาดบ้าง
หลังจากที่ได้ปล่อยให้ค่ายอื่นสนุกสนานกันมาแล้วเพราะจากการศึกษาวิจัยของบริษัทฯนั้น
เครื่องซักผ้า เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ที่วิถีชีวิตของคนเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
การดำเนินชีวิตเร่งรีบขึ้น เวลามีค่ามากขึ้น ในปัจจุบันจึงพบว่า มีเครื่องซักผ้าในครัวเรือนประมาณ
300,000 ครัวเรือนคิดเป็นร้อยละ 3 องครัวเรือนทั้งประเทศ และมีทีท่าว่า จะเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย
ๆ ประมาณ 20% ต่อปี ส่วนตลาดของผงซักฟอกสำหรับเครื่องเองนั้น ปีที่แล้วขนาดของตลาดเท่ากับ
2,500 ตันมีมูลค่าประมาณ 120 ล้านบาท มีอัตราการเจริญเติบโตประมาณ 25% ต่อปี
ตลาดส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯประมาณ 85% ที่เหลือกระจัดกระจายตามเมืองใหญ่
ๆ ทั่วประเทศ และถึงแม้ในระยะหลัง ยังมีกลุ่มแม่บ้านที่ยังใช้ผงซักฟอกธรรมดากับเครื่องอยู่ประมาณ
40% มันก็เริ่มง่ายขึ้นแล้วที่คุยกับคน 10 คนแล้วมีคนรู้เรื่อง เข้าใจได้ถึง
6 คนนับเป็นตัวเลขที่น่าพอใจในสายตาของค่ายคอลเกตฯ
ด้วยเหตุนี้ "แฟ้บ เมติก" จึงถูกเข็นออกมาเอประชันโฉมกับ "บรีส
เมติก" ของลีเวอร์ฯ "เปาเอ็ม.วอช" และ "โปร เมติก"
ที่เป็นของค่ายสหพัฒนฯเหมือนกัน และออกมาก่อนหน้า "แฟ้บเมติก"
เพียงไม่กี่เดือน และเมื่อเป็นผู้มาทีหลังสุด จึงต้องสร้างจุดเดนที่น่าสนใจให้กับตัวสินค้าดังนั้นคอลเกตฯ
จึงออกแบบกล่องในลักษณะที่สะท้อนความทันสมัย ตัวกล่องกระดาษเคลือบด้วยไฟเบอร์เทค
เป็นวัสดุอาบมันพิเศษเพื่อให้กล่องสามารถกันความร้อนและความชื้นได้เป็นการป้องกันผงซักฟอกที่อยู่ภายในสีที่พิมพ์ลงบนกล่องก็เป็นสีสะท้อนแสง
เมื่ออยู่ในท่ามกลางเพื่อนฝูงทั้งหลาย "แฟ้บ เมติก" ก็เตะตาผู้บริโภคได้
สมใจนึกบางลำภูจริง ๆ นอกจากนั้น ก็ยังมีส่วนผสมของน้ำหอมสูตรใหม่ซึ่งทางคอลเกตฯ
กล่าวว่า ได้ทำการทดสอบกับแม่บ้านมาแล้วประมาณ 400-500 คน ผลออกมาก็เป็นที่ถูกอกถูกใจกับกลิ่นหอมนี้
และในผงซักฟอกยังประกอบด้วยสารทำความสะอาดถึง 3 ชนิด สามารถขจัดคราบสกปรกได้หมดจด
ที่เน้นมากคือ เป็นการปกป้องเครื่องซักผ้า จะไม่มีสิ่งตกค้างหลงเหลือในถังซักจึงช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้าด้วย
ที่กล่าวมานี้ เป็นจุดขายที่คอลเกตฯ จะนำเสนอแก่ผู้บริโภคโดยมีการโฆษณา
ประชาสัมพันธ์และการส่งเสริมการขายอย่างหนัก ใน 3 เดือนแรกใช้งบโฆษณาถึง
10 ล้านบาท ครึ่งหนึ่งใช้ในการนำตัวอย่างสินค้า กลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวน 500,000
กล่องและแจกผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเครื่องซักผ้าทุกยี่ห้อทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ยังได้ลดราคาผงซักฟอกขนาด
45 บาทลงมา 30-35% ตามห้างสรรพสินค้าและซุเปอร์มาร์เก็ต ในช่วงแนะนำสินค้าระยะ
2-3 เดือนแรกนับเป็นการรุกทางด้านการตลาดที่คู่แข่งจะต้องสะดุดหยุดกึกทีเดียว
เพราะคอลเกตฯได้เผยความในใจแล้วว่า จะสร้าง MARKET SHARE ให้ได้ถึง 50% ในขณะที่
เปาเอ็ม.วอชซึ่งเป็น LEADER ในตลาดนี้ มี MARKET SHARE อยู่ประมาณ 40% ตามด้วยบรีส
เมติกประมาณ 30% ในปัจจุบัน
สำหรับ MARKET SHARE ในตลาดผงซักฟอกธรรมดานั้น LEADER คือ บริสมีอยู่ประมาณ
31-32% แฟ้บมีอยู่ประมาณ 27-28% เมื่อทางคอลเกตฯกล่าวดังนี้ ก็ไม่ใคร่จะกล้าเดานักว่า
พร้าเล่มที่คอลเกตฯจะได้ไปนั้น จะงามหรือไม่ เพียงใด