Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน13 กันยายน 2553
ปตท.ปรับแผนลงทุนแอลพีจี เปิดแผนเด็ดลุย “ปิโตรเวียดนาม”             
 


   
search resources

ปตท., บมจ.
Oil and gas




ปตท.จ่อเดินหน้ารุกธุรกิจแอลพีจีในเวียดนามเต็มสูบ เล็งขอซื้อหุ้นทั้งหมดจากพันธมิตรร่วมทุน “ปิโตรเวียดนาม” หากไม่สำเร็จก็จะขายหุ้นในมือ 45% ออกไปแล้วลงทุนใหม่หมด หลังประเมินตลาดแอลพีจีมีศักยภาพเติบโตได้อีกมากและไม่ถูกควบคุมราคาขายเหมือนประเทศไทย ด้านสยามแก๊ส แย้มสนใจซื้อธุรกิจแอลพีจีของ ปตท.หากเสนอขายเพื่อเสริมธุรกิจที่มีอยู่ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

นายสรัญ รังคสิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดพาณิชย์และต่างประเทศ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ปตท.มีแผนจะปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ในประเทศเวียดนามใหม่ หลังจากได้ร่วมทุนกับบริษัท ปิโตรเวียดนาม ตั้งบริษัท เวียดนามแอลพีจี เพื่อทำธุรกิจบรรจุและขายแอลพีจีในเวียดนามมานานเกือบ 20 ปี โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะขยายตลาดธุรกิจแอลพีจีในเวียดนามให้มากกว่าที่เป็นอยู่ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาขอซื้อหุ้นจากปิโตรเวียดนามทั้งหมด หรือขายหุ้นในบริษัทร่วมทุนดังกล่าวทั้งหมดออกไป แล้วลงทุนใหม่โดยปตท.ถือหุ้นทั้ง 100% เนื่องจากตลาดแอลพีจีในเวียดนามมีศักยภาพดี โดยราคาขายอิงตามราคาตลาดโลก ไม่ถูกควบคุมราคาขายเหมือนกับไทย

“ส่วนแบ่งการตลาดของเวียดนามแอลพีจีเดิมเคยสูงถึง 10% ปัจจุบันลดลงเหลือ 4-5% ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก ปตท.ไม่สามารถส่งออกแอลพีจีจากไทยไปจำหน่ายที่เวียดนามได้ ทำให้ต้องหันไปซื้อจากโรงกลั่นในเวียดนามแทนผ่านทางพันธมิตรร่วมทุน ซึ่งปริมาณการขายไม่มากและมีข้อจำกัดในพื้นที่การจัดจำหน่าย แต่ก็มีผลกำไรจากการดำเนินงานทุกปีประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ”

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีเวลาอีก 3 ปีกว่าสัญญาการร่วมทุนจะสิ้นสุดลง เพื่อตัดสินใจว่าจะเลือกแนวทางใดโดยจะหารือกับปิโตรเวียดนามก่อนเพื่อขอซื้อหุ้นทั้งหมด หากไม่สำเร็จก็คงจะขายหุ้นที่ถืออยู่ในมือไป แล้วลงทุนธุรกิจบรรจุและขายแอลพีจีใหม่ ซึ่งจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิมที่ทำอยู่ซึ่งจะต้องลงทุนทั้งท่าเทียบเรือ โรงงานบรรจุยังไม่สามารถประเมินเงินลงทุนได้ในช่วงนี้ โดยยอมรับว่า วัตถุประสงค์ในการเข้าไปทำตลาดแอลพีจีในเวียดนามครั้งแรก เพื่อใช้เป็นตลาดส่งออกแอลพีจีในไทย เนื่องจากช่วงนั้นความต้องการใช้แอลพีจีในประเทศไม่สูงเหมือนกับปัจจุบัน ทำให้กำลังการผลิตแอลพีจีในไทยเหลือต้องส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ

แต่ปัจจุบันสถานการณ์ความต้องการใช้แอลพีจีในตประเทศสูงมากนับตั้งแต่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้ใช้ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมปรับเปลี่ยนมาใช้แอลพีจีแทน จนทำให้ไทยกลายเป็นประเทศผู้นำเข้าแอลพีจีแทนที่ส่งออกไปต่างประเทศ ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ควบคุมราคาขายปลีกแอลพีจีอยู่ที่ 330 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน สวนทางตลาดโลกที่ราคาพุ่งไปถึง 600-700 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระส่วนต่างการนำเข้าและราคาขายปลีกแทน

นายสรัญ กล่าวต่อไปว่า การตัดสินใจเข้าไปรุกตลาดแอลพีจีที่เวียดนามในอนาคต ก็คงต้องมีการนำเข้าแอลพีจีจากต่างประเทศเข้ามา ซึ่งก็เหมือนกับคู่แข่ง โดยราคาขายปลีกเป็นราคาลอยตัวตามตลาดโลก แต่ยอมรับการแข่งขันสูง ดังนั้นจำเป็นต้องมีการวางแผนการตลาดที่ชัดเจน โดยจะต้องรุกตลาดในทุกรูปแบบนอกเหนือจากการขายในครัวเรือนไปยังภาคอุตสาหกรรมและขนส่งซึ่งปัจจุบันความต้องการใช้แอลพีจีในเวียดนามประมาณ 1 ล้านตัน บริษัทเวียดนามแอลพีจี เป็นการร่วมทุนระหว่างปตท.และปิโตรเวียดนาม ในสัดส่วนหุ้น 45% 55% ตามลำดับ ช่วงแรกปตท.มีการส่งออกแอลพีจีไปจำหน่ายที่เวียดนาม แต่ระยะหลังต้องหันไปซื้อแอลพีจีจากโรงกลั่นในประเทศหรือนำเข้าแทน

SGPจ่อซื้อหุ้นแอลพีจีของ ปตท.ที่เวียดนาม

แหล่งข่าวจากบริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP) กล่าวว่า หากปตท.ต้องการขายหุ้นธุรกิจเวียดนามทั้งหมด ทางบริษัทก็สนใจที่จะซื้อ เนื่องจากธุรกิจบรรจุและขายปิโตรเลียมเป็นธุรกิจหลักที่บริษัทให้ความสนใจ แม้ว่าจะมีธุรกิจแอลพีจีอยู่ในเวียดนามแล้วก็ตาม มองว่า จะเป็นการเสริมศักยภาพในการทำธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นซึ่งการจัดหาแอลพีจีมาป้อนนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เชฟรอน โอเชี่ยนแก๊ส แอนด์ เอ็นเนอร์จี้ จำกัด ในสัดส่วน 99% ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว จากบริษัท เชฟรอน ไชน่า จำกัด ทำให้มีท่าเทียบเรือและคลังเก็บแอลพีจีขนาดใหญ่ 1แสนตัน เพื่อป้อนให้โรงบรรจุอื่นๆของบริษัทที่กระจายในภูมิภาคนี้ ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าไปซื้อกิจการธุรกิจแอลพีจีในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มเติมหลังจากเข้าไปซื้อธุรกิจเชลล์แก๊สที่สิงคโปร์เมื่อเร็วๆ นี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us