ในแวดวงของแบตเตอรี่ประเภทชาร์จซ้ำได้ ผู้ประกอบการที่เป็นผู้นำตลาดโลก คือพานาโซนิค โดยมีซัมซุง พยายามไต่เต้าขึ้นมาเบียดส่วนแบ่งไปจากเบอร์หนึ่งในตลาด

กลยุทธ์หลักที่ทั้งพานาโซนิคและซัมซุงมุ่งการนำเอามาใช้ คือ การตัดราคาขายลงจากราคาป้าย ซึ่งมีการคาดกันว่าแบตเตอรี่ลิเธียม-ไออ้อน จะมีราคาลดลงถึง 19% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 5 ปี

เมื่อประเมินจากสภาพของสินค้าคงเหลือที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าปริมาณความต้องการแล้ว คาดว่าระดับราคาที่จะปรับลดเพื่อต่อสู้กันในสนามราคาคราวนี้อาจมากถึง 25% ด้วย

ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการลงสู่สมรภูมิการตัดราคาขายคราวนี้มีอยู่หลายประการ ประการแรก มูลค่าการตลาดรวมกันของแบรนด์พานาโซนิคและแบรนด์ซัมซุงรวมกันประมาณ 75% ของมูลค่าการตลาดรวมทั้งหมดในโลก การแข่งขันเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเอาไว้จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และไม่อาจละเลยได้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการตลาดของพานาโซนิค หรือฝ่ายของซัมซุงก็ตาม

ประการที่สอง ตลาดเป้าหมายของพานาโซนิคและซัมซุงก็คือ บรรดารถยนต์ที่ไม่ได้ติดถังแก๊ส และใช้พลังงานจากเซลล์ลิเธียม-ไออ้อนเป็นหลัก ซึ่งคาดกันว่าตลาดส่วนนี้มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 6 ปี ข้างหน้านี้

การปรับลดราคาของแบตเตอรี่ในรถยนต์ที่ลดลง อาจนำไปสู่การลดลงของต้นทุนการผลิตรถยนต์จำหน่าย โดยเฉพาะแบรนด์นิสสัน ซึ่งใช้รถไฟฟ้าที่เป็นรุ่นซีดานระดับราคา 32,780 ดอลลาร์ มีกำหนดจะนำออกวางตลาดในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

หากรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่ได้รับความนิยมและทำให้รถยนต์ขายดีมากขึ้นก็มีส่วนช่วยให้แบตเตอรี่ขายดีมากขึ้น และทำให้กิจการยักษ์ใหญ่อย่างพานาโซนิคและซัมซุงมั่นใจว่าจะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ และไม่ต้องยอมปรับลดราคาลงมากมายถึง 25% อย่างในช่วงนี้

ประการที่สาม แม้ว่าพานาโซนิคจะเป็นเจ้าครองส่วนแบ่งทางการตลาดส่วนใหญ่อยู่ก็ตามแต่ความมุ่งมั่นและเป้าหมายของแบรนด์จากเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นซัมซุง หรือแอลจี ได้ใช้กลยุทธ์การตั้งราคาขายต่ำเป็นจุดขาย

การที่แบรนด์เกาหลีสามารถตั้งราคาขายต่ำกว่าได้ก็เพราะซื้อวัตถุดิบที่ราคาต่ำกว่าจากจีนและมีการผลิตที่ทำได้รวดเร็วกว่าพานาโซนิค ประกอบกับค่าเงินวอนที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ทำให้ราคาขายคิดเป็นเงินตราต่างประเทศมีราคาถูกว่า และดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อได้ดีกว่า ความได้เปรียบในการแข่งขันจึงดีกว่าแบรนด์จากญี่ปุ่น

ประการที่สี่ ที่ผ่านมาเซลล์ลิเธียม-ไออ้อนนำไปใช้ในคอมพิวเตอร์แลปท็อปและโทรศัพท์มือถือเป็นสำคัญ ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด เป็นเป้าหมายใหม่ของผู้ประกอบการเหล่านี้ และคาดว่าจะมีมูลค่าการตลาดสูงมากในอีก 10 ปีข้างหน้า

ด้วยเหตุนี้การที่ พานาโซนิคตัดสินใจลงทุนด้วยเงิน 300,000 ล้านเยน จึงทำให้ไม่อาจเสี่ยงต่อความล้มเหลวของการดำเนินงานได้ และเตรียมการที่จะขยายศักยภาพการผลิตรอไว้ถึง 3 เท่าจากปัจจุบัน

แนวโน้มของการเตรียมความพร้อมในการขยายธุรกิจแบตเตอรี่ลิเธียม-ไออ้อน ไม่ได้ดำเนินการการเฉพาะพานาโซนิคเท่านั้น แบรนด์โซนี่ก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งของญี่ปุ่นที่เห็นโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว

โดยภาพรวมแล้วสภาพการแข่งขันของธุรกิจแบตเตอรี่แบบชาร์จซ้ำคงจะต้องทวีความรุนแรงขึ้นและดูเหมือนจะชัดเจนว่าเป็นการแข่งขันกันระหว่างแบรนด์ญี่ปุ่นกับแบรนด์เกาหลีใต้ ซึ่งไม่ว่าใครจะแข่งขันกันบ้าง ผู้บริโภคคงจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์แน่นอนเพราะได้ใช้สินค้าที่ดีราคาถูกลงเรื่อยๆ