แอลจี ส่งเฮลธ์พลัส คอลเลกชั่นใหม่ พร้อมทุ่มงบ 300 ล้านบาท โปรโมต อัดกิจกรรม กระตุ้นผู้บริโภคให้หันมาใส่ใจคุณภาพชีวิต เพื่อผลักดันยอดขายเฮลธ์พลัส ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าสินค้าทั่วไป 20% คาดจบปีสามารถปิดยอดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนได้ 5,000 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์เฮลธ์พลัส คอลเลกชั่น จะมีสัดส่วนเพิ่มจาก 20% เป็น 30% ในสิ้นปีนี้
แอลจี ลอนช์ เฮลธ์ พลัส นิวคอลเลกชั่นเติมเต็มจิ๊กซอว์สู่พรีเมียมแบรนด์ หลังจากใช้กลยุทธ์ราคาเป็นตัวนำในการสร้างแบรนด์แอลจีให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคไทยในช่วงแรก จากนั้นได้มีการปรับตำแหน่งทางการตลาดเพื่อก้าวไปสู่การเป็นพรีเมียมแบรนด์ ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องอยู่ในวังวนของสงครามราคาที่ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อธุรกิจ โดยแอลจีมีการพัฒนาสินค้าไฮเอนด์ควบคู่กับการดีไซน์ที่โดดเด่นจนสามารถจำหน่ายสินค้าพรีเมียมในระดับราคาที่สูงขึ้นเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ความเป็นพรีเมียมแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็นสวารอฟสกี้ราคาหลักแสนบาท เครื่องปรับอากาศอาร์ทคูลที่สร้างปรากฏการณ์ด้านดีไซน์ให้กับเครื่องปรับอากาศ ตลอดจนเครื่องซักผ้าฝาหน้าระบบไอร้อน
ทั้งนี้ แอลจี ลอนช์ เฮลธ์ พลัส คอลเลกชั่น ครั้งแรกในปีที่ผ่านมา ซึ่งจากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคล่าสุดพบว่าส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะสุขลักษณะและอนามัยภายในบ้าน ดังนั้น แอลจีจึงหันมาเพิ่มน้ำหนักให้กับฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพ โดยเฮลธ์ พลัส คอลเลกชั่น ของแอลจีแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบคือ Nutrition Living ประกอบด้วยสินค้าในกลุ่มตู้เย็น ไมโครเวฟ Clean Living ประกอบด้วยเครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน เครื่องดูดฝุ่น Fresh Living ประกอบด้วย เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ นอกจากนี้ เฮลธ์ พลัส คอลเลกชั่น ยังมีเรื่องของการประหยัดพลังงานร่วมด้วย
Caring for your health in every way หรือ “เทคโนโลยีที่พร้อมใส่ใจในสุขภาพคุณเสมอ” เป็นสโลแกนที่ใช้สำหรับ เฮลธ์ พลัส เทคโนโลยีในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการสร้างไอคอนเป็นสัญลักษณ์ เฮลธ์ พลัส สีเขียว ควบคู่ไปกับโลโก้ของแอลจี โดยปีที่ผ่านมาบริษัทมีการใช้งบการตลาด 50 ล้านบาทในการโปรโมตเฮลธ์ พลัส คอลเลกชั่น โดยโฟกัสไปที่กลุ่ม eco-mom เป็นพิเศษ ซึ่งเป็นกลุ่มแม่บ้านที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และมีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนต่างๆ
สำหรับในปีนี้บริษัทมีการทุ่มงบมากถึง 300 ล้านบาทเพื่อโปรโมตเฮลธ์ พลัส คอลเลกชั่นใหม่ โดยแบ่งเป็นงบสำหรับโฆษณา 40% และงบการตลาดอีก 60% โดยแอลจีตั้งเป้าว่าจะสามารถผลักดันยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนได้ 5,000 ล้านบาทในปีนี้ คิดเป็นการเติบโต 30% โดยสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเฮลธ์ พลัส คาดว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ของยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนของแอลจี
“ยกระดับในทุกมุมของชีวิต” (Upgrade Your Life in Every Way) เป็นสโลแกนใหม่ในการรุกตลาดเฮลธ์ พลัส คอลเลกชั่นในปีนี้ โดยเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเพื่อการสร้างสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นให้แก่สมาชิกในครอบครัว ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งจะช่วยยกระดับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
ผลิตภัณฑ์เฮลธ์ พลัสรุ่นใหม่ประกอบด้วย ตู้เย็น กรีน พลาสม่า มีราคาเริ่มต้นที่ 15,490-21,990 บาท เครื่องซักผ้าฝาบน 6 ทิศทาง มีราคาเริ่มต้นที่ 16,990-27,990 บาท เตาอบไมโครเวฟ รุ่นโซลาร์โดม ราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท, ดูโอเชฟ 19,990 บาท และสตีมเชฟ ราคา 15,900 บาท นอกจากนี้ยังมีเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ มีราคาเริ่มต้นที่ 3,990-5,990 บาท
“วิสัยทัศน์ของแอลจีคือการเติมเต็มชีวิตของผู้บริโภคชาวไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก และการเสริมสร้างสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้บริโภค ก็เป็นหนึ่งในพันธกิจของเราด้วยเช่นกัน แอลจีจึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ เราเชื่อมั่นว่าเราก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในสามผู้นำตลาดในประเทศไทยปีนี้ และสามารถขึ้นเป็นผู้นำตลาดเบอร์หนึ่งของโลกได้ภายในปี 2555 ตามที่ตั้งเป้าไว้ได้อย่างแน่นอน” เฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าว
ในอนาคตผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนของแอลจีจะเป็น เฮล์ธ พลัส คอลเลกชั่นทั้งหมด โดยผลิตภัณฑ์เฮลธ์ พลัส ในกลุ่มเครื่องปรับอากาศจะมีราคาเพิ่มขึ้น 30-40% ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนจะมีราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป 10-20% โดยบริษัทพยายามที่จะลดช่องว่างของราคาลงเพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคให้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยขยายสัดส่วนฐานลูกค้าพรีเมียมให้เพิ่มมากขึ้น และเมื่อผู้บริโภคมีประสบการณ์ในการใช้สินค้าที่มีเทคโนโลยีเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นก็จะทำให้ผู้บริโภคหันมาตัดสินใจซื้อสินค้าจากคุณภาพในการใช้งาน แทนที่จะมองแต่เรื่องราคาเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้แอลจีสามารถสร้างมาร์จิ้นได้มากกว่าการขายไฟติ้งโมเดล
|