รังสรรค์ ต่อสุวรรณ ถ้าใครบอกว่าไม่รู้จัก สถาปนิกนามกระเดื่องของเมืองไทยคนนี้ก็คงจะแปลกมาก
ๆ
นอกจากจะเป็นเจ้าของบริษัทรังสรรค์สถาปัตย์แล้ว ก็ยังเป็นผู้ช่วยศาตราจารย์ในตำแหน่งรองคณบดี
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯอีกด้วย
เขามีชื่อเสียงทางด้านการออกแบบมานานหลายสิบปีอาคารใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นตึกโชคชัย
ตึกที่เคยได้ชื่อว่าสูงที่สุดในประเทศไทย อาคารกมลสุโกศล อัมรินทร์พลาซ่า
วอลล์สตรีททาวเวอร์และอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารกสิกรไทยริมถนนพหลโยธิน ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานส่วนหนึ่งของเขา
และผลงานชิ้นใหม่ที่ฮือฮามากก็คือการออกแบบโรงแรมเอราวัณยุคใหม่ซึ่งเป็นแบบสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์
ผลงานที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ของเขาจะใช้การออกแบบ "โพสต์โมเดิร์น"
คือการนำเอาสถาปัตยกรรมในยุคโบราณกรีก โรมัน มาเป็นรูปแบบในการก่อสร้างอาคารเพื่อทำให้กลมกลืนกับอาคารใหม่
ๆ ทำให้ความแข็งของอาคารอ่อนช้อยลงได้
เรียกว่าชื่อของรังสรรค์เป็นตรารับประกันคุณภาพได้ดี งานชิ้นไหนถ้าไม่
"เปอร์เฟ็ค" จริง ๆ เขาไม่ยอมให้ผ่านมือไปแน่
อรุณ ชัยเสรี อดีตอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปัจจุบันเขาลาออกจากจุฬาฯมาตั้งบริษัทอรุณชัยเสรีคอนซัลติ้งเอนจิเนียร์สรับออกแบบคำนวณโครงสร้างและควบคุมงานก่อสร้าง
อรุณเคยร่วมงานกับรังสรรค์ หลายต่อหลายโครงการอาทิเช่น อัมรินทร์พลาซ่า
วอลล์สตรีททาวเวอร์ ฯลฯ ผลงานที่ออกมาเป็นประกาศนียบัตรรับประกันความผิดหวังได้สำหรับการผนึกกำลังของสองอาจารย์จากจุฬาฯ
คู่นี้
นรเศรษฐ ปัทมานันท์ กรรมการผู้จัดการซิลเวอร์บีชหลายคนอาจจะไม่รู้จักเพราะไม่ใช่คนในวงการนี้
แต่ถ้าบอกว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทชิโนเวสต์เอ็นเตอร์ไพรส์ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตก้นกรองบุหรี่ให้โรงงานยาสูบ
นักสูบทั้งหลายก็คงจะพอคุ้น ๆ กับผลิตภัณฑ์ของเขาอยู่บ้าง
นรเศรษฐเข้ามาจับงานนี้เพระการชักชวนของไพฑูรย์สายสว่าง กรรมการอีกคนของซิลเวอร์บีช
ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ศึกษาความเป็นไปของโครงการ "อาจารย์ไพฑูรย์แกรู้จักผมดีแกมาชวนผม
และแกก็สนิทกับอาจารย์ รังสรรค์ แล้วเราก็มาร่วมกันสร้างซิลเวอร์บีช"
นรเศรษฐบอกความเป็นมาให้ผู้จัดการฟัง
ส่วนถนอม อังคณะวัฒนากรรมการรองผู้จัดการฝ่ายการตลาดของซิลเวอร์บีช หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อนี้อยู่บ้าง
โดยเฉพาะคนที่อยู่ในวงการก่อสร้างและพัฒนาที่ดิน
ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของบริษัทโมเดอร์นโฮม บริษัทรับสร้างบ้านเหมือน ๆ กับ
ควอลิตี้เฮ้าส์ของค่ายแลนด์แอนด์เฮ้าส์
ทั้ง 4 คนล้วนแล้วแต่โดดเด่นและเป็นที่เลื่องลือในสาขาอาชีพที่ยึดกุม คงดูเป็นเรื่องปกติถ้าพวกเขายังสุขใจที่จะขวนขวายหาความสำเร็จตามแบบฉบับดั้งเดิม
แต่มิติแห่งการผนึกผสานกำลัง และความคิดเพื่อร่วมกันสร้างปรากฏการร์ใหม่กับโครงการใหญ่อย่างหนึ่งย่อมเป็นเรื่องน่าขบคิดและติดตาม
"ซิลเวอร์บีช คอนโดมิเนียน" คือโครงการที่ว่านั้นซิลเวอร์บีช
เป็นคอนโดมิเนียมสูง 22 ชั้น จำนวน 84 ยูนิต ตั้งอยู่ชายหาดวงศ์อมาตย์ นาเกลือพัทยาเหนือ
พัทยาเหนือซึ่งไม่แออัดและวุ่นวายเหมือนพัทยากลางและพัทยาใต้อย่างที่เรารู้
ๆ กัน
"พัทยาเหนือที่ดินส่วนใหญ่จะอยู่ติดชายหาด เราถือว่าเป็นหาดส่วนตัว
และที่ดินของซิลเวอร์บีชอยู่ตรงปลายเหมือนเชิงเขาโอกาสดูวิวจะดีกว่าที่อื่น"
ถนอมบอกจุดเด่นของโลเคชั่นให้ฟัง
"ที่อื่น" ของเขาคงจะหมายถึงคู่แข่งของซิลเวอร์บีช ซึ่งในบริเวณนั้นก็มีการ์เดนคลิฟ
คอนโดมิเนียมและสยามเพนเฮ้าส์ 3 ที่พอฟัดพอเหวี่ยงเพราะจัยเอมาร์เก็ตเช่นเดียวกัน
แต่ทั้งสองโครงการเปิดไปแล้วตั้งแต่ 2525 ทำให้ถนอมบอกว่า "ผมไม่คิดว่าจะมีคู่แข่ง"
"ต่ำสุด 2.2 ล้าน สูงสุด 4 ล้าน ก็ตกตารางเมตรละหมื่นสี่ถึงหมื่นหก
เมื่อเทียบกับวัสดุและสิ่งอำนวยความสะดวกแล้วราคาปานกลางแต่ได้ของหรู"
ถนอม คำนวณราคาขายต่อยูนิต กับ "ผู้จัดการ"
ซิลเวอร์บีชนั้น จริง ๆ แล้วก็เริ่มต้นจากการที่รังสรรค์ ต่อสุวรรณ กับมิตรสหายกลุ่มนี้ต้องการจะสร้างสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับพวกเขากันเองแต่เมื่อดูทำเล
และมีการศึกษาตลาดรวมทั้งความเป็นไปได้ของโครงการแล้ว ไป ๆ มา ๆ ก็บานปลายกลายเป็นการลงขันกันจัดทำโครงการใหญ่โตดังกล่าว
"คือ ทุกคนที่เป็นเจ้าของโครงการที่จะมีห้องของตัวเองที่ซิลเวอร์บีชด้วย"
คนที่ทราบเรื่องเล่า
รังสรรค์ ต่อสุวรรณ กับอีกบางคนที่ร่วมลงทุนและบริหารโครงการนั้น ที่แล้ว
ๆ มาก็ได้แต่รับจ้างคนอื่น ทำให้เจ้าของโครงการรวยกันมาแล้วหลายคน
หรือว่าคราวนี้เขาต้องการจะรวยเองบ้าง
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก พวกเราไม่ได้หวังจะกำไร เราหวังจะใช้ตัวนี้สร้างชื่อเพื่อทำโครงการต่อไปในอนาคตมากกว่า"
ผู้ร่วมทุนคนหนึ่งของซิลเวอร์บีชบอก
สรุปง่าย ๆ ก็คือ โครงการนี้ไม่มีรายการ "ตีหัวเข้าบ้าน" นั่นเอง